บันเทิง

เพจหมอยกเคส แมทธิว-ลิเดีย อาการดีแล้วแต่ทำไมยังมีเชื้อโควิด-19

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เพจ หมอเวร ก็ได้เอากรณี 'แมทธิว ดีน' และ 'ลิเดีย ศรัณย์รัชต์' หลังหลายฝ่ายต่างสงสัยเพราะทั้งคู่อาการดีขึ้นมาก ๆ แต่ทำไมยังมีเชื้อโควิดหลงเหลืออยู่ และอยู่ รพ.ร่วมเดือนแล้วนั้น

กรณี 2 สามีภรรยาวงการบันเทิงอย่าง 'แมทธิว ดีน' และ 'ลิเดีย ศรัณย์รัชต์' ที่ทั้งคู่มักจะคอยอัปเดตอาการติดเชื้อโควิด-19 ของทั้งสองให้แฟน ๆ ได้รับทราบเป็นประจำ ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 1 เดือนแล้ว ที่รักษาตัวอยู่ รพ. แต่อาการของทั้ง 2 คนก็ดีขึ้นมาก ๆ จนแทบจะเป็นปกติ แต่ทว่ายังมีเชื้อของโควิด-19 หลงเหลืออยู่ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เมื่อทั้ง แมทธิว และ ลิเดีย ต่างหายดีแล้ว แต่ทำไมยังมีเชื้อโควิดหลงเหลืออยู่ ซึ่งเพจ หมอเวร ก็ได้เอากรณีนี้มาแชร์ให้ผู้อ่านได้อ่าน โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้ 

อ่านข่าว : ข้อมูลสำคัญจากหมอ แมทธิว-ลิเดีย เผย "อุจจาระ" แพร่เชื้อได้และเยอะด้วย

เพจหมอยกเคส แมทธิว-ลิเดีย อาการดีแล้วแต่ทำไมยังมีเชื้อโควิด-19

 

 

 

หลายคนสงสัยเกี่ยวกับอาการของคู่รักดาราที่ได้รับเชื้อ COVID-19 เข้ารักษาตัวมาเกือบเดือนนึงแล้ว อีกทั้งเจ้าตัวบอกว่าอาการดีขึ้นแล้ว แต่ทำไมยังตรวจ PCR แล้วถึงเจอเชื้ออยู่ดี หรือว่าเชื้อจากสนามมวยมันอึดกว่าปกติงี้เหรอ ?

 

 

 

คืองี้นะ การตรวจแบบ PCR เนี่ย เป็นการตรวจที่มีความไวสูงมาก เจอเชื้อที่หลงเหลืออยู่ในสารคัดหลั่งแค่ปริมาณนิดเดียวก็สามารถตรวจเจอแล้ว แถมบางครั้งไอ้เจ้าเชื้อที่ตรวจเจอเนี่ย บอกไม่ได้ด้วยนะ ว่าเจอตัวที่มันเป็นๆอยู่ หรือเจอตัวที่ตายแล้ว “มันบอกได้แค่ว่า ตรวจเจอเชื้อชนิดนี้อยู่ในร่างกายเราเท่านั้น”

 

 

 

นึกภาพว่า PCR คือเซลล์ขายรถคนนึงที่ขยันมาก และดูเป็นคนซื่อๆประหนึ่งคนชื่อบอย ส่วนเต็นท์รถในสต็อกของร้านก็คือร่างกายของเราแทน สมมุติวันนึงเราสั่งให้ PCR ไปเช็กว่า ในลานจอดยังมีรถโตโยต้าเหลืออยู่บ้างไหม ? ด้วยความที่ PCR เป็นคนซื่อๆ เห็นโตโยต้าจอดอยู่คันนึง ก็รีบวิ่งมารายงานบอสเลยว่าเจอรถแล้ว ทั้งๆที่รถคันนั้นเป็นรถที่ใช้งานได้ หรือจริงๆแล้วเป็นแค่ซากรถที่จอดตายเอาไว้เฉยๆ ฉะนั้น แทนที่การตรวจ PCR จะไปจับมันทั้งตัว ก็จะเอาแค่ส่วนหนึ่งที่บ่งชี้ว่าคือ ไวรัสตัวนี้แล้วเอาผลมาบอกเราอีกที ซึ่งจริงๆ มันอาจเป็นแค่ “ซากเชื้อ COVID-19” ที่ตายแล้ว ไม่สามารถแพร่เชื้อต่อให้ใครแล้วก็ได้

 

 

 

ฉะนั้น ก็มีความเป็นไปได้สำหรับคนที่ติดเชื้อบางคน เข้ารับการรักษาเป็นหลายสัปดาห์ เชื้อ COVID-19 ก็โดนทั้งภูมิคุ้มกันและยาต้านรุมยำซะจนเหลือแต่ซากแล้ว แต่พอตรวจ PCR ทีไร ก็ยังเจอผลเป็นบวกอยู่นั่นเอง ถ้าอยากรู้ชัวร์ๆ ว่าเชื้อที่ยังตรวจ PCR เจอในร่างกายมันยังแพร่กระจายต่อได้ไหม อันนี้ก็ต้องลองเอาไปเพาะเชื้อดูอีกที แล้วก็ไม่ได้เพาะกันง่ายๆ นะ ต้องเอาไปเพาะบนเซลล์ที่มีชีวิตด้วย ไม่ได้วางบนทิชชู่เอาน้ำรดแล้วมันจะเติบโตง่ายเหมือนถั่วงอก ซึ่งตรงนี้ใช้ขั้นตอนที่วุ่นวาย รวมถึงมีต้นทุนที่แพงมากด้วย ถ้ามานั่งเทสให้ทีละคนเจ้าหน้าที่ไม่ต้องหลับต้องนอนกันพอดี ฉะนั้น วิธีนี้ส่วนใหญ่มันเหมาะกับการทำวิจัยมากกว่า ไม่ได้ใช้ในการตรวจรักษาหรอกนะ

 

ดังนั้นแนวทางการรักษาสำหรับคนติดเชื้อที่มีอาการไม่มากเนี่ย เค้าจึงให้กักตัวในโรงพยาบาลสัก 14 วันก่อน ถ้าเห็นว่าอาการดีขึ้นและไม่มีอาการแทรกซ้อนแล้ว แพทย์ก็จะอนุญาตให้กลับไปกักตัวที่บ้านต่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ผลตรวจเชื้อเป็นลบ รวมถึงยังบังคับให้ใส่หน้ากาก รวมถึงกินอาหารแยกส่วนตัวต่อไปอีก 2-4 สัปดาห์ เพื่อความแน่ใจที่ว่าหากมีเชื้อหลงเหลือในร่างกายแม้จะเป็นปริมาณน้อยนิดก็จะไม่เล็ดลอดไปแพร่ใส่ให้คนอื่นอีกนั่นเอง แต่ส่วนใหญ่ที่หมอปล่อยกลับบ้านก็มักจะหายดีแล้วทั้งนั้นแหละนะ อันนี้อยากให้คนรอบข้างสบายใจได้

 

 

 

ส่วนเรื่องคนที่หายดีแล้ว ทำไมยังกลับมาเป็น COVID-19 ได้อีก หรือทำไมบางคนหายดีแล้วถึงเอาพลาสม่าไปรักษาผู้ป่วยได้ อันนี้ถ้าสนใจเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังรอบหน้านะ รอบนี้ยาวเหยียดแล้ว ขอติดไว้ก่อนเหมือนเดิมนะ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ