ไม่มีศัตรูถาวร ‘อนุทิน’ เปิดดีล ‘เพื่อไทย’ คนดูไบกลับบ้าน

เกมเดินเร็ว อนุทิน บุกเจรจาเพื่อไทย ก้าวข้ามอดีต เนวินหักนายใหญ่ ร่วมเล่นละครบีบ ก้าวไกล ให้พ้นทาง  

ก้าวไกลพลิกเกมกอดเพื่อไทย เกมปิดสวิตช์ พิธา สะดุด คนแดนไกลพลิกแผนยืมมือคนเซราะกราว เขย่าค่ายสีส้ม 
 

การเมืองไทยไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กลายเป็นตัวแปรในสงครามเย็น ระหว่างเพื่อไทยและก้าวไกล

บ่าย 2 โมง วันที่ 22 ก.ค. 2566 อนุทิน ชาญวีรกูล และแกนนำพรรคภูมิใจไทย จะยกขบวนไปที่พรรคเพื่อไทย ซึ่งก่อนหน้านั้น ทางเพื่อไทยแจ้งข่าวว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว จะไปหาเสี่ยหนูที่พรรคภูมิใจไทย

เหตุที่พลิกแผนกลางดึก เสี่ยหนูต้องการให้เกียรติพรรคใหญ่ จึงขอไปหาเองดีกว่า นัยว่า ดีลสลับขั้วจบไปแล้วระดับหนึ่ง

ที่เหลือก็น่าจะเป็นการแสดงละคร ตามแผนที่แกนนำ 8 พรรคขั้ว 312 เสียง ได้เจรจาตกลงกันไว้ และมอบให้พรรคเพื่อไทย ไปหาเสียงจาก สว.และ สส. มาเพิ่มเติมให้ครบ 376 เสียง
 

เมื่อตัวแทนเพื่อไทยไปเจรจาหาเสียงได้ความว่าอย่างไร ก็กลับมาแจ้งข่าวกับพรรคก้าวไกล ซึ่งน่าจะรู้คำตอบล่วงหน้าอยู่แล้ว

ทั้งพรรคขั้ว 188 และ สว.ส่วนใหญ่ ก็มีเงื่อนไขเดียว หากมีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วม 8 พรรค ก็ไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย

สิ่งที่พรรคเพื่อไทย กำลังทำอยู่ในช่วง 4-5 วันนี้ คือ แนวทางที่ 1 และ 2 ตามที่ตกลงกันในแกนนำ 8 พรรคร่วมเตรียมการจัดตั้งรัฐบาล

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดไว้ชัดเจนว่า ถ้าแนวทางที่ 1 และ 2 ไม่สำเร็จ ก็ต้องใช้แนวทางที่ 3 โดยอาจจะไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่งอยู่ในสมการนี้ 

แนวทางที่ 3 คือ ที่ประชุมได้ให้สิทธิ์พรรคเพื่อไทย ในการพิจารณาดำเนินการ ซึ่งแปลความได้ว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของฉากทัศน์การเมืองสลับขั้ว  

 

กอดขาเพื่อไทย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และแกนนำพรรคก้าวไกล ไม่ยอมยกธงขอเป็นค้าน และส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประกาศว่า พรรคมีกลยุทธ์ใหม่คือ กลยุทธ์หน้าด้าน โดยอธิบายว่า การที่จะสู้กับคนหน้าด้าน เราต้องหน้าด้านกว่า เพื่อเป้าหมายสำคัญที่สุด คือ ปิดสวิตช์ 3 ป.

กลยุทธ์หน้าด้าน หมายความว่า ก้าวไกลจะกอดขาเพื่อไทยไปตลอด ไม่มีวันแยกออกจากกัน 

สำหรับกลยุทธ์หน้าด้าน สร้างความไม่พอใจให้แกนนำเพื่อไทยอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเพื่อไทย มีแผนจะดัน เศรษฐา ทวีสิน สู่การพิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมรัฐสภา วันที่ 27 ก.ค.2566 

คนแดนไกลส่งสัญญาณมาแล้ว ต้องจบใน 27 ก.ค.นี้ ซึ่งหากจะได้เสียงจาก สว. และ สส.ให้ได้ 376 เสียง ก็ต้องไม่มีก้าวไกล ในสมการการเมืองใหม่ 

 

 

 

 

 

อดีตที่ลบเลือน
หลายคนคงจำกันได้ ปลายเดือน ธ.ค. 2565 เนวิน ชิดชอบ ในฐานะครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์รายการข่าว สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองหลังการเลือกตั้งปี 2566

“ประเทศไทยกับการเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร เชื่อผมเลย และสิ่งที่มันเป็นกลไกสำคัญที่สุด การตัดสินของประชาชน ณ วันลงคะแนนเลือกตั้ง จะเป็นตัวบังคับให้นักการเมือง และพรรคการเมืองต้องรู้ว่าประชาชนต้องการอะไร”

ตอนนั้น เนวินวิเคราะห์ว่า หลังเลือกตั้งครั้งหน้า ภูมิใจไทยก็จับมือเพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้ อย่าเอาเรื่องของเนวินกับทักษิณ มาเป็นตัวตั้ง

“พรรคเพื่อไทยขับเคลื่อนโดยใคร ใครเป็นคนกำหนดนโยบาย ใครบริหารพรรคเพื่อไทย ถ้าหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค แกนนำพรรคเพื่อไทยปัจจุบันเป็นผู้บริหารทั้งหมด แล้วจะมีความขัดแย้งอะไรกับนายอนุทิน แม้แต่ตัวนายทักษิณ ชินวัตร กับอนุทิน ในอดีตไม่มีปัญหาขัดแย้งกัน”

เนวินบอกว่า เรื่องในอดีตก็คืออดีต ปัจจุบันต้องถามว่า ผู้บริหารพรรคเพื่อไทยคือใคร แล้วมีปัญหากับอนุทินหรือไม่

ดังนั้น เกมบีบก้าวไกลให้ถอยเป็นฝ่ายค้านในชั่วโมงนี้ โดยเพื่อไทยเลือกเปิดดีลกับภูมิใจไทย เป็นพรรคอันดับแรก จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ