Lifestyle

พระโอสถมวน "กลีบบัว" ความละเมียดละไมของภูมิปัญญาไทยโบราณ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทำความรู้จัก"ภูมิปัญญา"โบราณกับการพิถีพิถันประดิษฐ์ “บุหรี่กลีบบัว” พระโอสถมวนหรือบุหรี่สำหรับเจ้านายชั้นผู้ใหญ่

ดอกบัว ถือเป็นไม้ที่มีประโยชน์และคุณค่าตั้งแต่รากถึงดอก เพราะสามารถนำมาทำอาหาร ขนม ทำเป็นน้ำชา บูชาพระ หรือแม้กระทั่งสกัดเป็นยาเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ และบำรุงร่างกายได้ ส่วนกลีบบัวนอกจากความสวยงามแล้วในสมัยโบราณยังเคยมีการนำมาทำเป็นยาสูบโดยใช้เกสรบัวหลวงตากแห้ง รวมถึงนำดอกไม้และสมุนไพรอื่นๆ มาเป็นส่วนประกอบ  เราจึงชวนคุณผู้อ่านมาดูว่าการทำยาสูบและพระโอสถมวนในสมัยโบราณมีความละเอียดอ่อนอย่างไรกันบ้าง

ด้วยภูมิปัญญาของคนไทยในสมัยโบราณที่พบตามหลักฐานในบทกาพย์เห่เรือ พระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตอนหนึ่งในบทเห่เดือนนักขัตฤกษ์ความว่า :

"หวนเห็นหีบหมากเจ้า  จัดเจียน มาแม่

พลูจีบต่อยอดเนียน    น่าเคี้ยว

กลี่กล่องกระวานเขียน  มือญี่  ปุ่นเอย

บุหรี่ใส่กล่องเงี๊ยว    ลอบให้เหลือหาญฯ

หมากเจียนเจ้างามปลอด

พลูต่อยอดน่าเอ็นดู

กระวาน อีกกานพลู 

บุหรี่ไห้ ใจเหลือหาญ

เช็ดหน้าชุบน้ำอบ

หอมตลบดอกดวงมาลย์

บังอรซ่อนใส่พาน

ส่งมาให้ไม่เว้นวัน "

 

 

พระโอสถมวน "กลีบบัว" ความละเมียดละไมของภูมิปัญญาไทยโบราณ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ส่วนประกอบของบุหรี่คือยาเส้น ได้มาจากการคัดเลือกใบยาสูบ ที่มีความแก่ ระดับปานกลาง​ มี 3 ระดับ​ คือ

1. ยาฉุน คือ ใบยาสูบ ที่แก่จัด นับจาก ยอดใบ ลงมา 9-10 ใบ  มีรสชาติฉุนมาก ขื่นมากเวลาสูบ

2. ยากลาง คือใบยาที่ นับจากยอดลงมา 4 ใบ  มีความเข้มของยา ปานกลาง

3. ยาจืด คือ ใบยาที่อ่อน นับจากยอด 2 ใบมีความอ่อนมาก ในระดับความขื่น

 

พระโอสถมวน "กลีบบัว" ความละเมียดละไมของภูมิปัญญาไทยโบราณ

 

 

ส่วนใหญ่บุหรี่กลีบบัวจะเลือกยากลางลงมาเป็นส่วนผสม แต่ครั้งโบราณแหล่งยาเส้นที่ดีที่สุดของไทย อยู่ที่เมืองเพชรบูรณ์ หรือเลย ส่วนใหญ่จะผลิตและส่งมาจำหน่ายในภาคกลาง​ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่อำเภอศรีสงคราม​ จ.นครพนม โดยชาวบ้านแต่เดิมนั้นจะปลูกยาสูบเวลาน้ำโขงลดระดับช่วงมีตะกอนแม่น้ำมาสะสมในดอนหรือริมตลิ่งเรียก “ดินน้ำไหลทรายมูล” ซึ่งดินชนิดนี้มีแร่ธาตุมากมายเหมาะแก่การเพาะปลูกใบยาสูบ ทำให้ใบมีขนาดใหญ่ยาวและมีคุณสมบัติที่ดีแห่งหนึ่งของไทย โดยพืชที่นำมาใช้ทำใบยาสูบได้แก่

  1. ดอกปีบ ตากแห้งทั้งดอกมีสรรพคุณรักษา โรคทางเดินหายใจ
  2. พิมเสนเกล็ดทอง ( ปัจจุบันไม่มีผลิตแล้ว )
  3. เกสรบัวหลวงตากแห้ง
  4. ใบกระวานแห้ง หรือ เมล็ด คั่วร้อน
  5. อบเชย  บางสูตรอาจใส่ ชะเอม  เพื่อความชุ่มคอ แต่เมื่อมีการเผาไหม้ เมื่อมีการจุดยาเส้นแล้วสิ่งที่จะทำให้ชุ่มคอ คือ พิมเสนเพราะเป็นสารระเหย สิ่งเหล่านี้คือตัวหลักในยามวน​ ส่วนบางสูตรอาจจะซอยผิวส้มซ่า หรือใส่กานพลูลงไป

 

พระโอสถมวน "กลีบบัว" ความละเมียดละไมของภูมิปัญญาไทยโบราณ

 

 

การมวนใบยาจะต้องมีใบตองอ่อนที่นาบกับหินอ่อนร้อนๆ จนแห้งมามวนเป็นใบยาสูบ แล้วนำกลีบดอกบัวหลวง ที่บานเต็มที่ใกล้โรยมานาบเป็นแผ่นรองนอกความยาวราวๆ 4.5 นิ้ว โดยประมาณ ติดด้วยยางมะตูมขนาดราวๆ ลำเทียนฝั้นปลายนิ้วก้อยนางก็จะได้ใบยากลีบบัวสวยงามออกมา แต่ปัจจุบันภูมิปัญญาไทยเหล่านี้ไม่มีการสืบสาน​ ทำให้ถูกกลืนกลบไปจนหมดสิ้น​ มีบุหรี่ต่างชาติและซิก้าเข้ามาแทนที่คงจะเหลือแค่ตำนานที่เล่าขานเท่านั้น

ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก​ Bunchai thongcharoenbougram FB: เลาะรั้ว​ ชมวัง

 

 

พระโอสถมวน "กลีบบัว" ความละเมียดละไมของภูมิปัญญาไทยโบราณ

 

  

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ