"ก็อต" จิรายุ ตันตระกูล ยอมรับไร้แพลนแต่งงาน "โบว์" เบญจวรรณ ลั่นวางอนาคตชีวิตถึงวันตาย เพื่อเป้าหมายในการใช้ชีวิต
ทีมบันเทิง คมชัดลึก-เรียกว่าความหวานของคู่รัก “ก็อต” จิรายุ กับ “โบว์” เบญจวรรณ ไม่แพ้คู่ไหนเลย แต่หวานกันขนาดนี้ก็ต้องถาม “ก็อต” ที่มาร่วมพิธีบวงสรวงภาพยนตร์ “จอมขมังเวทย์ 2020” ซะหน่อยว่าวางแพลนเรื่องแต่งงานไว้หรือยัง
@ ดูเหมือนว่าช่วงนี้ความรักของเราจะหวานขึ้นมากๆ ?
“เป็นปกติ คือผมมีอินสตาแกรมก็เลยต้องสร้างภาพนิดหนึ่ง”
@ หลายคนสงสัยว่า ทำไมเราถึงชอบแกล้ง โบ ขนาดนั้น ?
“ก็เพราะไม่มีใครยอมเล่นกับผมสักเท่าไหร่ มีแค่เขาคนเดียว (หัวเราะ) เอาจริงๆ ตัวเขาเองก็แกล้งผมเยอะกว่าอีกนะ แกล้งแบบแสบๆ เลยด้วย แต่เขาไม่ยอมเอามาโพสต์ลง”
@ เรียกว่าการแกล้งกันแบบนี้คือวิธีเติมความหวานของคู่เรา ?
“ผมมองว่าถ้าหากเราคบกันและเราจะต้องรักกันอย่างเดียว แบบนั้นมันก็คงจะไม่มีชีวิตชีวาสักเท่าไหร่ ซึ่งการหยอกล้อกันของผมกับเขา เอาจริงๆ เลยนะผมก็ไม่ได้ทำแค่กับแฟนคนเดียวหรอก เพราะกับพ่อกับแม่ผมก็ทำ คือมันก็เป็นอะไรที่สนุกสนานดี”
@ ความรักราบรื่นขนาดนี้ใกล้จะมีข่าวดีให้ได้ยินหรือยัง ?
“ยังหรอก เรายังไม่ได้แพลนอะไรกันเลยสำหรับเรื่องนี้ แต่เราจะแพลนกันเรื่องอื่นมากกว่า อย่างเช่นเราตั้งใจจะทำงานภายใน 6 ปีนี้ เพื่อจุดประสงค์หนึ่งซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ เพราะเราก็กลัวว่าถ้าหากพูดไปแล้วแต่ทำไม่ได้มันจะดูไม่ดี”
@ แสดงว่าเราก็มีการวางแผนเอาไว้ทุกอย่าง ชัดเจน สำหรับเรื่องอนาคต ?
“ใช่ ผมตั้งเป้าไว้หมดแล้วว่าผมจะตายเมื่อไหร่ จะเลิกทำงานเมื่อไหร่ จะอยู่วงการอีกสักกี่ปี คือมีการแพลนเอาไว้หมดเลย”
@ ทำไมเราถึงต้องวางแผนเอาไว้ถึงขนาดนั้น ?
“ผมรู้สึกว่าการแพลนเอาไว้มันดีกว่า ดีกว่าเราใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เพราะการที่เราทำแบบนี้มันทำให้เรารู้ว่าเรามีอะไรที่จะต้องทำอีกบ้าง เพื่อเป็นเป้าหมายในการใช้ชีวิตของเรา”
@ พอจะบอกได้ไหมว่าสิ่งที่เราแพลนเอาไว้มีเรื่องอะไรบ้าง ?
“หลายอย่างเลยครับ อย่างเช่นผมตั้งใจว่าอยากจะทำอะไรให้ดีๆ ให้กับสังคมบ้างนอกจากการสร้างผลงานในวงการบันเทิง เพื่อที่พอถึงวันหนึ่งผมจะได้ใช้สิ่งที่ผมเรียนรู้ในวงการไปต่อยอดกับงานด้านอื่นๆ”
@ แล้วเรื่องลูก เราได้แพลนไว้หรือเปล่าว่าจะมีเมื่อไหร่ ?
“เรื่องนี้ต้องขอเช็กน้ำเชื้อตัวเองก่อน (หัวเราะ) ถามว่าผมกลัวเรื่องอายุไหม คือ...ผมรู้สึกว่าผมยังแข็งแรงอยู่นะ ถ้าอายุ 50 ผมก็คงจะยังแข็งแรง แข็งและแรงมาก”
@ แล้วแฟนเราล่ะเขาได้เตรียมตัวไว้บ้างหรือเปล่า ?
“คนนั้นเขาดูแลตัวเองดีมาก จนเดี๋ยวนี้ผมต้องตามเขาแล้ว คือเมื่อก่อนผมจะเป็นฝ่ายสอนเขาออกกำลังกาย แต่เดี๋ยวนี้เขาเป็นฝ่ายดูแลเรื่องโภชนาการให้ผมแทน”
@ ตัวเขาเองเคยพูดถึงเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า ?
“ก็ไม่เลยนะ คือพอเราเริ่มคุยกันแบบเป็นเพื่อนความคาดหวังในตัวกันและกันมันก็ไม่ได้มากขนาดนั้น เหมือนเราอยู่กับปัจจุบันและเราก็แฮปปี้แล้ว เราโอเคกับสิ่งที่เป็นอยู่ ซึ่งสายตาคนที่มองมาเขาอาจจะอยากให้เราเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ แต่ไม่เคยมีใครถามเราเลยว่าจุดที่เราเป็นอยู่เราโอเคหรือเปล่า เรามีความสุขหรือเปล่า”
@ แสดงว่าคู่เราก็ไม่ได้มีจุดอิ่มตัว ?
“เอ่อ...ผมมองว่ามันมีทุกคู่นะ แต่อยู่ที่เรามากกว่าว่าเราจะกล้าพูดมันออกมาไหม รวมถึงเราจะสามารถรักษาสมดุลของมันเอาไว้ได้หรือเปล่า ซึ่งคู่เราก็คบกันมานานแล้วประมาณ 5-6 ปี แต่ถามว่าเราเลยจุดอิ่มตัวไปแล้วหรือยัง คือผมรู้สึกว่าของแบบนี้มันก็เหมือนก้อนเมฆที่ผ่านเข้ามาและก็ผ่านไป”
@ ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวเคยถามหรือเคยคุยกับเราถึงเรื่องอนาคตบ้างหรือเปล่า ?
“ไม่เลย ซึ่งผมรู้สึกโชคดีนะที่พ่อแม่ผมและพ่อแม่เขาต่างก็เคารพในการตัดสินใจของเราทั้งคู่”
@ ทุกวันนี้ที่เราไม่ได้รีบเป็นเพราะเราทั้งคู่ก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการมีทายาท ?
“ใช่ เรายังไม่ค่อยได้คิดเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ซึ่งผมยอมรับนะว่าผมเป็นคนชอบเด็ก แต่ผมก็รู้อีกเหมือนกันว่าผมยังไม่มีความสามารถที่จะเป็นพ่อคน เพราะผมยังสอนตัวเองไม่ได้ ดังนั้นผมจะไปสอนลูกได้อย่างไร”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง