สุขจากการเป็นผู้รับไปแล้วมาสุขกับการเป็นผู้ให้กันบ้าง
ในสังคมยุค 4G ที่อะไรๆ ก็รวดเร็วไปหมด บ่อยครั้งเราก็อาจหลงลืมที่จะหยุดคิดพิจารณาสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปในแต่ละวัน เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หรือเทศกาลแห่งความสุขเวียนมาถึงอีกครั้ง นอกจากความสุข สนุกสนานแล้ว ในฐานะพ่อแม่จะใช้โอกาสในเทศกาลนี้ สอนอะไรเจ้าตัวเล็กได้บ้าง ซึ่งคุณหมอจากโรงพยาบาลเด็ก ได้แก่ นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ พร้อมด้วย ผศ.พญ.ปราณี เมืองน้อย จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี มีคำแนะนำมีบอกคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่
นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา
นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา พูดถึงการสอนลูกเรื่องการให้โดยใช้โอกาสเทศกาลไว้ว่า การมอบของขวัญในเทศกาลปีใหม่ เรียกได้ว่าเป็นของคู่กัน แต่กระนั้นเด็กๆ มักเป็นฝ่ายได้รับตลอดเวลา จนเด็กๆ ทั้งหลายอาจลืมตระหนักว่านอกจากการรอคอยที่จะได้รับของขวัญนั้น พวกเขาก็สามารถที่จะเป็นผู้ให้ได้เช่นกัน พ่อแม่ผู้ปกครองอาจใช้โอกาสนี้ สอนให้ลูกรู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของการให้ ที่ความตั้งใจจริง มีความสำคัญมากกว่ามูลค่าของสิ่งของ
ผศ.พญ.ปราณี เมืองน้อย
ขณะที่ ผศ.พญ.ปราณี เมืองน้อย กล่าวเพิ่มเติมถึงเทคนิคง่ายๆ ไว้เป็นแนวทางให้ผู้ปกครองนำมาปรับใช้ อย่างลองให้เด็กๆ ช่วยกันคิดว่าจะทำอะไรให้คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย เช่น ช่วยคุณตารดน้ำต้นไม้ทุกเย็นเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หรือประดิษฐ์สมุดโน้ตทำมือเล่มเล็กให้คุณย่าไว้ใช้จดรายการเวลาไปตลาด ซึ่งกิจกรรมง่ายๆ เหล่านี้ ไม่เพียงสอนให้ลูกรู้จักการเป็นผู้ให้และเข้าใจความหมายของการให้อย่างแท้จริง แต่ยังฝึกกระบวนการคิดวิเคราะห์ของเด็กๆ ด้วย
“สำหรับเด็กโตที่เขียนหนังสือได้แล้ว คุณพ่อคุณแม่อาจทำแบบสอบถามสนุกๆ มีคำถามให้ลูกได้ฝึกคิด เช่น เหตุการณ์ที่ลูกมีความสุขที่สุด และเหตุการณ์ที่ลูกเศร้าที่สุดในปีที่ผ่านมาคืออะไร ในปีใหม่ที่จะมาถึงลูกอยากพัฒนาตนเองเรื่องใดบ้าง เมื่อได้คำตอบแล้ว ลองนั่งคุยกับลูก เล่าเรื่องราวในปีที่ผ่านมาของคุณบ้าง ก็อาจทำให้เข้าใจกันมากขึ้น สำหรับเด็กเล็กที่ยังเขียนหนังสือไม่ได้ อาจใช้วิธีพูดคุยด้วยคำถามง่ายๆ แทน วิธีนี้ทุกคนจะได้มีเวลาหยุดนิ่งๆ ทบทวนตัวเอง อีกทั้งยังฝึกทักษะการคิดและพัฒนาการสื่อสารของลูกคุณด้วย” ผศ.พญ.ปราณี กล่าว
นอกจากนี้ คุณหมอจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ยังกล่าวเสริมอีกว่า หลายคนมักจะตั้งเป้าหมายต่างๆ ที่จะทำในปีใหม่ที่มาถึง หรือเรียกว่า New Year Resolutions ซึ่งการจะทำให้ได้ตามเป้าหมายตลอดทั้งปีที่จะมาถึงนั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เด็กๆ จำเป็นต้องมีความมุ่งมั่นและมีความสามารถในการควบคุมตนเองพอสมควร โดยพ่อแม่ควรช่วยลูกในการตั้งเป้าหมายวันปีใหม่ที่ทำได้จริงและเหมาะสมกับวัยของลูก ขณะเดียวกันคุณพ่อคุณแม่ ควรให้ความสำคัญเรื่องการปลูกฝัง EF หรือ Executive Function ซึ่งเป็นทักษะชีวิตที่สำคัญมากในโลกยุคใหม่ แต่ก่อนเราอาจมุ่งเน้นที่ IQ EQ แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไปทักษะชีวิตของเด็กยุคนี้จึงต้องเปลี่ยนตามในช่วงปีใหม่นี้จึงเป็นโอกาสดีที่พ่อแม่จะหันมาให้ความสำคัญกับ EF ซึ่งเป็นทักษะความสามารถระดับสูงของสมองในการควบคุมความคิด อารมณ์ และการกระทำ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งการจะปลูกฝัง EF นั้นจำเป็นต้องทำตั้งแต่แรกเกิดอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เริ่มจากการที่ลูกมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแม่ หรือผู้เลี้ยงดูคนใดคนหนึ่งอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นคงทางอารมณ์ เมื่อลูกโตขึ้นควรฝึกให้ลูกช่วยเหลือตัวเองได้ตามวัย ตามด้วยการรับผิดชอบงานบ้านที่เหมาะสม ทำให้เด็กมีทักษะในการจดจ่อในงาน รู้จักการวางแผน มีความคิดพลิกแพลงแก้ปัญหาตามสถานการณ์ได้ ความสำเร็จจากเป้าหมายเล็กๆ ในแต่ละวัน ถือเป็นการฝึก EF ให้เด็กๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะเด็กจะได้เรียนรู้ที่จะควบคุมตนเองให้ทำงานให้สำเร็จ เมื่อทำได้ก็จะเกิดความภูมิใจในตนเอง สุดท้ายเด็กๆ จะสามารถตั้งเป้าหมายระยะยาว อย่าง New Year Resolutions แล้วทำให้สำเร็จได้ในที่สุด
ครอบครัวเศรษฐบุตร
ทางด้านคุณแม่ลูกสอง “คริสตี้” คริสติน่า เศรษฐบุตร เผยว่า ครอบครัวให้ความสำคัญกับช่วงเทศกาลคริสต์มาสมากกว่าปีใหม่ เพราะถือเป็นวันของความรัก และพอถึงช่วงเวลานี้ลูกๆ ต่างรอคอยและตื่นเต้นกับของขวัญที่จะได้รับ ตัวเองและสามีจึงพยายามบอกลูกๆ พี่ไท-น้องทีน่า เศรษฐบุตร เสมอว่า ไม่มีใครได้ของขวัญเหมือนกันทุกคน ฉะนั้นในทุกๆ ปีจะสอนลูกๆ ให้รู้จักการแบ่งปันด้วยการแบ่งเอาของเล่นของตัวเองไปมอบให้เด็กๆ ที่ขาดเพื่อให้ลูกได้เรียนรู้เรื่องการให้ แล้วบอกลูกๆ ว่าการได้ของขวัญเป็นความสุข แต่การให้ของคนอื่นและเห็นรอยยิ้มของผู้รับ ยิ่งทำให้เรามีความสุขกว่า ซึ่งตรงนี้เป็นจุดสำคัญที่อยากให้ลูกเก็บความรู้สึกเหล่านี้ไว้เป็นแรงบันดาลใจในการแบ่งปันต่อไปในอนาคต
ธีรวัลคุ์ ปังศรีวงศ์ เตชะอุบล-วรัตถ์-เบน เตชะอุบล
เช่นเดียวคุณแม่นักธุรกิจ “แวว" ธีรวัลคุ์ ปังศรีวงศ์ เตชะอุบล เล่าว่า เพราะความที่ลูกชาย “น้องเตช” วรัตถ์ เตชะอุบล เป็นหลานคนเดียวของทั้งบ้าน จะได้ของเล่นของขวัญเยอะมาก ด้วยความที่ลูกยังเป็นเด็ก จึงเริ่มต้นสอนลูกเรื่องการแบ่งปันก่อนเป็นอันดับแรก ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองถูกบังคับให้ต้องแบ่งปันคนอื่น แต่ให้ทำด้วยความเต็มใจ ด้วยการปล่อยให้เขาได้เลือกหยิบของเล่นของตัวเอง และจากการแอบสังเกตก็จะเห็นได้ว่าลูกเลือกหยิบชิ้นที่เล็กที่สุดก่อน นอกจากนี้เวลาที่ต้องซื้อของขวัญให้เพื่อนและคุณครู ก็จะให้ลูกมีส่วนร่วมในการเลือกด้วย เพื่อให้ลูกค่อยๆ ซึมซับในเรื่องการแบ่งปันและการเป็นผู้ให้
น้องมินตา-วิมลภัทร์ เปี่ยมพงศ์สานต์
ในส่วนของ “เหมียง” วิมลภัทร์ เปี่ยมพงศ์สานต์ เผยว่า เนื่องจากลูกสาว น้องมินตา เปี่ยมพงศ์สานต์ เพิ่งมีอายุเพียง 3 ขวบ ดังนั้นเรื่องการทบทวนก็ดีหรือการตั้งเป้าหมายในชีวิตก็ดี ถือว่ายังเป็นเรื่องไกลตัวเกินไปสำหรับเด็กเล็ก ดังนั้นในช่วงเทศกาลแห่งความสุขหรือเทศกาลเริ่มต้นปีใหม่นั้น สิ่งแรกที่ตัวเองเห็นว่าควรปลูกฝังลูกก็คือ เรื่องการแบ่งปัน ส่วนวิธีการสอนนั้นเธอเลือกใช้วิธีการพูดควบคู่กับปฏิบัติให้ลูกเห็น เพื่อให้ค่อยๆ ซึมซับมากว่าจะเน้นสอนเพียงอย่างเดียว ซึ่งเห็นได้ชัดเจนเมื่อตอนที่ลูกเข้าโรงเรียนแล้ว ว่าลูกมีความเข้าใจมากขึ้น เช่น เรื่องการนำขนมไปแลกกับเพื่อนๆ หรือการซื้อของขวัญให้เพื่อนในโอกาสต่างๆ ทั้งนี้ในแต่ละครั้งก็ให้ลูกมีส่วนร่วมในการเลือกของขวัญเพื่อนำไปให้เพื่อนๆ ด้วยตัวเอง
ปณิธี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และลูกชายทั้งสาม
มาถึงคุณแม่ลูกสาม “นิคกี้” ปณิธี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เผยว่า ในทุกๆ ปีตัวเองจะชวนลูกๆ “น้องต้นน้ำ” ด.ช.สิริพจน์ วัย 11 ขวบ “น้องน้ำนิ่ง” ด.ช.วีรนาท วัย 9 ขวบ และ “น้องน้ำเอก” ด.ช.ประเสริฐพจน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา วัย 6 ขวบ คุยถึงสิ่งที่พวกเขากำลังสนใจว่าอยากทำสิ่งใด เมื่อได้รับฟังในสิ่งที่เด็กๆ อยากทำแล้วก็จะตั้งเป้าหมายร่วมกันโดยอาจจะมีรางวัลเป็นแรงจูงใจและเป็นกำลังใจให้เขาพยายามทำให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันก็จะสอนลูกๆ ให้รู้จักหน้าที่ของตัวเองคืออะไร แล้วทำให้ดีที่สุด และเหนือสิ่งอื่นใดคือการพยายามปลูกฝังลูกๆ อยู่เสมอในเรื่องความเคารพต่อผู้ใหญ่และความมีน้ำใจต่อคนใกล้ชิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง