ข่าว

ร้อยเรื่องราวผ่าน “รูปของพ่อ”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รูป "พ่อ" จะตราตึงอยู่ในหัวใจคนไทยตลอดไป

     “พ่อสอนเราตอนเด็กว่า คนในภาพนี้เปรียบเสมือนพ่อของบ้านเมืองเรา ชีวิตของคุณพ่อมีพระคุณกับลูกแค่คนเดียว แต่ชีวิตพ่อหลวงในภาพนี้มีพระคุณกับคนไทยทั้งประเทศ บุญคุณท่านยิ่งใหญ่ ขอให้ระลึกถึงพระองค์ท่านเสมอ....”

     หากถามคนไทยถึงรูปที่มีความหมายกับชีวิตติดไว้ข้างฝาหรือตั้งโต๊ะบูชา ไม่นับรวมบรรดารูปญาติ คนที่เคารพนับถือ แน่นอนว่า พระบรมฉายาลักษณ์ และพระบรมสาทิสลักษณ์ของ“พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์เป็นรูปที่มีกันทุกบ้าน มากน้อยต่างกันไป ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แม้นไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าสักครั้ง หากความรักและความผูกพันต่อเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินได้ซึมซับผ่านแต่ละรูปภาพที่ว่ากันว่างดงามที่สุดของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน...

ร้อยเรื่องราวผ่าน “รูปของพ่อ”

  ชลธาร ตันชราภรณ์ -ศิริพจษ์ สุธรรมรักษ์

      เดินทางมาร่วมลงนามถวายความอาลัยพร้อมในมือถือพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขณะทรงงาน มีหยดพระเสโท (เหงื่อ) อยู่ที่ปลายพระนาสิก (จมูก) ชลธาร ตันชราภรณ์ เจ้าของภาพเผยว่า ซื้อพระบรมฉายาลักษณ์จากด้านนอกพระบรมหาราชวัง เป็นรูปที่อยากได้มาก บอกกับทุกคนเสมอว่า อยากได้รูปในพระอิริยาบถนี้ขนาดใหญ่จะนำไปติดไว้ที่บ้านและที่ทำงาน

    “แม้เป็นรูปที่พระองค์ทรงงานหนัก แต่ดูแล้วก็สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงทำเพื่อคนไทย ต้องเหนื่อยพระวรกายทุกวัน เวลาที่เราทำงานมาหนักๆ เหนื่อยๆ หยิบรูปนี้มาดูทีไรก็หายเหนื่อย เพราะรู้ว่า พระองค์ยังทรงงานหนักกว่าเราเยอะ ภาระหน้าที่ที่เรามีสู้พระองค์ไม่ได้เลย” ชลธาร กล่าวก่อนน้ำตาจะค่อยๆ เอ่อล้นสองตาจนต้องยกมือขึ้นปาด

ร้อยเรื่องราวผ่าน “รูปของพ่อ”

     ธนิดา ชวนบุญ แม่บ้านวัย 53 ปี เป็นอีกคนที่ตั้งใจเก็บภาพประทับใจในพระจริยวัตรด้านต่างๆ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 จากหลากหลายแหล่งที่มา ทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ปฏิทิน เพื่อไว้ชื่นชมพระบารมีและพระอัจฉริยภาพ ความรู้สึกเวลานี้คือ คิดถึงพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 สุดหัวใจ

     “ตอนเดินทางมาต่อแถวลงนามถวายความอาลัย เจอรูปที่ท่านทรงงาน และทรงเล่นดนตรีชนิดต่างๆ รู้สึกชอบพระอิริยาบทแบบนี้มาก ทรงดูมุ่งมั่น ตั้งใจในทุกเรื่ิองที่ทรงทำ ที่บ้านก็เล่นดนตรีกันเป็นงานอดิเรกด้วย ตัวเองจะเล่นเปียโน ลูกเล่นกีตาร์ รูปเหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทำได้ดีขึ้น มีความสุขกับงานที่ทำ กับสิ่งที่รักมากขึ้น ที่ห้องนั่งเล่นที่บ้านก็มีรูปที่ทรงโบกพระหัตถ์ให้ประชาชน ทุกคนจะเห็นท่านเหมือนพ่อผู้ยิ่งใหญ่ มีพระคุณล้นพ้นกับพวกเราอย่างหาที่สุดไม่ได้” ธนิดา เล่าถึงพระบรมฉายาลักษณ์ที่ประทับใจ

ร้อยเรื่องราวผ่าน “รูปของพ่อ”

     นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานน้ำสังข์แก่ตัวเองและคู่สมรสเมื่อปี 2541 ทำให้ภาพสมรสพระราชทานนั้นเป็นภาพประทับใจที่ยังคงติดอยู่ที่บ้านของราชนิกูลสาว “มะปราง” ปัทมวดี เสนาณรงค์ มาตลอด 18 ปี แม้ว่าปัจจุบันจะไม่สามารถรักษาชีวิตคู่ไว้ได้ แต่ภาพนั้นก็ยังคงอยู่ เพื่อตอกย้ำถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อตัวเองและครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้

     “ที่บ้านเก็บภาพพระองค์ท่านไว้หลายภาพส่วนใหญ่จะเป็นภาพในเหตุการณ์สำคัญ ไม่ว่าจะจากปกหนังสือหรือหนังสือพิมพ์ก็สะสมไว้ส่วนรูปที่นำมาวันนี้เป็นภาพที่พระองค์ฉลองพระองค์เต็มยศสีทองเหลืองอร่ามในฐานะพระเจ้าแผ่นดินของประเทศไทย เช่นเดียวกับวันที่ทรงออกสีหบัญชร เมื่อครั้งงานฉลองครองราชย์ 60 พรรษา เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ปี 2525 วันนั้นเป็นวันที่คนมารวมตัวกันเยอะมาก ทุกคนสวมใส่เสื้อสีเหลืองตั้งใจมากราบพระองค์ท่าน ซึ่งปรางก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ตอนที่พระองค์ออกมาโบกพระหัตถ์จำได้ว่า ทุกคนร้องไห้พร้อมปาดน้ำตาด้วยความตื้นตัน ซึ่งเป็นภาพที่จะปรากฏอยู่ในความทรงจำของคนไทยตลอดไป” ราชนิกูลสาวเล่าด้วยน้ำเสียงตื้นตัน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ร้อยเรื่องราวผ่าน “รูปของพ่อ” คุณลุงแสวง-คุณป้าละออ รัศมี

     ไม่ต่างจากความรู้สึกที่มีต่อพระเจ้าแผ่นดินของพ่อเฒ่า แสวง รัศมี ที่เล่าถึงบรรยากาศภายในบ้านตัวเอง ย่านบางนา กรุงเทพฯ ว่า จะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่ทุกๆ ห้อง แต่ละภาพอัดใส่กรอบใหญ่ พร้อมคำว่า “เย็นศิระพระบารมี” ไว้ที่หน้าบ้านมาหลายปี ใครผ่านไปมาเห็นก็อุ่นใจที่มีพระองค์เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้พสกนิกร สำคัญว่าเด็กๆ รุ่นหลังก็จะได้รู้จักพระองค์ด้วย

      “ที่บ้านผมเก็บรูปพระองค์ท่านไว้เยอะมาก ทุกใบเราดูแล้วภูมิใจนะ ที่เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งรูปทรงงาน รูปทรงคู่สมเด็จพระราชินี ผมจะชอบดูมากๆ ทรงเป็นคู่พระบารมี มีความรักมั่นคง รูปของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ก็เก็บไว้หมด ทั้งแบบปฏิทิน โปสเตอร์ รูปจากนิตยสาร หนังสือพิมพ์ มีค่ากับจิตใจพวกเราคนไทยมากๆ ถ้ามีเวลาก็จะเอาไปใส่กรอบดีๆ หรือใส่ถุงพลาสติกใสให้เรียบร้อย ใส่ไว่ในแฟ้มอีกที เพื่อเก็บไว้ให้ลูกหลานดู ค่อยๆ เล่าว่าทรงทำอะไรให้ประเทศเราบ้าง รุ่นหลานๆ แม้ไม่ทันได้เห็นพระองค์ทรงงานก็จะได้เห็นได้ซึมซับความรัก ความเมตตาของพระองค์ท่านจากรูปภาพเหล่านี้” แสวง กล่าวด้วยความภาคภูมิใจที่เกิดในรัชสมัยรัชกาลที่ 9

ร้อยเรื่องราวผ่าน “รูปของพ่อ”

     ร่องรอยความเก่าแก่ของพระบรมสาทิศลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฉลองพระองค์จักรีเต็มพระยศ ที่ เนตรชนก น้อยเจริญ พนักงานบริษัทเอกชนวัย 45 ปี ถือแนบอกมาด้วยนั้น บ่งบอกได้ว่ามีความหมายต่อเธอมาก เพราะเป็นรูปที่คุณพ่อของเธอรักมากที่สุด และมักจะสอนให้เจ้าตัวรักพ่อหลวง จากรูปที่ฝาบ้านนี้ตั้งแต่เด็ก

     “ภาพใบนี้ติดที่กำแพงห้องคุณพ่อตั้งแต่เด็กๆ เป็นภาพที่คุณพ่อรัก และบอกให้เราเก็บรักษาให้ดีๆ แม้ตอนนี้กรอบจะหลุดพังไปแล้ว ก็ยังเก็บใส่กล่องไว้ไม่ให้กระทบกระเทือนและไม่อยากใส่กรอบใหม่ เพราะอยากรักษาร่องรอย บรรยากาศในรูปนี้ไว้เหมือนตอนที่พ่อสอนเราตอนเด็กว่า คนในภาพนี้เปรียบเสมือนพ่อของบ้านเมืองเรา ชีวิตของคุณพ่อมีพระคุณกับลูกแค่คนเดียว แต่ในหลวงมีพระคุณกับคนไทยทั้งประเทศบุญคุณท่านยิ่งใหญ่ ขอให้ระลึกถึงพระองค์ท่านเสมอ ยังมีอีกหลายใบที่คุณพ่อเก็บเอาไว้อย่างดี ยังมีภาพที่ทรงงานหนักจนพระเสโทหยดเป็นทาง มองทีไรก็สัมผัสถึงความรัก ความทุ่มเทของพระองค์ท่านที่มุ่งมั่นทำเพื่อคนไทย แบบที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทน” เนตรชนก เล่าที่มาของภาพสุดรักในบ้านย่านลำลูกกาอย่างไม่ค่อยต่อเนื่องนักด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นระยะทุกครั้งที่เอ่ยถึงพระเจ้าอยู่หัวทรงงาน

ร้อยเรื่องราวผ่าน “รูปของพ่อ”

     กอดรูปของพระเจ้าแผ่นดินที่ให้ลูกชายแกะออกมาจากหัวเตียงอยู่ไม่ห่างขณะเดินทางมาร่วมถวายความอาลัย แม้หัวใจจะปวดร้าว คุณยายเพ็ญพักตร์ แก่นพินิจ วัย 82 ปี ก็เต็มใจเล่าให้ฟังว่า อาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ แต่ก็มีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงติดไว้ บางส่วนม้วนเก็บรักษาไว้อย่างดี ตอนทราบข่าวเสด็จสวรรคต ร้องไห้และยกมือไหว้รูปพระองค์ท่าน ทุกวันที่มีพระราชพิธีก็จะยกมือไหว้และพระสวดมนต์ตามตลอด ตั้งใจว่าต้องมาร่วมถวายความอาลัยให้ได้ วันนี้จึงให้ลูกชายพานั่งรถเข็นมา เพราะแข้งขาเดินไม่ไหวแล้ว

     “ถ้าวันนี้ยายไม่ได้มาก็จะเสียใจไปตลอดชีวิต ไม่มีโอกาสได้รับเสด็จท่านอีกแล้ว ยายเสียใจทุกวันทนไม่ไหวต้องมาส่งท่านให้ได้ จะมาได้เอาวันสุดท้าย หรือนาทีสุดท้ายก็ต้องมา รูปนี้ยายเอามาจากหัวเตียง ตัดมาจากปฏิทินอีกที ยายชอบรูปนี้ เพราะพระองค์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่หนื่อย ไม่เครียด เราเห็นพระองค์ท่านมาทั้งชีวิต พระองค์ทรงงานหนักตลอด ยายก็ทำงานหนักมาตลอด พอยายมาล้มจนเดินไม่ได้แล้วนั้นแหละถึงได้อยู่สบาย เพราะไม่สบายแต่พระองค์เจ็บป่วยก็ยังทรงงานต่อไม่ได้พักเลย ตอนนี้ยายเสียใจแต่ก็ต้องอยู่ต่อในแบบที่ทรงสอน จะใช้อะไรต้องคิดใช้ให้คุ้มค่า กินอยู่พอดีไม่ฟุ่มเฟือย ความจำยังดีอยู่ก็จะเล่าเรื่องเก่าๆ เรื่องของพระองค์ ให้ลูกหลานฟังเยอะๆ ว่าเป็นบุญจริงๆ ที่เราได้อยู่บนแผ่นดินท่าน” คุณยายเล่าน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความอาลัยยิ่ง

     ในโลกใบนี้คงไม่มีรูปไหนมีความหมายยิ่งใหญ่เทียบได้กับรูปของ “พ่อ” ที่ลูกๆ บนแผ่นดินไทยเก็บประทับไว้ในหัวใจตราบนานเท่านาน...

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ