หลวงตามหาบัว พระนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ผู้สร้างศรัทธา ผ้าป่าช่วยชาติ
ประวัติ หลวงตามหาบัว พระนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ผู้บันทึกประวัติของหลวงปู่มั่นโดยละเอียด และเป็น พระผู้สร้างศรัทธา ผ้าป่าช่วยชาติ บริจาคทอง เข้าคลังหลวง ช่วยวิกฤตชาติ
พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมฺปนฺโน)
ประวัติโดยย่อ
- ชื่อ: พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมฺปนฺโน) หรือ หลวงตาบัว, หลวงตามหาบัว
- วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี
- อุปสมบท: 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2477
- พรรษา: 76 พรรษา
- ตำแหน่ง: อดีตเจ้าอาวาสวัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด)
- เกิด: 12 สิงหาคม พ.ศ. 2456
- อายุหลวงตามหาบัว: อายุ 97 ปี
- มรณภาพ: 30 มกราคม พ.ศ. 2554
- นิกาย: ธรรมยุติกนิกาย
- การศึกษา: นักธรรมชั้นเอก, เปรียญธรรม 3 ประโยค
ประวัติหลวงตามหาบัว
พระธรรมวิสุทธิมงคล,วิ. นามเดิม บัว โลหิตดี ฉายา ญาณสมฺปนฺโน, ป.ธ.3 หรือที่นิยมเรียกกันว่า หลวงตามหาบัว หรือ หลวงตาบัว เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2456 มรณภาพ วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554
หลวงตามหาบัว เป็นพระภิกษุคณะธรรมยุติกนิกาย ชาวจังหวัดอุดรธานี เจ้าอาวาสองค์แรกของวัดป่าบ้านตาด (วัดเกษรศีลคุณ) เป็นวิปัสสนาจารย์สายพระป่าในประเทศไทย ศิษย์ของพระครูวินัยธรมั่น ภูริทตฺโต ซึ่งมีโอกาสอุปฐากรับใช้หลวงปู่มั่นในช่วงปัจฉิมวัยและเป็นผู้หนึ่งที่ได้บันทึกประวัติของหลวงปู่มั่นโดยละเอียดในเวลาต่อมา
หลวงตามหาบัว เป็นที่รู้จักในฐานะพระนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานผู้มีปฏิปทาที่มั่นคง แน่วแน่ เด็ดขาด และจริงจัง บรรดาศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่มั่นต่างนับถือกันว่าท่านเป็นลูกศิษย์องค์หนึ่งที่มีปฏิปทาที่คล้ายคลึงกับ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต การกล่าวขวัญถึงท่านในหมู่ผู้ศรัทธามีหลายเรื่องค่อนไปในเชิงอภินิหาร เช่น การล่วงรู้วาระจิตของบุคคลอื่น การที่เศษผม เศษเล็บ และชานหมากของท่านกลายเป็นพระธาตุไปตั้งแต่ครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่เป็นต้น
หลังวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2540 หลวงตามหาบัวได้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้นทั้งในและนอกประเทศ จากการที่ท่านได้ดำเนินการทอดผ้าป่าทองคำและเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้ชื่อ "โครงการผ้าป่าช่วยชาติ โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน" เพื่อใช้เป็นทุนสำรองของประเทศไทย ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้ได้ดำเนินการมาโดยตลอดในช่วงปัจฉิมวัยของท่าน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปัจฉิมวัยนี้เองได้มีเหตุการณ์ที่ทำให้ท่านตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ว่าท่านเข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมืองจากนักวิชาการและนักสื่อสารมวลชนจำนวนหนึ่ง เช่น ประเด็นการคัดค้านการรวมบัญชีเงินทุนสำรองของประเทศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ประเด็นการคัดค้านการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสงฆ์ฉบับใหม่ และการเทศนาวิพากษ์วิจารณ์ทักษิณ ชินวัตร ครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีช่วง พ.ศ. 2548 เป็นต้น
ชีวิประวัติ หลวงตามหาบัว
ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 11 ค่ำ เดือนเก้า(9) ปีฉลู ณ ตำบลบ้านตาด อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี บิดาของหลวงตามหาบัวชื่อ ทองดี โลหิตดี มารดาของหลวงตามหาบัวชื่อ แพงศรี โลหิตดี และมีพี่น้องทั้งหมด 16 คน ในวัยเด็กท่านเป็นคนที่เลื่อมใสในศาสนาพุทธ โดยได้ทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ
อุปสมบท
เมื่อท่านอายุครบอุปสมบทแล้ว บิดาและมารดาของท่านปรารถนาให้ท่านบวชด้วยหวังพึ่งใบบุญ แต่ท่านก็ไม่ตอบรับ ทำให้บิดาและมารดาของท่านถึงกับน้ำตาไหล ท่านจึงกลับพิจารณาออกบวชอีกครั้ง ที่สุดจึงตัดสินใจออกบวชโดยท่านกล่าวกับมารดาว่า "เรื่องการบวชจะบวชให้ แต่ว่าใครจะมาบังคับไม่ให้สึกไม่ได้นะ บวชแล้วจะสึกเมื่อไหร่ก็สึก ใครจะมาบังคับว่าต้องเท่านั้นปีเท่านี้เดือนไม่ได้นะ" ซึ่งมารดาก็ตกลงตามที่ท่านขอ
ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2477 ที่วัดโยธานิมิตร ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ โดยได้ฉายานามว่า "ญาณสมฺปนฺโน" แปลว่า "ถึงพร้อมแล้วด้วยญาณ" ท่านมีความเคารพเลื่อมในเรื่องการภาวนาและกรรมฐาน ท่านได้สอบถามวิธีการภาวนาจากพระอุปัชฌาย์ของท่านและได้รับการแนะนำให้ภาวนาว่า "พุทโธ" ท่านจึงปฏิบัติภาวนาและเดินจงกรมเป็นประจำ
เรียนปริยัติ
ระหว่างนั้นท่านเริ่มเรียนหนังสือทางธรรมและศึกษาเกี่ยวกับพุทธประวัติ รวมทั้งพุทธสาวก โดยหลังจากพุทธสาวกเหล่านั้นได้รับพระโอวาทจากพระพุทธเจ้าแล้วจะเดินทางไปบำเพ็ญในป่าอย่างจริงจังจนสำเร็จอรหันต์ ทำให้ท่านเกิดความเลื่อมใสและตั้งใจปฏิบัติเพื่ออรหัตผลให้ได้ จึงตั้งสัจอธิษฐานว่า เมื่อเรียนจบเปรียญธรรม 3 ประโยคแล้วจะออกปฏิบัติกรรมฐานโดยถ่ายเดียว
อย่างไรก็ตาม ท่านยังสงสัยว่า ถ้าท่านดำเนินตามแนวทางปฏิบัติตามพระสาวกเหล่านั้น จะสามารถบรรลุถึงจุดที่ท่านเหล่านั้นบรรลุหรือไม่ และมรรคผลนิพพานจะมีอยู่เหมือนครั้งพุทธกาลหรือไม่ ความสงสัยเหล่านี้ทำให้ท่านมุ่งหวังได้พบกับพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ซึ่งท่านเชื่อมั่นว่าท่านอาจารย์มั่นจะสามารถไขปัญหานี้ให้ท่านได้
ท่านเดินทางศึกษาพระปริยัติในหลายแห่ง อาทิ วัดสุทธจินดาวรวิหาร จังหวัดนครราชสีมา, วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) เป็นอาจารย์สอนปริยัติธรรม จากนั้น ท่านเดินทางไปเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ เวลานั้นพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านได้อาราธนานิมนต์พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ขอให้ไปจำพรรษาที่จังหวัดอุดรธานี พระอาจารย์มั่นรับนิมนต์นี้และได้เดินทางมาพักที่วัดเจดีย์หลวงชั่วคราวจึงทำให้ท่านได้พบพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ครั้งแรก ท่านศึกษาทางปริยัติที่วัดแห่งนี้ จนสอบได้นักธรรมชั้นเอกและเปรียญธรรม 3 ประโยคใน พ.ศ. 2484 นับเป็นปีที่ท่านบวชได้ 7 พรรษา
ปฏิบัติกรรมฐาน
หลังสำเร็จการศึกษาทางปริยัติ ท่านเดินทางไปจังหวัดนครราชสีมาเพื่อปฏิบัติกรรมฐานได้ระยะหนึ่ง จึงเดินทางไปจังหวัดสกลนครโดยตั้งใจไปถวายตัวเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์มั่น โดยพระอาจารย์มั่นรับท่านเป็นลูกศิษย์และได้พูดขึ้นว่า
...ท่านมหามรรคผลนิพพานอยู่ที่ไหน? ดินเป็นดิน น้ำเป็นน้ำ ลมเป็นลม ไฟเป็นไฟ ฟ้าอากาศเป็นฟ้าอากาศ แร่ธาตุต่าง ๆ เป็นของเขาเอง เขาไม่ได้เป็นมรรคผลนิพพาน เขาไม่ได้เป็นกิเลส กิเลสจริง ๆ มรรคผลจริง ๆ อยู่ที่ใจ ขอให้ท่านกำหนดจิตจ่อด้วยสติที่หัวใจ ท่านจะเห็นความเคลื่อนไหวของทั้งธรรมของทั้งกิเลสอยู่ภายในใจ แล้วขณะเดียวกัน ท่านจะเห็นมรรคผลนิพพานไปโดยลำดับ...
— มั่น ภูริทัตโต
คำกล่าวนี้ทำให้ท่านเชื่อมั่นว่ามรรคผลนิพพานมีจริงและเชื่อมั่นพระอาจารย์มั่นที่ไขข้อข้องใจได้ตรงจุด ท่านรักษาระเบียบวินัยข้อวัตรปฏิบัติต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด หลังจากศึกษาอยู่กับพระอาจารย์มั่นในพรรษาที่ 2 ท่านเริ่มหักโหมความเพียรในการปฏิบัติกรรมฐาน จนผิวหนังบริเวณก้นช้ำระบมและแตกในที่สุด พระอาจารย์มั่นเตือนว่า "กิเลสมันไม่ได้อยู่กับร่างกายนะ มันอยู่กับจิต" ซึ่งท่านก็น้อมรับคำเตือนของพระอาจารย์มั่นทันที
อย่างไรก็ตาม ด้วยจริตนิสัยของท่านเรื่องการภาวนานั้นถูกกับการอดอาหารเพราะทำให้ธาตุขันธ์เบาสบาย การตั้งสติทำสมาธิภาวนาก็ง่าย และช่วยให้การบำเพ็ญจิตภาวนาเจริญขึ้นได้เร็วกว่าขณะที่ออกฉันตามปกติ แม้มีผู้คัดค้านก็ไม่ทำให้ท่านเปลี่ยนใจได้ ด้วยท่านพิจารณาแล้วว่าพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระภิกษุอดอาหารเพื่อบำเพ็ญจิตตภาวนาได้ แต่ไม่ใช่เพื่อการโอ้อวดหรืออดเพียงอย่างเดียวโดยไม่ฝึกฝนด้านจิตภาวนาเลยซึ่งไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้น ท่านจึงใช้อุบายนี้เพื่อบำเพ็ญจิตตภาวนาเรื่อยมา
ในพรรษาที่ 10 ท่านฝึกสมาธิจนมั่นคงหนักแน่นและสามารถอยู่ในสมาธิได้เท่าไหร่ก็ได้ ท่านมีความสุขอย่างยิ่งจากที่จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน ท่านติดอยู่ในขั้นสมาธิอยู่ถึง 5 ปี โดยไม่ก้าวหน้าสู่ขั้นปัญญา จนกระทั่ง พระอาจารย์มั่นจึงให้อุบายเพื่อให้ท่านออกพิจารณาทางด้านปัญญาและเตือนท่านว่า "...สมาธิของพระพุทธเจ้า สมาธิต้องรู้สมาธิ ปัญญาต้องรู้ปัญญา อันนี้มันเอาสมาธิเป็นนิพพานเลย มันบ้าสมาธินี่ สมาธินอนตายอยู่นี่หรือเป็นสัมมาสมาธิ..." ท่านจึงออกจากสมาธิและพิจารณาทางด้านปัญญาต่อไป
ท่านได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุดในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 แรม 14 ค่ำ เดือน 6 เวลา 5 ทุ่มตรง บนหลังเขาซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร
ก่อตั้งวัดป่าบ้านตาด
หลวงตามหาบัว ออกบิณฑบาตในตอนเช้า บริเวณวัดป่าบ้านตาด ในปี พ.ศ. 2508
ด้วยเหตุที่โยมมารดาของท่านล้มป่วยเป็นอัมพาต ท่านจึงพาโยมมารดากลับมารักษาตัวที่บ้านตาดอันเป็นบ้านเกิด หลังรักษาตัวหายขาดแล้ว ท่านพิจารณาเห็นว่าโยมมารดาของท่านก็อายุมากแล้ว จะพาไปอยู่ในถิ่นทุรกันดารเพื่อการปลีกวิเวกตามนิสัยของท่านจะทำให้โยมมารดาลำบาก ประจวบกับเวลานั้นชาวบ้านตาดมีความประสงค์ให้ท่านตั้งวัดขึ้นที่นั่นเช่นกัน โดยชาวบ้านร่วมกันถวายที่ดินให้เป็นที่ตั้งวัด ดังนั้น วัดป่าบ้านตาดจึงเริ่มก่อตั้งขึ้น ณ หมู่บ้านบ้านตาด ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ตั้งแต่ พ.ศ. 2498 ต่อมา กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศตั้งขึ้นเป็นวัดในพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2513 โดยให้ชื่อว่า "วัดเกษรศีลคุณ"
มรณภาพ
พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศโถเป็นเกียรติยศแก่พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมฺปนฺโน) บนศาลาการเปรียญวัดป่าบ้านตาด
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารพระธรรมวิสุทธิมงคล พร้อมด้วยสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี (ขวา) ณ วัดเกษรศีลคุณ วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554
พระธรรมวิสุทธิมงคล อาพาธลำไส้อุดตัน และมีปอดติดเชื้อมานานกว่า 6 เดือน คณะแพทย์ถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง และมีการสร้างกุฏิปลอดเชื้อให้แก่พระเดชพระคุณ แต่อาการอาพาธไม่ดีขึ้น จนเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 02.49 น. ตรวจพบสมองของพระเดชพระคุณหยุดทำงานใน ต่อมา ตรวจพบม่านตาขยายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ฝ่ามือฝ่าเท้า ออกซิเจนในเลือดเป็น 0 จากนั้นเวลา 03.53 น. ความดันโลหิตมีค่าเป็น 0 หัวใจหยุดเต้นและหยุดการหายใจ จึงเป็นอันมรณภาพ หลวงตามหาบัว สิริอายุได้ 97 ปี 5 เดือน 18 วัน 76 พรรษา
พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จแทนพระองค์ไปทรงเป็นประธานพิธีถวายน้ำหลวงสรงศพพระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมฺปนฺโน) และทรงวางพวงมาลาหลวง พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง, พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (เมื่อครั้งดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร), สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พวงมาลาส่วนพระองค์ และพวงมาลาของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพระราชทานโกศโถและทรงรับพระพิธีธรรมไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน และสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ประทานบำเพ็ญพระราชกุศล 1 วัน โดยโปรดให้พระธรรมมงคลวุฒาจารย์ (บุญยนต์ ปุญฺญาคโม) ผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้แทนพระองค์เดินทางมาร่วมประกอบพิธีธรรม จากนั้นจึงเปิดให้พ่อค้า ประชาชน ส่วนราชการต่าง ๆ เป็นเจ้าภาพตลอดไป
ส่วนพินัยกรรมที่ท่านเขียนตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 นั้น สรุปความได้ว่า ให้นำทองคำที่ได้รับบริจาคไปหลอม ส่วนเงินสดที่ได้รับบริจาคให้นำไปซื้อทองคำ แล้วนำมาหลอมรวมและมอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อเป็นทุนสำรองเงินตราของฝ่ายบำบัดธนาคารแห่งประเทศไทย และไม่มีเจตนาให้ใช้ในงานอื่น โดยตั้งพระสุดใจ ทนฺตมโน รองเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด เป็นผู้จัดการมรดก รวมทั้งตั้งคณะกรรมการจัดงานศพและจัดการดูแลทรัพย์สินทั้งปวงอีก 9 คน
หลวงตามหาบัว อรหันต์ผู้ยืดอายุสู้โรคร้ายโปรดโลก ช่วยไทยพ้นวิกฤตการเงิน
ถ้าพูดถึง "พระธรรมวิสุทธิมงคล" หรือที่เราคนไทยเรียกขานว่า "หลวงตามหาบัว" มีสิ่งน่าอัศจรรย์ ปาฏิหาริย์ หลากหลายแง่มุม ที่เล่าขานบอกต่อมากมายอยู่เสมอ
โดยเฉพาะเรื่องหนึ่งที่หลายคนเคยได้ยินมาก่อนและมีความหมายอันทรงคุณค่าต่อประเทศไทยเป็นอันมากคือ เรื่องเล่าขานอันทรงพลังที่กล่าวถึงการหมดอายุขัยของหลวงตามหาบัว ตั้งแต่ตอนที่ท่านอายุได้ 80 ปี
ว่ากันว่า ช่วงเวลานั้นหรือช่วงคาบเกี่ยวกับปี 2536-2540 หลวงตามหาบัวได้อาพาธหนักมาก คือเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 4 หลวงตาถึงขนาดสั่งให้เตรียมสร้างเมรุ เพื่อปลงสังขารของท่านเองที่ “วัดป่าบ้านตาด” ไว้เรียบร้อยแล้ว
หากแต่เมื่อพอดีช่วงปี 2540 ประเทศไทยต้องประสบวิกฤติเศรษฐกิจอย่างหนัก ที่เรียกว่า “วิกฤติต้มยำกุ้ง” หลวงตามหาบัว เกิดเวทนาสงสารลูกหลานไทยว่าจะพังพินาศกันไปหมดทั้งชาติ
ว่าแล้ว ท่านจึงเจริญ “อิทธิบาทภาวนา” ต่ออายุองค์ท่านเอง ด้วยกำลังฌาณและอรหันตฤทธิ์ที่ทรงอานุภาพอย่างเยี่ยมยอด จนสามารถระงับยับยั้งอาการอาพาธ (มะเร็งขั้นสุดท้าย) ให้สงบราบคาบได้ อีกทั้งยังกลับมาแข็งแรงดังเดิม
หลังจากนั้น ท่านได้ออกบิณฑบาตทองคำและดอลล่าร์ เพื่อ “ช่วยชาติ” ให้พ้นจากหายนภัย จนประสพผลสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย โดยได้ทองคำเข้าคลังหลวงถึงกว่า 10 ตัน และเงินดอลล่าร์อีก 10 ล้านดอลล่าร์ สร้างปรากการณ์ “ผ้าป่าช่วยชาติ” โด่งดังไปทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ในที่สุดกำหนดสวรรค์ก็มาถึงตามธรรมดาโลก และในวันนี้เมื่อ 8 ปีก่อน ตรงกับวันที่ 30 มกราคม 2554 พระธรรมวิสุทธิมงคล ได้ละสังขารไปอย่างสงบ สิริอายุได้ 97 ปี 5 เดือน 18 วัน 77 พรรษา คงเหลือไว้ซึ่งคำสอบวัตรปฏิบัตรและแบบอย่างของความรักชาติแม้ในร่มกาสาวพัสตร์โดยแท้
โครงการช่วยชาติ โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
โครงการช่วยชาติ โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หรือที่เรียกทั่วไปว่า โครงการผ้าป่าช่วยชาติ หลวงตามหาบัว เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2540 เนื่องจากท่านเดินทางไปแจกสิ่งของตามโรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดารทำให้ทราบว่าโรงพยาบาลต่าง ๆ มีหนี้สินเป็นอันมากซึ่งเกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เปลี่ยนไป อันเป็นผลมาจากวิกฤติทางการเงินของประเทศ ท่านรู้สึกสลดใจเป็นอันมากจึงดำริที่จะช่วยชาติโดยน้อมนำให้ชาวไทยทั่วประเทศร่วมกันบริจาคทองคำ เงินดอลลาร์ เงินสกุลต่างประเทศ และเงินบาท เพื่อช่วยชาติบ้านเมืองที่กำลังประสบสภาวะเศรษฐกิจและสังคมตกต่ำให้ฟื้นฟูและผ่านพ้นไปด้วยดี โดยเงินทองที่ได้มาจากการบริจาคนี้จะยกให้กับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อนำเข้าบัญชีฝ่ายออกบัตร (คลังหลวง) ทั้งหมด
โครงการช่วยชาติได้รับเงินบริจาคเป็นปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2541 เป็นเงิน 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ และเริ่มดำเนินโครงการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2541 โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีทรงเป็นประธานเปิดโครงการ ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553 ได้มอบเงินเข้าคลังหลวงรวมทั้งสิ้น 15 ครั้ง รวมเป็นทองคำแท่ง 967 แท่ง 12,079.8 กิโลกรัม หรือ 388,000 ออนซ์ ส่วนเงินตราต่างประเทศประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมเป็นเงินประมาณ 15,000 ล้านบาท
หลังหลวงตามหาบัวมรณภาพโครงการช่วยชาติยังดำเนินต่อและมอบเงินเข้าคลังหลวงครั้งที่ 16 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย เป็นทองคำแท่ง 73.64 แท่ง น้ำหนัก 920.5 กิโลกรัม ดังนั้น จึงมีทองคำแท่งบริจาคเข้าคลังหลวงรวม 1,040 แท่ง น้ำหนัก 13,000.05 กิโลกรัม เป็นเงิน 19,188,413,280 บาท และเมื่อรวมกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่นำเข้าคลังหลวงแล้ว 10,214,600 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 306,965,073.36 บาท จะมีมูลค่า 19,495,378,353 บาท
พระลูกศิษย์ หลวงตามหาบัว
- พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร วัดป่าแก้วชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร (วัดป่าหนองผือ จ.สกลนคร /วัดป่าห้วยทราย จ.มุกดาหาร)
- พระอาจารย์หล้า เขมปตฺโต วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) จ.มุกดาหาร (วัดป่าหนองผือ จ.สกลนคร /วัดป่าห้วยทราย จ.มุกดาหาร)
- พระเทพวิสุทธิมงคล พระอาจารย์ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด (วัดป่าหนองผือ จ.สกลนคร /วัดป่าห้วยทราย จ.มุกดาหาร)
- หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ วัดป่าศิลาพร ต.สิงห์ อ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร
- หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดเกษรศิลคุณธรรมเจดีย์ (วัดภูผาแดง) ต.หนองอ้อ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
- พระครูสุวิมลบุญญากร หลวงปู่บิญพิน กตปุญฺโญ วัดผาเทพนิมิตร อ.น้ำอูน จ.สกลนคร
- หลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม วัดป่าดานศรีสำราญ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ
- หลวงปู่เพียร วิริโย วัดป่าหนองกอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
- หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู (วัดป่าหนองผือ จ.สกลนคร /วัดป่าห้วยทราย จ.มุกดาหาร)
- พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร วัดป่าแก้วชุมพล ต.บ้านชุม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
- พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม วัดป่าประสิทธิธรรม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
- หลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ วัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
- หลวงปู่ปัญญา ปัญญาวัฑโฒ วัดป่าบ้านตาด ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
- พระพุทธิสารเถร พระอาจารย์บุญกู้ อนุวฑฺฒโน วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
- พระครูภาวนาปัญญาโสภณ พระอาจาย์คำผิว สุภโณ วัดป่าศรีวิไลย์ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
- พระครูสันติวีรญาณ (ฟัก สนฺติธมฺโม) วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน) ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี
- หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธัมโม วัดป่าแก้วชุมพล บ้านชุมพล ต.ค้อใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
- พระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร วัดถ้ำสหายจันทรนิมิตร อ.หนองแสง จ.อุดรธานี
- พระอาจารย์อินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก วัดป่านาคำน้อย อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี
- พระครูวิมลภาวนาคุณ พระอาจารย์คูณ สุเมโธ วัดป่าภูทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
- พระโพธิญาณมุนี พระอาจารย์เมือง พลวฑฺโฒ วัดป่ามัชฌิมวาส อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
- พระอาจารย์สม ขนฺติโก วัดป่าโพธิ์ชัยญาณสัมปันโน อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี
- พระอาจารย์เชอร์รี่ อภิเจโต วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
- พระอาจารย์สุดใจ ทนฺตมโน วัดป่าบ้านตาด ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
- พระอาจารย์มานะ เทวธมฺโม วัดถ้ำวิมานเจีย อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ (วัดป่าหลวงตามหาบัว เมืองดาร์วิน ออสเตเรีย)
- พระจุลนายก (สุชาติ อภิชาโต) วัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
- พระวิสุทธิสารเถร (ภูสิต ขันติธร) วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หมู่ 5 บ้านพุไม้แดง ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
- พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต วัดป่าภูสังโฆ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
- พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม วัดป่าหนองไผ่ อ.เมือง จ.สกลนคร
- พระครูปัญญาวราจารย์ พระอาจารย์บุญทัน ฐิตสีโล วัดป่าเขาใหญ่เจริญธรรม อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์
- พระครูวิศาลศาสนกิจ พระอาจารย์สนิท จิรสินิทโธ วัดป่าคีรีเขต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี
- พระอาจารย์จิรวัฒน์ อัตตรักโข วัดป่าไชยชุมพล อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
- พระอาจารย์สงบ สุปภาโส วัดป่ารังสีปาลิวัน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์
- พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต วัดป่าสันติพุทธาราม (เขาแดงใหญ่) อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
- พระอาจารย์สงบ กุสฺสลจิตฺโต วัดป่าสุขใจ จ.สมุทรปราการ
- พระอาจารย์สุนทร ฐิติโก วัดป่าหลวงตามหาบัวธรรมเจดีย์ (วัดป่าภูหินร้อยก้อน) อ.หนองแสง จ.อุดรธานี
- พระอาจารย์มนต์จิตเกษม (เฉลิม) ธมฺมธโร วัดป่าภูแปกญาณสัมปันโน อ.วังสระพุง จ.เลย
- พระอาจารย์ชิต ฐิตจิตฺโต วัดป่าดงคล้อญาณสัมปันโน อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์
- พระอาจารย์โสภา สมโณ วัดแสงธรรมวังเขาเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
- พระอาจารย์สมภพ อภิวัณโณ(ปิ๋ว) สำนักสงฆ์ทรัพย์สวนพลู อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
อ้างอิง
พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมฺปนฺโน) wikipedia
พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมฺปนฺโน). ไม่มาเกิดมาตายเรียกว่า ชาติสุดท้าย