ข่าว

ฟรองซัวส์ ฟิญง...เมื่อฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีในแดนปารีเซียง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดโลกวันอาทิตย์ ...-บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

 

            หลังจากมะกันชนได้สร้างตำนานช็อกโลกมาแล้วคราวเลือกโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ชูกระแสชาตินิยมขวาจัดขึ้นมาเป็นว่าที่ผู้นำทำเนียบขาวคนใหม่ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อาจถึงคราวที่ชาวเมืองปารีเซียงฝรั่งเศสจะช็อกโลกบ้าง ด้วยการเดินตามรอยมะกันชนเลือก ฟรองซัวส์ ฟิญง แห่งพรรคอูแอ็มเปเดิม หรือ พรรครีพับลิกันฝรั่งเศสที่ชูกระแสชาตินิยมขวาจัดขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่บ้าง  ช่วงที่มีการหย่อนบัตรเลือกตั้งในเดือนเม.ย.ศกหน้า หรือถ้าหากไม่มีผู้สมัครคนใดได้คะแนนเกิน 50 เปอร์เซนต์ก็จะมีการเลือกตั้งรอบสองในต้นเดือนพค.

 

ฟรองซัวส์ ฟิญง...เมื่อฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีในแดนปารีเซียง

 

            แม้ว่าขณะนี้ยังไม่ทราบว่าพรรคสังคมนิยมของประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์จะเลือกใครเป็นตัวแทนชิงทำเนียบเอลิเซ ซึ่งต้องรอผลการชิงเป็นตัวแทนพรรคในเดือนมก. ศกหน้า หลังจากออลลองด์ประกาศจะไม่ลงชิงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2

            แต่เชื่อว่าโอกาสที่พรรคสังคมนิยมจะชนะเลือกตั้งอีกสมัยค่อนข้างจะลางเลือน เห็นได้จากคะแนนนิยมของออลลองด์ลดต่ำเป็นประวัติการณ์เหลือแค่ 7 เปอร์เซนต์เท่านั้น สืบเนื่องจากความล้มเหลวในการป้องกันการก่อการร้ายปล่อยให้เกิดเหตุร้ายแรงไม่คาดหมายขึ้นหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา  ตลอดจนการท้าทายสหภาพแรงงานเมื่อผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปแรงงานไฟเขียวให้ปรับลดค่าทำงานล่วงเวลาลงถ้าหากพนักงานทำงานเกินสัปดาห์ละ35ชั่วโมงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ทำให้พนักงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวฝึกงานอาจต้องทำงานเพิ่มเป็นสัปดาห์ละ40ชั่วโมงเพื่อความอยู่รอด

 

ฟรองซัวส์ ฟิญง...เมื่อฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีในแดนปารีเซียง

 

            ฟิญง ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด สำหรับผู้ที่เบื่อหน่ายข่าวฉาวคาวโลกีย์ของอดีตประธานาธิบดีหลายคน โดยเฉพาะอดีตประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ที่มากชู้มากเมียก่อนจะแต่งงานกับการ์ลา บรูนี ขู้รักรายล่าสุดที่เป็นนางแบบสุดเซ็กซี ขณะที่ประธานาธิบดี อัลลองด์ก็ฉาวพอกัน เคยอยู่กินกับรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมคนหนึ่ง จนมีลูก 4 คน ก่อนจะไปอยู่กินกับผู้หญิงคนที่ 2 ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ระหว่างนั้นก็มีข่าวฉาวกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งจนต้องเลิกรากับภรรยาหลวงแล้วดันภรรยาน้อยขึ้นมาเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งอย่างไม่เป็นทางการ ท้ายสุดนักข่าวก็ได้ข่าวเจาะพิเศษว่าชอบแอบหลบจากทำเนียบประธานาธิบดีในเวลากลางคืนเพื่อไปอยู่กับชู้รักอีกคนหนึ่ง

            ผิดกับฟิญง ที่ชาวเมืองตราไก่สามารถฝากความหวังได้ว่าจะช่วยฟื้นฟูสถาบันครอบครัวให้กลับมาแข็งแกร่ง เป็นครอบครัวที่อบอุ่น สามีภรรยาซื่อสัตย์ต่อกันและพร้อมพรั่งด้วยลูกหลานแบบในอดีตอันเนื่องจากการใช้ชีวิตแบบพวกอนุรักษ์ของเจ้าตัวที่เป็นคาธอลิกที่เคร่งครัด แต่งงานกับเพเนโลป ภรรยาซึ่งเป็นชาวเวลช์มานานกว่า 30 ปี จนมีลูกด้วยกัน 5 คน พำนักอยู่ในคฤหาสน์ที่สร้างในสมัยศตวรรษที่ 12 ใกล้เมืองเลอมองส์ ซึ่งเป็นบ้านเกิด

 

ฟรองซัวส์ ฟิญง...เมื่อฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีในแดนปารีเซียง

( ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2551 ภาพ AFP ) 

 

            ฟรองซัวส์ ฟิญง วัย 62 ปี ซึ่งมีบุคลิกสุภาพเรียบร้อยพูดจานุ่มนวลแต่งกายเท่แบบสบายๆไม่หรูเกินไปแต่ชอบกีฬาแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจถึงขนาดเป็นนักแข่งรถสมัครเล่น เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายกระทรวงก่อนก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีระหว่างปี2550-2555ในยุคประธานาธิบดี ซาร์โกซี ซึ่งเคยหยิกแกมหยอกแรงๆว่าฟิญงเป็นแค่ “ลูกจ้าง” ความที่เป็นคนตรงไปตรงมา เจ้าตัวจึงกล้าพูดว่าฝรั่งเศสกำลัง”ล้มละลาย”จากวิกฤติหนี้สินในยุโรป และทำให้ตัวเองเริ่มปรับเปลี่ยนจุดยืนใหม่จากที่เคยเป็นพวกอนุรักษ์สายกลางมาเป็นชาตินิยมขวาจัดที่มีทัศนะค่อนข้างสุดโต่งในเรื่องของมุสลิม, ผู้อพยพ, สหภาพแรงงานและการจัดเก็บภาษีในอัตราสูง

 

ฟรองซัวส์ ฟิญง...เมื่อฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีในแดนปารีเซียง

 

            ระหว่างการประชันวิสัยทัศน์ทางโทรทัศน์เพื่อชิงเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันฝรั่งเศส จนทำให้ม้านอกสายตาอย่างฟิญงกลายเป็นม้ามืดที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่งจากนโยบายปฏิรูปชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน รื้อสิ่งที่มีอยู่เดิมแล้วสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาแทน โดยประกาศว่ามีแผนจะผ่าตัดใหญ่ใน 5 ปัญหาสำคัญ

            เริ่มด้วยการผ่าตัดเศรษฐกิจ ตั้งแต่จะยกเลิกการบังคับให้ทำงานแค่สัปดาห์ละ 35 ชม.จนทำให้พรรคสังคมนิยมคว้าชัยชนะในอดีต แต่ตัวเองจะให้นายจ้างกับลูกจ้างเจรจากันเองว่าจะทำงานกันสัปดาห์ละกี่ชม. ภายใต้กรอบของสหภาพยุโรป (อียู) ที่กำหนดเป็นมาตรฐานว่าไม่เกินสัปดาห์ละ 48 ชม. ส่วนข้าราชการทำงาน 39 ชม.แต่จ่ายแค่ 37 ชม. โดยไม่สนใจว่าบรรดาสหภาพแรงงานคงจะคัดค้านสุดแรงเกิดแน่

            เพื่อจะส่งเสริมการแข่งขันของบริษัทต่างๆ ฟิญงมีแผนจะลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงจาก 33 เปอร์เซนต์ เหลือ 25 เปอร์เซนต์ รวมทั้งจะลดภาษีเงินได้ของพวกเศรษฐีและชนชั้นกลางลง ส่วนการรักษาพยาบาลจะเหมือนเดิม นั่นก็คือใครป่วยหนัก รัฐจะออกค่ารักษาพยาบาลให้ ส่วนที่ป่วยน้อยก็ให้บริษัทประกันออกค่ารักษาพยาบาล

 

ฟรองซัวส์ ฟิญง...เมื่อฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีในแดนปารีเซียง

 

           นโยบายที่ทำให้ช็อกมากที่สุดก็คือการประกาศจะเออร์รีรีไทร์ข้าราชการ 500,000 ตำแหน่ง จากทั้งหมด 5.4 ล้านคน หรือเท่ากับว่าชาวฝรั่งเศสทุกๆ 1 ใน 10 คนล้วนแต่รับราชการซึ่งเป็นงานแสนสบายที่สุดอันจะช่วยประหยัดงบประมาณได้มากถึง 100,000 ล้านยูโร หรือ 106,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมกันนั้น ก็จะเพิ่มเวลาการเกษียนราชการจากขณะนี้ 62 ปีเป็นเกษียณตอนอายุ 65 ปี

           นโยบายสำคัญอีกนโยบายหนึ่งที่จะต้องผ่าตัดใหญ่ก็คือการชูจุดยืนว่า “ครอบครัวต้องมาก่อน”

            ความที่เป็นพวกหัวเก่า ฟิญงจึงมีจุดยืนต่อต้านการแต่งงานของกลุ่มหลากหลายทางเพศที่ประธานาธิบดีออลลองด์ประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยตัวเก็งประธานาธิบดีคนใหม่ยืนยันว่าถ้าชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีก็จะแก้กฎหมายฉบับนี้

            ในส่วนของการทำแท้งเสรี แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับกฎหมายที่ไฟเขียวให้ทำแท้งเสรี ฟิญงพูดเพียงแค่ว่าจะไม่ไปแตะกฎหมายฉบับนี้ ทั้งไม่แก้ไขและไม่สนับสนุน นอกจากนี้ ก็ไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องให้ผู้หญิงโสดหรือเลสเบียนได้รับสิทธิในการมีลูก

           ฟิญงยังมีจุดยืนที่ค่อนข้างแข็งกร้าวในเรื่องอิสลามและอัตลักษณ์ต่างๆ  ในหนังสือเรื่อง“Defeating Islamic Totalitarianism”หรือการเอาชนะลัทธิเบ็ดเสร็จนิยมอิสลามที่เจ้าตัวเขียนไว้เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาได้ระบุอย่างตรงไปตรงมาว่าอิสลามเป็นตัวการสร้างปัญหาหลายปัญหาขึ้นในฝรั่งเศส รวมไปถึงการก่อเหตุร้ายหลายครั้ง พร้อมกับชี้ว่า อิสลามต้องยอมรับศาสนาอื่นเหมือนที่ศาสนาอื่นยอมรับอิสลามในอดีต ฟิญงยังประกาศชัดว่าฝรั่งเศสไม่ใช่สังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่มีประวัติศาสตร์ มีภาษาและมีวัฒนธรรมของตัวเอง ที่ผู้อพยพต่างชาติซึ่งเจ้าตัวประกาศจะจำกัดจำนวนลงจะต้องซึมซับวัฒนธรรมฝรั่งเศส ไม่ใช่ยึดมั่นแต่วัฒนธรรมของตัวเอง

           เหนืออื่นใด ฟิยงประกาศว่าตัวเองเป็นพวกโกลลิสต์ที่ต้องการสืบทอดนโยบายของอดีตประธานาธิบดีชาร์ลส์ เดอ โกลล์ ที่เป็นพวกชาตินิยมและต้องการฟื้นฟูฝรั่งเศสให้กลับมาแข็งแกร่งและเป็นอิสระอีกครั้ง จากที่เคยเฟื่องฟูเมื่อราว 40 ปีที่แล้ว

 

ฟรองซัวส์ ฟิญง...เมื่อฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีในแดนปารีเซียง

 

           ฟิญงยังมีนโยบายต่างประเทศคล้ายกับทรัมป์นั่นก็คือต้องการสานสัมพันธ์อันดีกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียที่ตัวเองมีความสัมพันธ์อันดีช่วงที่ต่างเป็นนายกรัฐมนตรี ถึงขนาดบางครั้งก็ไปวิ่งจ็อกกิ้งด้วยกัน พร้อมกับให้ความเห็นว่ายุโรปจะต้องผนึกกำลังให้แข็งแกร่งผ่านการรวมตัวเป็นสหภาพยุโรป (อียู) และต้องดำเนินนยโยบายถ่วงดุลย์อำนาจ ไม่ใช่เข้าข้างสหรัฐตลอดเวลาเหมือนเช่นทุกวันนี้ ฟิญงยังประกาศชัดว่าไม่เห็นด้วยกับการที่สหรัฐจับมือกับยุโรปแซงค์ชั่นรัสเซียช่วงที่ทำสงครามชายแดนกับยูเครนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว อีกทั้งยืนกรานไม่เห็นด้วยกับการจะกดดันให้ประนามรัสเซียว่าก่ออาชญากรรมสงครามขึ้นที่ซีเรีย นอกเหนือจากแสดงท่าทีที่เห็นได้ชัดว่าสนับสนุนรัฐบาลซีเรียในการปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงไอเอส

            ตัวเก็งผู้นำทำเนียบเอลิเซคนใหม่ย้ำหลายครั้งว่าตัวเองเป็นนักปฏิบัติที่เอาจริงเอาจังมากกว่าแค่เล่นลิ้น เพียงเพื่อหวังเอาชนะเลือกตั้ง

            ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังหลายคนชี้ว่าชัยชนะของฟิญงที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันส่งชิงทำเนียบเอลิเซ สะท้อนว่าวิธีแก้ปัญหาเรื้อรังในประเดทศนี้ที่ดีที่สุดก็คือต้องให้ยาแรง หรืออีกนัยหนึ่งการยกเครื่องใหญ่เท่านั้นที่จะทำให้ประเทศก้าวพ้นจากภาวะชะงักงันได้ และถึงแม้ฟิญงอาจจะไม่สามารถทำตามสัญญาได้หมดทุกข้อตามที่ให้สัญญาไว้ แต่แค่ทำได้จริงแม้เพียง 60 เปอร์เซนต์ก็คือว่าดีแล้ว

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ