เจ็บแล้วไม่จบ ‘ชลน่าน’ โดนพิษดีลข้ามขั้ว ‘เพื่อไทย’ เสี่ยงพรรคแตก

ดราม่ามินต์ช็อก ชลน่าน เปิดบ้านรับขั้วลุง-หนู เช็กกระแส ส่อเค้าถึงทางตัน เพื่อไทย บนทางแพร่ง เสี่ยงพรรคแตก

แกนนำเพื่อไทยเครียด ส่อเลื่อนโหวตนายกฯ 27 ก.ค.นี้ เจอกลยุทธ์หน้าด้าน ประสานการชุมนุมใหญ่ไล่ สว.
 

เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.เลขาธิการพรรค สร้างปรากฏการณ์ดราม่ามินต์ช็อกสนั่นเมือง

เมื่อแกนนำเพื่อไทย เปิดบ้านต้อนรับแขกเหรื่อจาก 5 พรรคการเมืองคือ ภูมิใจไทย, ชาติพัฒนากล้า, รวมไทยสร้างชาติ, ชาติไทยพัฒนา และพลังประชารัฐ มาหารือพูดคุยเพื่อหาทางออก ไม่ใช่การเจรจาตั้งรัฐบาล

นพ.ชลน่าน ย้ำว่า ทำตามมติ 8 พรรคร่วม ที่มอบภารกิจให้เพื่อไทยหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติม ไม่ได้คุยเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล

จะว่าไปแล้ว กลยุทธ์ชิมมินต์ช็อก ของเพื่อไทย ก็ดูจะเอิกเกริกผิดปกติ เนื่องจาก 5 พรรคที่เชิญมาก็มีจุดยืนชัดเจนคือ ไม่เอาพรรคที่แก้ไข ม.112 หรือไม่เอาพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว
 

ด้วยเหตุนี้ จึงมีการวิเคราะห์กันว่า เพื่อไทยต้องการเปิดการแสดงละครโรงใหญ่ เพื่อเช็กกระแสมวลชน และกดดันก้าวไกลอีกทางหนึ่ง

ล่าสุด มีกระแสข่าวการโหวตนายกฯ ของที่ประชุมร่วมรัฐสภา 27 ก.ค. 2566 อาจจะเลื่อนออกไปก่อน เพราะเพื่อไทยประเมินว่า การเจรจากับก้าวไกล คงไม่จบง่ายๆ 

ที่สำคัญ เพื่อไทยได้เห็นปฏิกิริยาของมวลชนจากในโซเชียล และการชุมนุมที่แยกอโศก โดยการนำของ บก.ลายจุด ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับม็อบคนเมืองหลวง

 

 

 

หวานปนขม
สำหรับดราม่ามินต์ช็อกนั้น มาจากช่วงที่ตัวแทนจาก 5 พรรคมาเยือนเพื่อไทย ทางเจ้าบ้านก็จะเสิร์ฟเครื่องดื่มมินต์ช็อก แถมมีภาพแกนนำเพื่อไทยกับบางพรรค ชนแก้วมินต์ช็อกกันด้วย

สำหรือมินต์ช็อกหรือช็อกโกแลตมินต์ เป็นเมนูเครื่องดื่มสุดฮิตของร้าน ThinkLab creative space and cafe ภายในตึกเพื่อไทย

เนื่องจากเป็นเมนูโปรดของ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ในทุกครั้งที่เธอมาประชุมพรรค จะเห็นว่า อุ๊งอิ๊งถือแก้วเมนูช็อกโกแลตมินต์จากร้าน Thinklab ติดไม้ติดมืออยู่เสมอ 

ตอนค่ำวันที่ 23 ก.ค. 2566 สื่อหลายสำนักรายงานข่าวว่า ร้านคาเฟ่แห่ยกเลิกเมนูมินต์ช็อก หลังเพื่อไทยเดินหน้าเชิญพรรคขั้ว 188 เสียงมาพูดคุย และเสิร์ฟเครื่องดื่มมินต์ช็อก สร้างความไม่พอใจให้มวลชนฝั่งประชาธิปไตย จึงรณรงค์อารยะขัดขืน เลิกกินเมนูนี้

นี่คือประเด็นเล็กๆ ที่กำลังถูกขยาย และถ้าเพื่อไทยดันเปิดดีลข้ามขั้วจริง ก็อาจจะเจอการต่อต้านจากมวลชนอีกหลายรูปแบบ

 

ทางแพร่งหรือทางตัน
สุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์ไทยโพสต์เมื่อสุดสัปดาห์นี้ เกี่ยวกับทางสามแพร่งของพรรคเพื่อไทย

แพร่งแรกคือ ยอมเป็นฝ่ายค้าน 8 พรรคตั้งรัฐบาลกอดคอกันเลย ถ้าเราไม่ทิ้งกัน เราก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน 

แพร่งที่สองคือ 8 พรรคตั้งรัฐบาลยังกอดกันเหมือนเดิม ยังเอาพรรคก้าวไกลไปด้วย เอ็มโอยูยังเหมือนเดิม แต่ขอก้าวไกลลดเงื่อนไขเรื่องแก้ไข ม.112 ตามที่ สว. และพรรคขั้ว 188 เสียงเรียกร้อง

แพร่งที่สามคือ เดินหน้าเป็นรัฐบาล โดยเพื่อไทยเป็นแกนนำ แต่ก็ต้องตัดก้าวไกล 

“จำเป็นต้องสละน้อง เพราะว่าน้องก็ไม่ลด เงื่อนไขก็ไม่ลด จำเป็นต้องสละ ถ้าไม่สละ ก็ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วให้อีกฝั่งเป็นรัฐบาล เอาไหม” สุทินกล่าว

ใครก็รู้ว่า ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย อยากเลือกแพร่งที่สาม แต่พิธา และคนก้าวไกล ไม่ยอมถอย ให้ยึดสัจจะ ไม่ใช่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียสละ

เหนืออื่นใด ภายในพรรคเพื่อไทยเอง ก็มีความคิดขัดแย้งกันมากขึ้น ฟังเสียงสะท้อนจากจาตุรนต์ ฉายแสง ที่ไม่เห็นในการเชิญพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐมาปรึกษาหารือในพรรค

ในภาวะที่อิหลักอิเหลื่อ แกนนำเพื่อไทย จึงอาจจะต้องขอเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปก่อน เพื่อซื้อเวลาหาทางออกจากสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่พรรคจะแตก เพราะดีลข้ามขั้ว