เดิมพันสูง ‘ทักษิณ’ อัศวิน ‘ขวาใหม่’ อาสาพิฆาตส้ม

เดิมพันอนาคต ทักษิณ กระโจนสู่ศึกชิงอำนาจ เพื่อไทยเปิดดีลขั้วอนุรักษนิยม ตั้งรัฐบาลสูตรปรองดอง ก้าวไกลสู้ไม่ถอย 

เกมพลิกวันต่อวัน เพื่อไทย ส่อเลื่อนโหวตนายกฯ ไม่เสี่ยงเดินหน้าหักก้าวไกล หวั่นผลกระทบพรรคแตก
 

ย้อนไปเมื่อรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ทักษิณ ชินวัตร มีอายุ 57 ปี และผ่านมาถึงปีนี้ ทักษิณจะมีอายุครบ 74 ปี ในวันที่ 26 ก.ค. 2566 

ดังนั้น ทักษิณจึงตั้งใจว่า จะกลับบ้านมาเลี้ยงหลานให้ได้ ภายในเดือน ส.ค.2566 เหมือนเขาเคยส่งสัญญาณมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

“ถ้ากลับไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง ได้กลับไปอยู่กับครอบครัวแล้ว มันก็จบทุกอย่าง” ทักษิณให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสื่อชื่อ Thaksin Shinawatra : Theory and Thought

 

 

 

ก่อนวันเลือกตั้ง 9 พ.ค. 2566 ทักษิณ ชินวัตร ประกาศย้ำว่า จะกลับไทยแน่นอน โดยให้เหตุผลว่า “...ด้วยความผูกพันกับครอบครัว แผ่นดินเกิด และเจ้านายของเรา”

ด้วยเหตุนี้ เกมการจัดตั้งรัฐบาล ที่มีก้าวไกลส่งไม้ต่อมาให้เพื่อไทย จึงมีการวิเคราะห์เชื่อมโยงระหว่างแผนการกลับบ้านของทักษิณ กับสูตรรัฐบาลสลับขั้วหรือพลิกขั้ว 

ปรากฏการณ์พรรคเพื่อไทย เชิญ 5 พรรคการเมืองไปหารือเรื่องทางออกของบ้านเมือง ก็ไม่ต่างจากกลยุทธ์ยืมปากพรรคขั้วอนุรักษนิยม บีบพรรคก้าวไกลให้ถอย
 

อดีตอัศวินควายดำ
หลายคนคงจำได้ว่า ทักษิณ ชินวัตร สมัยที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจโทรคมนาคม ได้ฉายาว่า อัศวินแห่งคลื่นลูกที่สาม และเมื่อเข้าสู่การเมือง ก็ได้รับการยกย่องเป็นอัศวินควายดำ

พรรคไทยรักไทย เกิดขึ้นมาภายใต้บริบทเศรษฐกิจการเมืองไทยช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 โดยทักษิณ เป็นผู้นำพรรค ซึ่งเวลานั้น ทักษิณเป็นผู้มั่งคั่งจากเงินใหม่คือ ธุรกิจโทรคมนาคม ทั้งโทรศัพท์มือถือ และดาวเทียม 

ก่อนเลือกตั้งปี 2544 ทักษิณถูก ป.ป.ช.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณากรณีการซุกหุ้น เมื่อทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี คดีก็ยังดำเนินต่อไป จึงมีกระแสปกป้องทักษิณ โดยการนำของหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด ,พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และกลุ่มญาติธรรม

รวมถึง นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว ราษฎรอาวุโส ที่ฝากความหวังกับการมาของรัฐบาลทักษิณ ถึงขั้นตั้งฉายาทักษิณว่า อัศวินควายดำ แถมมีการล่ารายชื่อมาสนับสนุนให้นายกฯ จากพรรค ทรท.หลุดพ้นคดีซุกหุ้น และในที่สุด ทักษิณได้ชัยชนะในคดีดังกล่าว

หลังชัยชนะของพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้งปี 2548 ได้มีกระแสต่อต้านระบอบทักษิณ ภาพของนายกฯขวัญใจคนรากหญ้า กลายเป็นผู้นำเผด็จการรัฐสภาในสายตาของคนเสื้อเหลือง หรือกลุ่มอนุรักษนิยม

 

 

อัศวินคนใหม่
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักข่าวข่าวเอเชียไทม์ส ได้นำเสนอรายงานเกี่ยวกับผลโหวตเลือกนายกฯ รอบแรกของไทย (13 ก.ค.) เป็นความพ่ายแพ้ของพิธาและพรรคก้าวไกล และกำลังจะกลายเป็นชัยชนะของทักษิณ ชินวัตร ท่ามกลางสัญญาณประนีประนอมระหว่างพรรคเพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษนิยม

เอเชียไทม์ส วิเคราะห์ว่า อีลิท หรือ ชนชั้นนำ มองวาระปฏิรูปหรือนโยบายก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล ไล่ตั้งแต่แก้ไข ม.112 และทลายทุนผูกขาด คือภัยคุกคามการอยู่รอดใหญ่หลวงกว่าทักษิณ

หากใครเคยฟังรายการแคร์ทอล์ค จะพบว่า ทักษิณ ได้สื่อสารเรื่องตัวเขากับชนชั้นนำอยู่หลายครั้ง อย่างตอนที่เขาถูกยึดอำนาจ 19 ก.ย. 2549 และต้องใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนานถึง 17 ปี เพราะเขาเป็นคนซื่อบื้อ คนโง่ ไม่ได้เข้าไปหากลุ่มอีลิท

วันที่ทายาทตระกูลชินวัตร เป็นไทคูนสื่อสาร มีดาวเทียม ทีวี และมือถือ ทักษิณยกระดับตัวเองเป็นชนชั้นอีลิท แต่แทนที่จะโลดแล่นในสังคมคนชั้นสูง เขากลับเลือกเล่นการเมือง จึงตกระกำลำบากไปใช้ชีวิตในต่างแดน

การเดินทางกลับไทย ทักษิณอาจจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ลึกๆ แล้ว เขาอาจจะภูมิใจที่เป็นพระเอกขี่ม้าขาว มาช่วยชนชั้นนำแก้วิกฤตการเมือง ในวันที่ถูกพรรคสีส้มประกาศไล่รื้อโครงสร้างอำนาจเดิม