Program Online

แม่หนูน้อยร่ำไห้ ยืนยันไม่เคยตีเด็ก ชี้แจงเรื่องยา WY

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แม่หนูน้อยร่ำไห้ ยืนยันไม่เคยตีเด็ก ชี้แจงเรื่องยา WY เป็นยาลดความอ้วน พร้อมยินดีให้ตรวจฉี่

จากกรณีที่เด็กชายด.ช.ลูก้า นิรันดร์ โบเรล วัย 12 ปี และ เด็กหญิงพาเมลา นิรันดร์ โบเรลวัย 11 ปี ลูกครึ่งไทย- สวิตเซอร์แลนด์ ที่เคยตกเป็นข่าวพลัดตกจากที่สูง 4 คนพี่น้อง แต่รอดชีวิตเพียง 2 คน ได้หลบหนีออกจากบ้านย่านรามคำแหง เพื่อออกตามหาพ่อชาวสวิตเซอร์แลนด์ หลังถูกแม่ซึ่งเป็นคนไทยทำร้ายร่างกายหลายครั้ง

 

อ่านข่าว : พี่น้องลูกครึ่ง เผยเหตุหนีออกจากบ้าน พ่อเตรียมบินมาหา

ขณะเดียวกันนางรัตติกาล ประกายแก้ว แม่ของเด็กทั้ง 2 คน ล่าสุดได้ไปออกรายการโหนกระแสของช่อง 3 พร้อมได้เปิดใจทั้งน้ำตา ระบุ ไม่เคยทำร้ายเด็ก โดยผู้เป็นแม่เล่าว่า วันนั้นไปทำงานยังกอดกันอยู่เลย วันที่ 29 มี.ค. แม่ออกไปทำงานประมาณเที่ยง ก็ยังกอดเขาปกติ หอมเขาบอกว่าไปทำงานแล้วนะ ย้ำให้เขาปิดประตู ตอนบ่ายโทรมาเขาไม่รับ ก็โทรมาบ่ายสองก็คุยเล่นกันปกติ

 

"ก็บอกเขาว่าสามทุ่มหม่าม๊าเลิกงานนะ ค่อยเจอกัน เขาก็อบกว่าโอเค เดี๋ยวเจอกัน รักหม่าม๊า เขาก็ยังส่งเกรดให้ดู ได้เลื่อนชั้นขึ้น ม.2 แล้วนะ ต้นกล้าขึ้น ป.6 แล้ว ตอนบ่ายสามเขาไม่รับสายก็คิดว่าเขาคงเล่นกัน หรือเก็บของที่เขารื้อ แต่สักสี่โมงเย็น คุณยายโทรมาว่าน้องหายไป ตอนน้องหายไปดูจากกล้องวงจรปิด น้องผู้หญิงใส่ชุดเดรสสีดำแม่ออกไป น้องต้นกล้าแต่งตัวเหมือนเขาจะออกไปเที่ยว จริงๆไม่ได้ตีนะ แต่ถ้าทำผิดก็มีตี แต่หลังเขาเกิดอุบัติเหตุไม่ได้ตีเลยค่ะ"


"ไม่เคยตีเขาค่ะ ยืนยันว่าไม่เคยตี และยายก็ได้บอกว่า แม่ไม่เคยตีค่ะ เขาดุ มากๆ ก็ใช้คำพูดแบบดุ เสียงแข็งกับลูก แต่ไม่ได้ถึงกับตวาด แต่เรื่องไปกายภาพพาไปประจำ พาไปก่อนเรียน หลังเลิกเรียน แต่เขาติดเรียน เพราะกายภาพเขาปิดบ่ายสามโมง บางทีเขาติดกิจกรรมก็ไปไม่ได้ ก็ต้องพาไปอีกวัน บางทีเขาก็บอกว่าเขาไม่อยากไป ไม่ไปก็ต้องทำที่บ้าน วันไหนไม่ติดเรียน ก็พาไปทำกายภาพ ถ้าแม่อยู่บ้านแม่ทำให้ตลอดค่ะ นอกจากแม่ออกไปทำงาน ก็จะโทรมาถามทุกชม.อยู่แล้วว่าทำแผลมั้ย แผลเป็นยังไงบ้าง"

"แล้วเรื่องยาที่เห็นในลิ้นชัก ตร.ไปเรียบร้อยแล้วค่ะ เป็นไอบรูโพรเฟน ยาแก้ปวดที่แม่ได้มาจากรพ.แพทย์ปัญญาตอนไปหาหมอค่ะ WY ไม่แน่ใจ มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ เรากินยาเราไม่ได้ดู ที่ตร.ถ่ายรูปไป เป็นเม็ดสีเหลืองที่หมอให้มา แม่มีอาการซึมเศร้านะ ตอนน้องสองคนเสียไปก็มีอาการ แต่หมอวินิจฉัยว่าเราเป็นครั้งคราว เแต่ตอนหลังไม่ได้กิน กินแล้วนอนตลอด ไม่ได้ดูลูก

"แม่กินยาลดความอ้วนเยอะมาก ถ้าอยากให้ตรวจก็กล้าตรวจนะ แต่ที่กินเป็นยาลดความอ้วนที่ไม่ได้ผ่านอย.ค่ะ และคุณยายของน้องก็ได้บอกว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นค่ะ ส่วนมากจะเห็นลูกสาวกินยาที่เขารีวิว ยาลดความอ้วนเยอะและยาจากซองรพ.ตำรวจแล้ว ยายอยู่เลยไปอีกสักสองห้อง แต่ตึกเดียวกัน ก็ไปอยู่กับหลานตลอด กรณีที่ครั้งหนึ่งน้องที่เกิดอุบัติเหตุตกตึกลงมา มีเรื่องเงินบริจาค แม่ก็ได้เอาเงินไปใช้เป็นค่ายา ค่ารถเข็นน้อง ค่าไม้เท้า วอกล์กเกอร์ เป็นค่ารักษาพยาบาลน้องหมดเลย แสดงหลักฐานได้มีบิลค่ะ พวกรถเข็น วอล์กเกอร์ยังอยู่ที่บ้าน"

ด้านทางฝั่งของ ดร.สมคิด สมศรี อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เป็นคนดูแลเด็กสองคน บอกว่า น้องๆ ไม่มีปัญหาอะไร น้องๆ ร่าเริงและสุขภาพดี ไม่ได้ถูกทำร้ายแต่อย่างใด แม่ก็ไม่ได้ทำร้ายแต่อย่างใด จริงๆ สื่อลงไปว่าแม่ทำร้าย แต่เราวิเคราะห์ดูแล้วเป็นการเลี้ยงดูตามวัฒนธรรมประเพณีคนไทย ดุด่าว่ากล่าว ตีด้วยมือบ้าง ไมใช่ไม้ใหญ่แต่อย่างใด เรายืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกาย วัฒนธรรมประเพณีไทย  ก็อาจจะดุว่ากล่าว พ่อจะพูดดี เพราะเป็นชาวต่างชาติ ตอนนี้ถ้าเลือกได้ เด็กยืนยันว่าอยากอยู่กับคุณพ่อ แต่เราไกล่เกลี่ยว่าไม่ได้นะ เพราะยังไงคุณแม่คลอดมา ก็ต้องดูแลทั้งพ่อทั้งแม่ แต่วันนี้เด็กยืนยันจะอยู่กับพ่ออยู่ แต่เรายังไม่ตกลง แต่ถ้าพ่อมาก็ต้องตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่ายก่อน"


"จริงๆไม่ขัดข้องว่าแม่เจอได้ แต่ลูกยังไม่อยากเจอแม่ อยากรอให้พ่อมาก่อน ตอนนี้ก็ได้คุยกับสื่อและฝากประชาสัมพันธ์ว่าต้องดูแลแม่ด้วย เพราะแม่ได้รับผลกระทบจากลูกที่เสียชีวิตไปสองคน วันนี้ลูกออกจากบ้านไปสองคน สภาพจิตใจเขาก็ต้องแย่อยู่แล้ว ให้ความเป็นธรรมเขาด้วย"


นอกจากนี้ นพ.ธีรนันท์ มิตรภานนท์ จิตเวชเด็กและวัยรุ่นรพ.พญาไท ได้บอกว่า "เด็กโกหกหรือเปล่า ง่ายสุดเลยสามารถเป็นไปได้อาจเกิดเหตุการณ์จริงหรือเกิดนิดๆ หน่อยๆ เด็กเซนซิทีฟเยอะ เช่นบางคนตีนิดเดียวแต่เจ็บเยอะไปเลย และกลัวไปเลย สมัยใหม่น่ากลัวกว่าการตีคือการใส่อารมณ์ลงไป เด็กเกิดความกลัวและหวาดระแวงได้ อีกส่วนคือเด็กโกหกหรือเปล่า ตรงนั้นไม่อยากให้คิดว่าน้องโกหก อยากให้เข้าใจทั้งน้องและคุณแม่ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จะสามารถปรับให้กลับมาสู่ปกติได้ ตอนนี้คำถามคือเด็กเจอแม่ได้มั้ย เราต้องไปเช็กก่อน น้องมีปัญหาทางจิตใจหรือเปล่า เด็กบางคนกลัวหวาดผวาไปเลย ให้เขาเผชิญสิ่งที่กลัวจะยิ่งกระตุ้นความกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าป่วยก็ต้องรักษาก่อนครับ"


"อยากให้สังคมเข้าใจ ถ้าแม่ทำจริง สังคมอย่ารุมว่าคุณแม่ เพราะที่เหลือคุณแม่ต้องมาเรียนรู้วิธีเลี้ยงลูกแบบใหม่ สังคมต้องช่วยให้คุณแม่ดีขึ้น เยียวยาทั้งแม่และลูก และแม่จอยก็ได้บอกว่าถ้าเด็กต้องการอยู่กับพ่อต้องเจรจา เอาน้องเป็นที่ตั้งค่ะ จะปล่อยเขามั้ยขอคุยกับลูกก่อนค่ะ"

 

คลิปรายการ

 

 

ขอบคุณ : รายการโหนกระแส

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ