เปิดหลักฐานชัด 'พนักงานธนาคาร' โทร ขายประกัน พ่วง การบ้าน

น.ส.นุช (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 41 ปี ผู้ปกครองของนักเรียนชั้นอนุบาล 1 และ 2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.ขอนแก่น นำคลิปเสียงการสนทนากันทางโทรศัพท์ ระหว่างตนเองกับชายที่แนะตัวว่า มาจากธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ซึ่งเป็นคลิปเสียงที่เธอบันทึกเอาไว้ ในระหว่างที่ชายที่อ้างว่า มาจากธนาคารแห่งหนึ่ง ได้โทรมาหาที่เบอร์ส่วนตัว เพื่อขายประกัน โดยนำข้อมูลมาจาก การบ้าน นักเรียน

โดยปลายสายได้มีการกล่าวทักทายและถามเธอว่า ใช่แม่ของ “โทนี่” (นามสมมุติ) หรือไม่ เมื่อเธอตอบว่า ใช่ ชายที่โทรมาได้แจ้งกับเธอว่า โทรมาจาก... (ชื่อธนาคารดัง) ก่อนจะเตือนความจำเธอว่า เป็นเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปทำกิจกรรมที่โรงเรียน ที่ลูกของเธอเรียนหนังสืออยู่ โดยให้นักเรียน รวมทั้งลูกของเธอ ระบายสีลงในใบงานอาชีพในฝัน ก่อนชายคนเดิม จะพยายามสอบถามความเป็นอยู่ของน้องโทนี่จากเธอ

 

 

เช่น วันนี้น้องไปเรียนหรือไม่ ก่อนที่เธอจะตัดบทตอบไปว่า กำลังจะขึ้นเครื่องเดินทางไปต่างจังหวัด มีเรื่องอะไรหรือไม่ ซึ่งชายที่สนทนาด้วย ตอบว่า โทรมาประชาสัมพันธ์โครงการออมเงินให้กับเจ้าตัวเล็ก ทำให้เธอต้องรีบตัดบทว่า ให้ติดต่อมาใหม่ ก่อนจะวางสายไป ซึ่งคลิปเสียงนี้เป็นหลักฐานยืนยันว่า มีกลุ่มคนที่แอบนำเอาข้อมูลส่วนตัวของนักเรียนและผู้ปกครองไปใช้ ผ่านรูปแบบการให้ใบงาน หรือการบ้านนักเรียนจริง

ผู้ปกครองนักเรียน เล่าให้ฟังว่า เธอมีลูก 2 คน เรียนหนังสือที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกทั้ง 2 คน ได้การบ้านกลับมาทำที่บ้าน โดยเป็นใบงานให้นักเรียนระบายสีลงในภาพอาชีพในฝัน ที่นักเรียนอยากเป็น ซึ่งมีภาพตำรวจและพยาบาล ซึ่งลูกทั้ง 2 คน ก็พากันระบายสีในใบงานตามประสาเด็ก เมื่อระบายสีเสร็จ เธอและสามี ก็ช่วยกันตอบแบบสอบถามที่อยู่ในใบงานคนละใบ และกรอกข้อมูลส่วนตัวลงในใบงานของลูก โดยไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร คิดแค่ว่าเป็นการบ้านลูกเท่านั้น

 

 

แต่สิ่งที่ติดใจอยู่บ้างก็คือ ทำไมในใบงานต้องถามเรื่องรายได้ เรื่องฐานะเงินเดือนผู้ปกครองด้วย แต่สุดท้ายก็กรอกไป เพราะคิดว่าคงจบแค่ที่โรงเรียน จนกระทั่งผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ ก็มีผู้ชายโทรเข้ามาที่เบอร์โทรศัพท์มือถือของเธอ โดยบอกว่า ได้ข้อมูลมาจากใบงานของนักเรียน ที่พวกเขาเข้าไปทำกิจกรรม จากนั้น พนักงานที่โทรมา ก็เสนอโครงการออมเงินให้กับลูกของเธอ แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร

 

จนกระทั่งมาเห็นโพสต์ของผู้ปกครองท่านหนึ่ง ที่ออกมาร้องเรียนและเตือนภัยผู้ปกครองว่า ถูกบริษัทประกัน นำข้อมูลส่วนตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้เธอเริ่มเอะใจ เพราะจากโพสต์ดังกล่าว มีผู้ปกครองของนักเรียนเข้ามาบอกเล่าว่า แต่ละคนก็ถูกบริษัทประกัน โทรไปหาเช่นกัน หลังจากที่ลูกทำใบงานนี้ส่งครูที่โรงเรียน 

 

 

ผู้ปกครองนักเรียน กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เธอยังมองในแง่ดีที่ว่า ครูอาจจะไม่มีส่วนรู้เห็น และอาจจะเป็นเหยื่อด้วยเช่นกัน เพราะหากดูจากใบงานที่ได้มา ครูก็คงหวังดี อยากให้นักเรียนได้รางวัล จึงให้เด็กทำใบงานที่ได้มา แต่ในฐานะผู้ปกครองของนักเรียน ก็กังวลว่า ข้อมูลส่วนตัวที่ผู้ปกครองกรอกลงในใบงาน จะถูกนำไปใช้ในรูปแบบใดอีกหรือไม่