บันเทิง

'พอล ภัทรพล' ซัด กกต. ขาดคุณสมบัติ ไม่ใช่ 'พิธา' ทำน่าเกลียด ระวังมาตรา 157

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"พอล ภัทรพล" ซัด กกต. ขาดคุณสมบัติ ไม่ใช่ "พิธา" ที่ กกต. ทำน่าเกลียดมาก ทำงานกลับหัวกลับหาง ควรตรวจสอบคุณสมบัติก่อน ไม่ใช่ให้สมัครไปก่อน แล้วตรวจสอบทีหลัง ทั้งถาม กกต. ไปดูงานที่ต่างประเทศมาแล้วจริงใช่ไหม ระวังมาตรา 157 ละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหาย

เป็นอีก 1 คนที่ออกมาพูดถึงเรื่องการเมือง สำหรับอดีตพระเอกหนุ่ม "พอล ภัทรพล" จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สมาชิกภาพ ส.ส. ของนาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่ จากปม "ถือหุ้นสื่อ ITV" จำนวน 42,000 หุ้น 

 

ซึ่งประเด็นนี้ "พอล ภัทรพล" ได้อัดคลิปแสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ "Paul Pattarapon พอล ภัทรพล" ในหัวข้อว่า "คนที่ขาดคุณสมบัติไม่ใช่คุณพิธา แต่คือ กกต!!! #มาตรา151 #มาตรา157 #กกตมีไว้ทำไม #นายกพิธา"

 

"ไม่น่าเชื่อนะครับว่า กกต. ทำ New LOW ได้กว่านี้อีก จะเล่นงานคุณพิธาด้วยมาตรา 151 ก็คือรู้อยู่แล้วว่าตัวเองขาดคุณสมบัติ ระยะสมัครใช่ไหมครับ ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนเลยนะครับ ว่าคลิปนี้ ไม่ได้ทำเพื่อคุณพิธานะครับ ทำเพื่อความถูกต้องครับ สมมุติว่าถ้าเพื่อไทยชนะ ตอนนี้ผมก็คงพูดถึงคุณอุ๊งอิ๊ง หรือว่าคุณเศรษฐา ถ้าทั้ง 2 คนเจอแบบคุณพิธาเหมือนกัน ผมก็จะทำคลิปนี้อยู่ดี พูดเหมือนเดิมครับ ต้องบอกว่าที่ กกต. ทำมันน่าเกลียดมาก 

"พอล ภัทรพล" ซัด กกต. ขาดคุณสมบัติ

คุณคือหน่วยงานอิสระ แต่เอาตรงๆนะครับ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่ใช่หน่วยงานอิสระครับ แต่อย่างน้อยช่วยทำให้มันไม่น่าเกลียดแบบนี้หน่อยได้ไหม เรื่องขาดคุณสมบัติมันไร้สาระมากนะครับ ทำไม ข้อ 1 เลยคือถ้าคุณรู้อยู่แล้วว่าคุณพิธาขาดคุณสมบัติ คุณปล่อยเขาเป็น ส.ส. ได้ยังไงมาตั้ง 4 ปีกว่า ทำไมเพิ่งมาขาดคุณสมบัติเอาตอนนี้ ข้อ 2 คุณรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้วครับ คุณไม่ใช่เพิ่งรู้เมื่อวาน คุณรู้มาตั้งนานแล้ว เรื่องหุ้นไอทีวีมันดังมาได้ 2 เดือนแล้วนะครับ คำถามคือช่วงที่ 2 เดือนคุณไปทำอะไรอยู่ 

 

ข้อ 3 จนบัดนนี้ กกต. นะครับ ยังไม่เคยขอคลิปวิดีโอเต็มจากไอทีวีเลย ส่วนไอทีวีก็ไม่เคยเอาคลิปเต็มออกมาเปิดเผยครับ เพราะมันง่ายมากเลยเอาคลิปเต็มมาเปิดครับ จะรู้เลยว่าใครโกหกไม่โกหก ใครผิดใครถูก ข้อต่อมา กกต. ทำงานกลับหัวกลับหางหรือเปล่าครับ การทำแบบนี้มันคือวัวหายล้อมคอก มากเลยทุกคนคิดตามเอานะครับ จริงๆกกต. ควรจะต้องตรวจสอบ คุณสมบัติก่อนไหมครับ ว่าคนไหนสมัคร ส.ส. ได้คนไหนสมัครปาร์ตี้ลิสต์ได้ แคนดิเดตคนไหนหรือว่าพรรคไหน ขาดคุณสมบัติบอกตั้งแต่แรกเลย พรรคนั้นจะได้วางแผนใหม่ 

"พอล ภัทรพล" ซัด กกต. ขาดคุณสมบัติ

ยกตัวอย่างเช่น ผมเป็นนักการเมืองแล้วกันเนอะ ชื่อว่าพรรคภัทรพลแล้วกันนะครับ แล้วผมก็เป็นแคนดิเดตครับ ปรากฎว่าผมถือหุ้นสื่อครับ และผมก็ยื่น ป.ป.ช. พอ ป.ป.ช.บอกโอเค พอไปถึงกกต. ผมบอกว่าผมเป็นแคนดิเดตของพรรคภัทรพล ถ้ากกต. บอกว่าคุณพอลคุณขาดคุณสมบัติ เพราะคุณถือหุ้นสื่อเนี่ย คุณถือหุ้นไอทีวีอยู่ คุณสมัครไม่ได้ ทางพรรคผมเนี่ย ก็จะได้ไปหาแคนดิเดตคนใหม่เห็นด้วยไหมครับ 

 

เพราะการที่คุณให้แต่ละคนลงสมัครไปก่อน และค่อยมาตรวจสอบทีหลังเนี่ย มันทำให้เสียเงิน เสียเวลา เสียแรงมากมายครับ ทุกพรรคต้องหาเสียงใช่ไหมครับ เขาต้องไปดีเบต เขาต้องไปปราศรัย เขาต้องทำป้ายโฆษณา เขาต้องทำโฆษณา ทั้งทีวี หรือว่าโซเชียลมีเดีย จนไปเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม ให้คน 40 ล้านคน ออกจากบ้านมา แล้วสุดท้ายมาบอกว่าไอคนเนี่ยขาดคุณสมบัติ ลองคิดถึงความเสียหายดูครับ ว่าเงินที่แต่ละพรรคใช้ไปเท่าไหร่ แรงที่เขาต้องใส่เท่าไหร่ ประชาชน 40 ล้านคนที่ต้องออกจากบ้าน บางคนมาจากต่างจังหวัดนะครับ บางคนป่วยอยู่โรงพยาบาลยังขอคุณหมอเลยว่า ผมจะไปเลือกตั้ง 

 

แล้วอย่าอ้างว่าคนสมัครเยอะเลยดูไม่ทัน คุณไม่ต้องดูหมดครับ คุณดูแคนดิเดตของแต่ละพรรคก็พอ เพราะแต่ละพรรคเต็มที่ก็มีแค่ 3 คน และมันเป็นตำแหน่งที่สำคัญมากจริงไหมครับ เพราะว่า 1 ในนั้นมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี หน้าที่คุณควรตรวจสอบก่อนเลยว่า ใครขาดคุณสมบัติหรือว่าไม่ขาด ใครสมัครได้ไม่ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้เขาไปหาเสียงไปปราศรัย แล้วก็ไปดีเบตให้ประชาชนออกมาเลือกเขา ถ้ามีความสกรีนก่อนก็จะไม่มีการเสียหายแบบนี้เกิดขึ้น 

 

มันเสียเยอะมากนะครับ เสียเงินมหาศาล เสียเวลา เสียแรง นี่ท่านดูงานต่างประเทศมาแล้วจริงๆใช่ไหมครับ และใช้เงินถึง 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินของประชาชน เป็นเงินภาษีของประชาชน คิดไม่ได้หรอครับว่ามันควรจะสกรีนก่อน ย้ำนะครับว่า 6,000 ล้านบาท เป็นเงินภาษีของประชาชน ไม่ใช่เงินของพวกท่าน 6 คน คนละ 1,000 ล้านบาทที่ไหนล่ะ ยังไม่รวมว่าคุณพิธาเขายื่น ป.ป.ช. ไปตั้งนานแล้วนะครับ 

 

ประเด็นต่อมาคือคอมมอนเซนส์สำคัญมากครับ ทุกคนคิดตามนะครับ ใจเขาใจเราตอนที่คุณธนาธรโดนเล่นเรื่องสื่อ จนโดนยุบพรรค ถามว่าคุณพิธาอยู่ในเหตุการณ์ไหม คำตอบคืออยู่ ถามไหมว่ารู้ไหมที่โดนแบบนี้เพราะอะไร โดนเรื่องสื่อไง ถามว่าคุณพิธารู้ไหม รู้อยู่แล้วครับ คำถามคือใจเขาใจเรา เป็นคุณน่ะครับเห็นอดีตหัวหน้าพรรค โดนเล่นงานเพราะมีหุ้นสื่อ ถึงขั้นโดนยุบพรรคเลย และตัวเองก็ถือหุ้นสื่อในนามผู้จัดการมรดก เป็นคุณจะโง่เก็บไว้ไหมครับ 

 

ขนาดเป็นพวกเราเองยังคิดได้เลย จริงไหมครับ แปลว่าเหตุผลเดียวที่เขาเก็บไว้คือ เขารู้ว่ามันไม่ผิดไงครับ เพราะไอทีวีหยุดเป็นสื่อตั้งแต่ปี 2550 และยังไม่รวมว่าเขาถือในนามผู้จัดการมรดก ผู้จัดการมรดกไม่ใช่เจ้าของมรดกครับ ต่อให้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญจริงนะครับ มันก็มีแนวพิพากษาไว้แล้วครับ มีอยู่ 3 พรรค 3 กรณีด้วยกันนะครับ ที่รอดครับ และบังเอิญมากเลยที่ทั้ง 3 พรรค เป็นฝ่ายรัฐบาลเก่า 

 

เคสแรกถือหุ้น AIS ประมาณ 400 หุ้น ศาลตัดสินว่าถือหุ้นแค่นี้มันน้อยมาก จนไม่มีอำนาจไปสั่งสื่อได้ ไม่ต่างกับคุณพิธาเลยที่ถือเพียงแค่ 0.0035 % มันน้อยแค่ไหนไปดูกันนะครับ สมมุติว่าคุณกับเพื่อนทั้ง 10 คนลงทุนทำร้านอาหารด้วยกัน เงินลงทุนทั้งหมดรวมกันเป็น 1 ล้านบาทครับ บางคนถือหุ้นใหญ่ลงทุนไป 4 แสน 40% บางคนลง 3 แสน 30% บางคนลง 2 แสน 20% บางคนลงทุน 10% ก็คือ 1 แสน บางคนลงทุน 0.0035% จากหนึ่งล้านบาท เท่าไหร่รู้ไหมครับ 35 บาทครับ คุณว่าคนที่ลง 35 บาท กับคนที่ลงทุน 4 แสนบาท ใครสั่งใครครับ ยังไม่รวมที่ว่าคุณพิธาไม่ได้เป็นกรรมการ ไม่ได้เป็นกรรมการบริหาร จะมีอำนาจไปสั่งใครได้ครับ คนที่จะมีอำนาจสั่งการได้ หรือจะมีอิทธิพลได้ ต้องเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เท่านั้นครับ

 

ต่อมาอีก 2 เคสนะครับ ลักษณะเหมือนกันเลย 2 เคสนี้ถือหุ้นสื่อทั้งคู่นะครับ และทั้ง 2 บริษัทนี้จดวัตถุประสงค์ไว้ด้วยครับ ว่าเป็นสื่อครับ แต่ว่าศาลท่านดูลึกไปกว่านั้นครับ ก็คือว่ารายได้หลักจากบริษัท ไม่ได้มาจากการทำสื่อครับ อันเนื่องมาจากการจัดอีเวนต์ อีกอันมาจากการทำสัมมนา ศาลก็เลยตัดสินว่าไม่ผิดครับ เพราะรายได้หลักไม่ได้มาจากสื่อ 

 

ซึ่งก็เหมือนไอทีวีเช่นเดียวกัน ที่รายได้หลักมาจากการลงทุน วงเล็บขาดทุนด้วยนะครับ ท่านกกต.ครับ ปี 2562 เคยพลาดไปแล้วทีนึงนะครับ ตอนนั้นมี ส.ส.เชียงใหม่ คนนึงครับ ชนะการเลือกตั้งนะครับ ท่านก็ไปให้ใบส้มเขา ทั้งที่มีแค่ใบเหลืองกับใบแดงครับ สุดท้าย ส.ส. คนนั้นฟ้องแล้วก็ชนะคดี กกต. จะต้องจ่ายเงินหลาย 10 ล้าน แต่คราวนี้ท่านเล่นใหญ่กว่าเดิม ระวังท่านจะโดนมากกว่าเดิมครับ 

 

ขอเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ ไอทีวีหยุดออกอากาศมาตั้งแต่ปี 2550 ผ่านมา 16 ปีให้หลัง มีความพยายามจะคืนฟื้นชีพสื่อ ท่านไม่แปลกใจเหรอครับว่า ทำไมมันช่างบังเอิญจัง หรือจริงๆท่านรู้แต่เพิกเฉย สรุปนะครับสิ่งที่คุณไม่ได้ทำ คุณไม่ได้ถามไอทีวีว่า ตกลงในคลิป หรือว่าในเอกสาร อันไหนถูกให้ยึดอันไหน

 

2 คือคนมีเวลาตั้งหลายเดือน เพิ่งมาทำเอาวันนี้บังเอิญก่อนการเลือกตั้ง 1 วัน ข้อ 3 ไม่มีความเอะใจหน่อยหรอครับว่า ไอทีวีหยุดการเป็นสื่อมาแล้ว 16 ปี มันบังเอิญเหลือเกินที่อยู่จะมีการกลับมาเป็นสื่อ ตอนก้าวไกลชนะเลือกตั้ง คุณพิธาไม่ได้ขาดคุณสมบัติครับ คุณต่างหากที่ขาดครับ และระวังมาตรา 157 นะครับ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหาย ผู้อื่นโทษจำคุกหนึ่งถึง 10 ปีครับ"

"พอล ภัทรพล" ซัด กกต. ขาดคุณสมบัติ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ