ทำความรู้จัก"ภูมิปัญญา"โบราณกับการพิถีพิถันประดิษฐ์ “บุหรี่กลีบบัว” พระโอสถมวนหรือบุหรี่สำหรับเจ้านายชั้นผู้ใหญ่
ดอกบัว ถือเป็นไม้ที่มีประโยชน์และคุณค่าตั้งแต่รากถึงดอก เพราะสามารถนำมาทำอาหาร ขนม ทำเป็นน้ำชา บูชาพระ หรือแม้กระทั่งสกัดเป็นยาเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ และบำรุงร่างกายได้ ส่วนกลีบบัวนอกจากความสวยงามแล้วในสมัยโบราณยังเคยมีการนำมาทำเป็นยาสูบโดยใช้เกสรบัวหลวงตากแห้ง รวมถึงนำดอกไม้และสมุนไพรอื่นๆ มาเป็นส่วนประกอบ เราจึงชวนคุณผู้อ่านมาดูว่าการทำยาสูบและพระโอสถมวนในสมัยโบราณมีความละเอียดอ่อนอย่างไรกันบ้าง
ด้วยภูมิปัญญาของคนไทยในสมัยโบราณที่พบตามหลักฐานในบทกาพย์เห่เรือ พระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตอนหนึ่งในบทเห่เดือนนักขัตฤกษ์ความว่า :
"หวนเห็นหีบหมากเจ้า จัดเจียน มาแม่
พลูจีบต่อยอดเนียน น่าเคี้ยว
กลี่กล่องกระวานเขียน มือญี่ ปุ่นเอย
บุหรี่ใส่กล่องเงี๊ยว ลอบให้เหลือหาญฯ
หมากเจียนเจ้างามปลอด
พลูต่อยอดน่าเอ็นดู
กระวาน อีกกานพลู
บุหรี่ไห้ ใจเหลือหาญ
เช็ดหน้าชุบน้ำอบ
หอมตลบดอกดวงมาลย์
บังอรซ่อนใส่พาน
ส่งมาให้ไม่เว้นวัน "
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่วนประกอบของบุหรี่คือยาเส้น ได้มาจากการคัดเลือกใบยาสูบ ที่มีความแก่ ระดับปานกลาง มี 3 ระดับ คือ
1. ยาฉุน คือ ใบยาสูบ ที่แก่จัด นับจาก ยอดใบ ลงมา 9-10 ใบ มีรสชาติฉุนมาก ขื่นมากเวลาสูบ
2. ยากลาง คือใบยาที่ นับจากยอดลงมา 4 ใบ มีความเข้มของยา ปานกลาง
3. ยาจืด คือ ใบยาที่อ่อน นับจากยอด 2 ใบมีความอ่อนมาก ในระดับความขื่น
ส่วนใหญ่บุหรี่กลีบบัวจะเลือกยากลางลงมาเป็นส่วนผสม แต่ครั้งโบราณแหล่งยาเส้นที่ดีที่สุดของไทย อยู่ที่เมืองเพชรบูรณ์ หรือเลย ส่วนใหญ่จะผลิตและส่งมาจำหน่ายในภาคกลาง ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่อำเภอศรีสงคราม จ.นครพนม โดยชาวบ้านแต่เดิมนั้นจะปลูกยาสูบเวลาน้ำโขงลดระดับช่วงมีตะกอนแม่น้ำมาสะสมในดอนหรือริมตลิ่งเรียก “ดินน้ำไหลทรายมูล” ซึ่งดินชนิดนี้มีแร่ธาตุมากมายเหมาะแก่การเพาะปลูกใบยาสูบ ทำให้ใบมีขนาดใหญ่ยาวและมีคุณสมบัติที่ดีแห่งหนึ่งของไทย โดยพืชที่นำมาใช้ทำใบยาสูบได้แก่
- ดอกปีบ ตากแห้งทั้งดอกมีสรรพคุณรักษา โรคทางเดินหายใจ
- พิมเสนเกล็ดทอง ( ปัจจุบันไม่มีผลิตแล้ว )
- เกสรบัวหลวงตากแห้ง
- ใบกระวานแห้ง หรือ เมล็ด คั่วร้อน
- อบเชย บางสูตรอาจใส่ ชะเอม เพื่อความชุ่มคอ แต่เมื่อมีการเผาไหม้ เมื่อมีการจุดยาเส้นแล้วสิ่งที่จะทำให้ชุ่มคอ คือ พิมเสนเพราะเป็นสารระเหย สิ่งเหล่านี้คือตัวหลักในยามวน ส่วนบางสูตรอาจจะซอยผิวส้มซ่า หรือใส่กานพลูลงไป
การมวนใบยาจะต้องมีใบตองอ่อนที่นาบกับหินอ่อนร้อนๆ จนแห้งมามวนเป็นใบยาสูบ แล้วนำกลีบดอกบัวหลวง ที่บานเต็มที่ใกล้โรยมานาบเป็นแผ่นรองนอกความยาวราวๆ 4.5 นิ้ว โดยประมาณ ติดด้วยยางมะตูมขนาดราวๆ ลำเทียนฝั้นปลายนิ้วก้อยนางก็จะได้ใบยากลีบบัวสวยงามออกมา แต่ปัจจุบันภูมิปัญญาไทยเหล่านี้ไม่มีการสืบสาน ทำให้ถูกกลืนกลบไปจนหมดสิ้น มีบุหรี่ต่างชาติและซิก้าเข้ามาแทนที่คงจะเหลือแค่ตำนานที่เล่าขานเท่านั้น
ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก Bunchai thongcharoenbougram FB: เลาะรั้ว ชมวัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง