คอลัมนิสต์

ลับลวงพราง ‘ประยุทธ์’ ซ้อนแผนดัน ‘พีระพันธุ์’ นายกฯ ในฝันอันเหลือเชื่อ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ดีเดย์เลือกนายกฯ ประยุทธ์ เช็กขุมกำลังขั้วเดิม ก่อนตัดสินใจส่ง พีระพันธุ์ แข่ง พิธา เหตุซุ้มเซราะกราวส่อเค้าแยกวง เหลือ 2 ลุง กับเสียง สว.จะไปต่อมั้ย

การศึกมิหน่ายเล่ห์ ประยุทธ์ เช็กขุมกำลังขั้วเดิม ก่อนตัดสินใจส่ง พีระพันธุ์ แข่ง พิธา มีเวลาจัดทัพอีก 8 วัน จะถึงวันดีเดย์เลือกนายกฯ 


พลาดเกมยึดประธานสภา ประวิตร ยังคิดสู้ งัดแผนรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไปสอยงูเห่าเอาดาบหน้า แต่เสี่ยงล้มแผน เพราะซุ้มเซราะกราวแหกคอก
 

เข้าสู่โหมดโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา และประธานรัฐสภา ได้แจ้งว่า จะนัดประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ก.ค.2566


แน่นอน ขั้ว 8 พรรคร่วมรัฐบาล จะส่งชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เข้าชิงตำแหน่งนายกฯ แต่ขั้วลุง ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะส่งผู้ใดลงแข่งหรือไม่ ก็ต้องจับตาดูในช่วง 8 วัน นับจากนี้ไป


วันที่ 5 ก.ค. 2566 ธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พูดเป็นนัยๆ ว่า พรรคกำลังปรึกษาหารือกัน อาจจะส่งคนลงแข่งกับพิธาก็ได้ 


บังเอิญว่าเช้าวันเดียวกัน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ได้นำเนื้อเพลงความฝันอันสูงสุด ท่อนแรกมาโพสต์เฟซบุ๊ก “ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง”
 

สเตตัสนี้ของพีระพันธุ์ ถูกโยงไปกับบทวิเคราะห์ของ ธนพร ศรียากูล ที่ว่านายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ไม่ใช่พิธา แต่จะเป็นพีระพันธุ์ 


สอดรับกับแหล่งข่าวในฝั่งขั้วอำนาจเดิม ระบุว่า ลุงตู่เล่นบทเตมีย์ใบ้ และกำลังคิดการใหญ่ เช่นเดียวกับลุงป้อม ที่เจอโซเชียลงัดภาพหลับกลางสภา จริงๆ แล้ว ลุงไม่เคยหลับ ยังประสานกับน้องรักตลอดเวลา

 

 

พีระพันธุ์ นายกฯ ในบทวิเคราะห์อันเหลือเชื่อ

 

 

โยนหินถามทาง
หลายคนอาจสงสัยว่า ชื่อ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ถูกจุดพลุขึ้นมาว่าจะเป็นตัวแทนขั้ว 188 เสียง ในการชิงตำแหน่งนายกฯนั้น มาจากแหล่งใด


ย้อนไปดูรายการคุยตามข่าว ทางช่อง 9 เมื่อคืนวันศุกร์วันที่ 30 มิ.ย. 2566 ธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ฟันธงว่า นายกรัฐมนตรีจะชื่อ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค โดยธนพรอ้างว่า มีแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้บอกว่าอีกขั้วเตรียมเสนอชื่อพีระพันธุ์ แข่งกับ พิธา ซึ่งจะได้เสียงสนับสนุนจาก สว. มากพอเป็นนายกรัฐมนตรี


ในเวลาต่อมา พีระพันธุ์ ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ และยืนยันว่า การสละตำแหน่ง สส.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวจะไปชิงเก้าอี้นายกฯ


จะว่าไปแล้ว สูตรรัฐบาลเสียงข้างน้อย มี สว.สายความมั่นคง เคยพูดถึงมาแล้ว โดยจะใช้เสียงขั้ว 188 เสียง บวกกับ สว.อีก 200 เสียง ดัน พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ แต่ถูกทางลุงป้อม ปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่รู้ๆ

 

จุดเปลี่ยน-ตัวแปร
ดังที่รู้กันในแวดวงการเมือง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เตรียมแผนจะขึ้นเป็นนายกฯ โดยอาศัยเสียงสนับสนุนจากขั้ว 188 เสียง และดึงบางส่วนมาจากขั้ว 312 เสียง บวกกับเสียง สว.อีกส่วนหนึ่ง


บังเอิญแผนการเลือกประธานสภา ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้คือ สุชาติ ตันเจริญ จะถูกเสนอชื่อโดยพรรคเล็ก โดยมี สส.ขั้ว 188 เสียง และงูเห่าจากขั้ว 312 เสียงร่วมโหวต เมื่อคนแดนไกลพลิกเกม เปลี่ยนตัวประธานสภาเป็นวันนอร์ และขอร้องให้สุชาติถอย ทุกอย่างก็จบ


คืนวันที่ 3 ก.ค. 2566 ทั้งสองลุง มีการปรึกษาหารือแบบเร่งด่วน ตัดสินใจส่ง วิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. ลงชิงรองประธานสภา คนที่ 1


ผลการโหวตก็ดังที่ทราบกัน ปดิพัทธ์ สันติภาดา พรรค กก. ได้ 312 เสียง ขณะที่ วิทยา แก้วภราดัย ได้ 105 เสียง โดยมีผู้งดออกเสียง 77 เสียง


จากการตรวจสอบพบว่า คะแนนงดออกเสียงจำนวน 77 เสียง มาจากพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง และอีก 6 เสียง คาดว่า จะมาจากพรรคเล็ก ดังนั้น สูตรรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่มี พีระพันธุ์ ถูกส่งเข้าประกวดชิงนายกฯ จะเป็นจริงหรือไม่ ก็ต้องวัดใจพรรคภูมิใจไทย จะเล่นเกมนี้กับ 2 ลุงหรือไม่

 

 


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ