เมื่อนึกถึงกระเป๋าผ้าสัญชาติไทย ที่ใช้วัสดุคุณภาพ การตัดเย็บประณีต ในราคาจับต้องได้ หลายคนจะนึกถึงสินค้าของ "นารายา" ภายใต้การนำของ คุณวาสนา รุ่งแสนทอง ลาทูรัส ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด
จากที่คมชัดลึกออนไลน์ได้พูดคุยกับ คุณวาสนาครั้งก่อนเรื่องการเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 ซึ่งเธอให้มุมมองในครั้งนั้น ว่า สติ คือสิ่งที่เธอยึดเป็นหลักในการขับเคลื่อนเพื่อเดินหน้าต่อไปได้ …และในวันนี้ นารายา กับ โลตัส ได้จับมือกันทำโครงการพิเศษ คมชัดลึกออนไลน์ได้มีโอกาสสนทนาถึงโครงการร่วมกันเป็นครั้งแรกของพันธมิตรทั้งสอง โดยมีคุณวาสนา เป็นตัวแทนจาก "นารายา" และฝ่ายของ "โลตัส" โดย ดร.นริศ ธรรมเกื้อกูล (ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม กลุ่มธุรกิจโลตัสส์เอเชีย-แปซิฟิก ยกเว้นประเทศจีน) ถึงการนำสินค้า "นารายา" มาวางจำหน่ายบนเชล์ฟห้างโลตัส สาขาเลียบด่วนรามอินทรา ภายใต้การร่วมมือกันครั้งนี้
อ่าน : วาสนา บิ๊กบอสแห่ง "นารายา" ผู้นำพาแบรนด์ฝ่ามรสุมโควิด-19
คุณวาสนาเล่าว่าโครงการนี้เป็น โอกาสสำคัญในการเจาะกลุ่มลูกค้าคนไทย การร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกของ "นารายา" ในการวางขายสินค้าผ่านช่องทาง Hypermarket และครั้งแรกของ "โลตัส" ที่ได้นำสินค้า "นารายา" แบรนด์ไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาสร้างประสบการณ์ช็อปปิ้งที่แตกต่างให้กับลูกค้า
เมื่อถาม คุณวาสนา และ ดร. นริศ ว่าอะไรที่เป็นตัวจุดประกายให้เกิดความร่วมมือครั้งนี้ ทั้งคู่ได้ให้คำตอบกับเราว่า
1. เพราะค่านิยมที่ตรงกัน
เมื่อ ดร.นริศ ทราบว่าในการผลิตสินค้าของนารายาเป็นงานที่มีส่วนสำคัญในการ ช่วยพัฒนาและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นในประเทศไทย ทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และทำให้ชุมชนมีรายได้ ซึ่งเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับค่านิยม 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ คือการยึดประโยชน์ของประเทศชาติเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยประชาชน และองค์กร จึงเป็นโอกาสที่ดีในการร่วมเป็นพันธมิตรที่จะเจริญเติบโตไปด้วยกันกับ "นารายา"
2. เพิ่มช่องทางขายและรายได้ให้ "นารายา" เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน
ดังที่ทุกคนทราบว่ารายได้หลักของนารายามาจากกลุ่มชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยว คุณวาสนาจึงมองว่าการทำงานร่วมกับโลตัสเป็นโอกาสดีที่จะทำให้คนไทยรู้จักและหันมาใช้สินค้าของนารายามากขึ้น ในช่วงแรกเน้นวางสินค้าที่ใช้ง่ายๆ เช่น กระเป๋าหลากหลายรูปแบบและขนาด ผ้ากันเปื้อน รองเท้าสำหรับใส่ในบ้าน เป็นต้น ส่วนในอนาคตสามารถเติบโตต่อยอดไปทำผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนอื่น ๆ เช่น ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ชุดนอน ฯลฯ
3. ยกระดับความหลากหลายของสินค้าให้ลูกค้าโลตัสได้เลือกจับจ่าย
ดร. นริศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้โลตัสกำลังทำการ รีแบรนด์ ตัวเองใหม่เพื่อให้เป็นห้างไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ายุคปัจจุบันมากขึ้น ดังนั้นการเพิ่มสินค้านารายาเข้ามาบนเชล์ฟโลตัส สาขาเลียบด่วนรามอินทราจึงเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าโลตัสได้ซื้อสินค้านารายาลวดลายพิเศษที่นารายา ออกแบบให้วางจำหน่ายที่เฉพาะโลตัส และมีลวดลายไม่เหมือนกับที่ขายในร้านนารายาสาขาอื่น
จับมือกันเพาะต้นกล้าฝ่า "พายุโควิด-19"
หากถามถึงเส้นทางในอนาคตระหว่าง "โลตัส" และ "นารายา" ว่ามีโอกาสเติบโตต่อไปในทิศทางใด ทั้ง ดร.นริศ และ คุณวาสนามีความคิดเห็นไปในทำนองเดียวกันว่า
"การทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องของผลกำไรเพียงอย่างเดียว
โดยเฉพาะยุคนี้ สิ่งที่ต้องทำคือการประคับประคองธุรกิจ
ให้ทุกภาคส่วนสามารถเดินต่อไปและเติบโตไปด้วยกันได้"
ดังนั้นการร่วมมือกันในครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ด้วยการปลูกข้าวเมล็ดที่ 1 ให้สามารถยืนต้นได้ที่โลตัส สาขาเลียบด่วนรามอินทรา จากนั้นต้องค่อย ๆ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน และหว่านข้าวเมล็ด 2, 3, 4 และต่อ ๆ ไปโดยการลงสินค้าในโลตัสสาขาหัวเมืองใหญ่ และแหล่งท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็น สมุย ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา นครราชสีมา ฯลฯ
การจับมือกันของสองแบรนด์ นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่ในการเสริมความแข่งแกร่งอย่างยั่งยืนของสองธุรกิจผ่านการผสมผสานทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการตลาด ระบบการดำเนินงานและขยายฐานลูกค้าให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมาย โครงการนี้จึงนับว่าเป็นฟันเฟืองก้าวสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทย หากใครผ่านไปผ่านมาแถวโลตัส เลียบด่วนรามอินทรา สามารถเข้าไปอุดหนุนสินค้าคุณภาพของ "นารายา" เพื่อให้โครงการเพื่อสังคมที่ดีเช่นนี้ยั่งยืนต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง