เด่นโซเชียล

หมอธีระวัฒน์ ชี้เหตุผล ทำไมต้องปกป้องเด็กจาก "Long Covid"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา แจง เหตุผลที่สำคัญ ทำไมต้องปกป้องเด็กจาก "Long covid" แม้อาการน้อยนิด แต่ผลระยะยาวใหญ่หลวงนัก 

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ในประเด็นที่น่าสนใจ โดยใจความทั้งหมดระบุว่า 

 

 

อีกเหตุผลที่สำคัญทำไมต้องปกป้องเด็กจากโตวิด ไม่ให้ติดเชื้อ แม้อาการติดเชื้อน้อยนิด แต่ผลระยะยาวใหญ่หลวงนัก 

 

ทางเลือกสำหรับประเทศไทยในเด็กตั้งแต่อายุสามขวบขึ้นไปเพื่อความปลอดภัยสูงสุดจากหัวใจอักเสบ อาจจะเป็นวัคซีนเชื้อตายสองเข็มแต่เนื่องจากไม่สามารถคุมเดลต้าได้ จึงตามด้วยไฟเซอร์ หรือโมเดนา ในปริมาณน้อยที่สุดคือหนึ่งส่วนสี่โดส เข้ากล้าม ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าได้ผลหรือจะใช้ขนาดหนึ่งในห้าหรือหนึ่งใน 10 ทางชั้นผิวหนังก็ได้ผลเช่นกัน (เป็นการศึกษาในผู้ใหญ่ในประเทศไทย)

 

โควิด มีแบบสั้น..จะเอายาวก็ได้

 

โควิด-19 จนกระทั่งถึงปีนี้ 2021 น้องนุชสุดท้องตระกูลโคโรนา คงกำลังหัวเราะที่ประเมินศักยภาพของเธอต่ำไป ว่าแป๊บเดียวก็กลายเป็นไข้หวัดตามฤดูกาล และอื่น ๆ อีกมากมาย

 

ณ นาทีนี้ รูปแบบของการแพร่ การเพิ่มระดับและการเพิ่มความรุนแรงของการระบาด เป็นที่ปรากฏได้ชัดเจนและอาวุธสำคัญของเธอที่จะออกมาใช้เต็มรูปแบบหรือไม่ คือการแพร่ทางอากาศแบบที่พี่ใหญ่ของเธอ คือ ซาร์ส ทำสำเร็จมาแล้วโดยเช่น คนติดเชื้ออยู่ชั้นสองคนอยู่ชั้น 15 พลอยติดไปด้วย จากการแพร่ทางระบบปรับอากาศกลาง แต่พี่ใหญ่ซาร์ส ไม่เก่งพอที่จะแพร่การระบาดให้ยืนยง คงนานข้ามปี อย่างเช่นโควิด

 

การทำให้เกิดโรคของน้องโควิดนี้มีได้แบบชนิดตอนเดียวจบ คือแบบสั้น ติดเชื้อแบบไม่มีอาการแพร่ไปให้คนอื่นเสร็จแล้วเชื้อก็หายไปจากตัวหรือติดเชื้อและเกิดอาการเบา กลาง หนัก จนถึงเสียชีวิต

หรือแบบต่อเป็นซีรีส์ สั้น ก็คือหายจากอาการทางปอด และอวัยวะอื่น ๆ แต่ตามต่อด้วยเส้นประสาทอักเสบแขนขาอ่อนแรงอัมพาตหายใจไม่ได้หรือมีสมองอักเสบแบบต่าง ๆ

 

ซีรีส์สั้นแบบนี้ อยู่ในระยะเวลาสี่เดือน หรืออาจจะถึงหกเดือน ตั้งแต่ปี 2020 ที่เริ่มมีการระบาดใหม่ๆ ประเทศหรือพื้นที่ที่เริ่มมีเวลาหายใจหายคอจากการทะลักทลายของผู้ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล ก็มีเวลาสังเกตและเจอคนที่เรียกว่าหายแล้ว นั่นก็คือออกจากโรงพยาบาลได้ ตรวจไวรัสไม่เจอว่ามีการปล่อยออกมาจากร่างกาย แต่อาการกลับไม่หายจริงและเกิดยืดยาวต่อเนื่องหรือสงบแล้วปะทุใหม่เป็นพักๆ

 

ทั้งนี้ไม่จำกัดอยู่แต่เพียงว่าอาการในครั้งแรกต้องหนักมากเสมอไป แม้แต่กลุ่มที่อาการน้อย ก็มีความผิดปกติทอดยาวออกไปอีก และตั้งชื่อว่าเป็นหนังยาวของโควิด หรือ ลองโควิด (long Covid)

 

รูปแบบลักษณะดังกล่าวนี้ทับซ้อนกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Myalgic Encephalomyelitis (ME)/Chronic fatigue syndrome (CFS)โดยลักษณะประกอบไปด้วยอาการปวดกล้ามเนื้อที่มีส่วนเกี่ยวโยงกับกระบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นในสมองและระบบประสาทส่วนกลาง รวมทั้งมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ตลอดเวลามีอาการเหนื่อยล้ามหาศาล ทำงานไม่ได้ขาดสมาธิมีความผิดปกติทางระบบประสาทอัตโนมัติและไม่สามารถออกกำลังได้เลย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

ตามประวัติศาสตร์สามารถสืบย้อนไปได้ตั้งแต่ในปี 1934 ในนครลอสแองเจลีส ปี 1948 ที่ไอซ์แลนด์ ปี 1955 ที่ลอนดอน และในปี 1984 ที่เนวาดา

 

ในปี 1955 คุณหมอจากไอซ์แลนด์ ได้เริ่มใช้เทอมหรือคำเรียก ME จากการเทียบเคียงลักษณะความผิดปกติในน้ำไขสันหลังระหว่างผู้ป่วยที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลรอยัลฟรีในลอนดอน และผู้ป่วยในปี 1948 ที่ไอซ์แลนด์ Akureyri

 

โดยลักษณะอาการบ่งบอกถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสมองและไขสันหลังร่วมกับมีอาการปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงและมีอ่อนแรงและมีตะคริวร่วมด้วย

 

และจากหลายเหตุการณ์ต่อมาจนกระทั่งในปี 1984 ถึง 1985 ที่หมู่บ้าน Incline ในรัฐเนวาดาก็เกิดลักษณะที่คล้ายกันเช่นเดียวกันโดยทั้งหมดนี้มีอาการเริ่มต้นเป็นแบบติดเชื้อด้วยไวรัสทั้งหมด

 

และเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า chronic fatigue syndrome หรือ CFS ทั้งนี้โดยเชื่อว่ากลุ่มอาการทั้งสองแบบนั้นน่าจะมีรากฐานเกี่ยวพันกับกระบวนการอักเสบในระบบประสาท

 

ในส่วนของน้องโควิดนี้ที่เจอกันและรวบรวมสถิติในประเทศอังกฤษ และจากการวิเคราะห์ในหลายประเทศพบว่าลักษณะของโควิดฉบับยาวอาจมีได้สูงถึง 50% หรือถึงครึ่งหนึ่งของผู้ที่หายจากโควิดฉบับสั้นไปแล้ว และอาการที่เกิดขึ้นมีได้เป็น 100 อย่างและครอบคลุมแทบจะทุกอวัยวะของร่างกาย โดยมีตัวร่วมโดยเฉพาะความแปรปรวนทางสมอง จิตและอารมณ์ แต่ขณะเดียวกันก็มี ความคล้องจองเหมือนกับ ME/CFS ที่กล่าวแต่ต้น ทั้งนี้โควิดเก่งกว่ารุ่นแรกๆตั้งแต่ปี 1934 ทั้งนี้เพราะกระทบในคนมากมายกว่า และอาการดูเหมือนจะรุนแรงมากกว่าที่เคยปรากฏมาก่อนในรุ่นแรกๆ

 

จากหลักฐานของ ME/CFS ที่ได้จากรุ่นแรกๆ ซึ่งอาจจะนำมาใช้อธิบายในโควิดนั้น โดยเป็นไปได้ว่าการอักเสบที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ เกิดขึ้นนอกสมองและระบบประสาทแต่สมองรับรู้โดยตอบโต้กับโมเลกุล ชิ้นส่วนเล็ก ๆของอนุภาคการอักเสบเหล่านี้ในเลือดและอาจเป็นไปได้ที่มีการส่งผ่านโมเลกุลเหล่านี้ผ่านผนังเส้นเลือดเข้าไปในสมอง ทั้งจากการนำพาเข้าไปหรือซึมผ่านเข้าสมองโดยตรงในบริเวณที่ผนังกั้นไม่แข็งแรงและนอกจากนั้นโมเลกุลของการอักเสบเหล่านี้ยังพบได้ในเส้นประสาทเวกัส หรือเส้นประสาทสมองเบอร์ 10 ที่ทอดยาวลงมายังลำไส้และสามารถส่งผ่านการอักเสบเหล่านี้ขึ้นไปจนกระทั่งถึงก้านสมองในวงจรของ NTS (nucleus tractus solitarius) ที่ควบคุมการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติรวมทั้งเส้นเลือดและหัวใจเป็นต้น

 

และน่าจะมีผลตามติดต่อเนื่องไปถึงกระบวนการควบคุมการทำงานของฮอร์โมนต่าง ๆ ที่มีการควบคุมจากสมองตั้งแต่ในส่วนของ ไฮโปธาลามัส (hypothalamus) ต่อมใต้สมอง (pituitary) และต่อเนื่องมาถึงระบบควบคุมฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกายจนกระทั่งถึงต่อมหมวกไต

 

ปรากฏการณ์โควิดฉบับยาวจะกลายเป็นภาระสำคัญของระบบสาธารณสุขของทุกประเทศที่มีการระบาดของโควิด ทั้งนี้เนื่องจากคนที่ถูกกระทบจะมีได้ทุกอายุไม่จำกัดเพศ และเกิดจากการติดเชื้อโควิดแบบรุนแรงและไม่รุนแรง ด้วยอาการที่เกิดขึ้นจะบั่นทอนคุณภาพชีวิต ประสิทธิภาพของการทำงานกระบวนการของความคิดแม้กระทั่งสมาธิ สติปัญญา ความจำจะถดถอย และรุนแรงถึงขนาดที่ต้องมีการปรึกษาหรือได้รับการรักษาจากแพทย์ในแทบทุกแขนง รวมกระทั่งถึงจิตแพทย์ เพราะมีความรู้สึกหดหู่ ปฏิเสธสิ่งรอบข้างจนกลายเป็นก้าวร้าวหรือมีปัญหาทางสังคมแบบในปรากฏการณ์หลังจากที่มีภาวะเครียดอย่างรุนแรง (post traumatic stress syndrome)

 

เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องมองและเตรียมตัวไปพร้อม ๆ กัน แม้ว่าขณะนี้ ที่เตรียมต้นฉบับในวันที่ 1 สิงหาคม 2021 ประเทศไทยยังร่อแร่อยู่กับโควิดชนิดม้วนเดียวจบและโควิดซีรีส์สั้น

 

และสะท้อนให้เห็นว่าการประเมินสถานการณ์เข้าข้างตัวเอง หรือปฏิเสธความจริงเป็นสิ่งที่ต้องไม่กระทำอีกต่อไป ถ้าเราผ่านพ้นหรือรอดจากสงครามโควิดครั้งนี้ไปได้

 

 

ที่มา หมอดื้อ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ