คอลัมนิสต์

ลุงตู่-อนุทิน-มนัญญา หวังสิ้นปีนึ้เลิก3สารเคมี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ลุงตู่-อนุทิน-มนัญญา หวังสิ้นปีนึ้เลิก3สารเคมีจับตาต้านแรงผลประโยชน์ไหวหรือ โดย...  ทีมข่าวการเมืองเครือเนชั่น

 

 

 

          แม้ว่าผลวิจัยเกี่ยวกับการใช้อันตราย 3 ชนิด คือ "พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเสต” นั้นหลายชาติในโลกล้วน "แบน” สารเคมีเหล่านี้เพราะผลวิจัยระบุว่าก่อพิษมากกว่า

 

 

          ปัจจุบันมีอย่างน้อย 51 ประเทศทั่วโลกที่ “ยกเลิกการใช้พาราควอต" เนื่องจากข้อกังวลด้านสุขภาพและการประเมินความปลอดภัยในสารเคมีในเอเชีย ห้ามใช้พาราควอตแล้ว 9 ประเทศ ส่วนหลายประเทศในโลกแม้ไม่เลิกใช้แต่ "จำกัดการใช้"


          ส่วนไทยนั้นมีการเคลื่อนไหวให้ยกเลิกสามสารเคมีดังกล่าวตั้งแต่ยุคคสช. โดยกระทรวงสาธารณสุขเสนอให้มีการแบนสารเคมีอันตราย 3 ชนิด (พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเสต) เมื่อเดือนเมษายน 2560 แต่ความพยายามในไทยในการผลักดันการห้ามใช้สารเคมีอันตราย 3 ชนิดยืดเยื้อมาสองปีเศษ


          แม้คณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติ 16 ต่อ 5 เสียง สนับสนุนให้การอนุญาตใช้สารพาราควอต หนึ่งในสารเคมีอันตรายทางการเกษตรต่อไป

 

 

 

ลุงตู่-อนุทิน-มนัญญา หวังสิ้นปีนึ้เลิก3สารเคมี

 


          มติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายครั้งนี้ เป็นการยืนยันมติที่ประชุมเดิมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 ว่าไม่ยกเลิกนำเข้าสามสารเคมีดังกล่าว โดยอ้างว่า ปัจจุบันยังไม่มีสารหรือมาตรการทดแทน โดยระหว่างนี้ให้กรมวิชาการเกษตรศึกษาวิจัย ลดการใช้และหามาตรการทดแทน คาดว่าอีก 2 ปี จึงจะยกเลิกได้ถาวร


          ปัญหานี้ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 กันยายน ว่า “ผมเข้าใจถึงเหตุผล หลักการ ความจำเป็นที่เราต้องลดการใช้สารเคมีที่มีพิษในอุตสาหกรรมการเกษตรให้ได้โดยเร็ว ทั้ง พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเสต ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ 3 กระทรวง คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม

 

 

 

 

ลุงตู่-อนุทิน-มนัญญา หวังสิ้นปีนึ้เลิก3สารเคมี

 


          ทั้งนี้ จากที่ได้รับรายงานจากคณะกรรมการวัตถุอันตราย ได้ให้กระทรวงเกษตรฯ ไปหาสารชดเชยให้ได้ เราต้องมองในหลายมิติ รวมถึงการพิจารณาร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งรัฐ ผู้บริโภค และเกษตรกร จะทำอย่างไร ไม่ให้เกิดผลกระทบในทุกด้าน


 

 

ลุงตู่-อนุทิน-มนัญญา หวังสิ้นปีนึ้เลิก3สารเคมี

 


          ไม่เห็นด้วยในการใช้สารเคมีทำการเกษตร แต่จะทำอย่างไรเพื่อเดินหน้าไปสู่เกษตรอินทรีย์ เกษตรจีเอ็มพีที่มีการผลิตที่ดีควบคุมได้ วันนี้ต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาให้ได้โดยเร็ว" คำตอบของ สร.1 แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้สามสารเคมีในแวดวงเกษตร


          สอดคล้องกับรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลคือภูมิใจไทย (ภท.) แสดงอาการลุยแหลกไม่กลัวฝ่ายที่ยังหนุนสามสารเคมีดังกล่าวหรือนายทุนใหญ่ที่หนุนหลังเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าการแบนสามสารเคมีนี้ออกจากสารบบเมืองไทย มีความจำเป็นยิ่งยวดเพราะสุขภาพของคนไทยสำคัญกว่า


          “มนัญญา ไทยเศรษฐ์" รมช.เกษตรและสหกรณ์ หรือรัฐมนตรีหญิงเหล็กในกระทรวงพญานาค กล่าวไว้หลายวันก่อนว่า “ตั้งเป้าที่จะยกเลิกการใช้สารเคมีเกษตรทั้ง 3 ชนิด ประกอบด้วย พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเสต รวมถึงปุ๋ย ยา และสารเคมีชนิดอื่นๆ ให้เร็วที่สุดภายในปี 2562 นั่นคือภายในเดือนมกราคม 2563 ต้องหายไปจากประเทศไทยทั้งหมด


          ระหว่างนี้จึงได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรทบทวนการใช้สารเคมีอันตรายที่มีความเสี่ยงสูงทั้ง 3 สารเคมีนี้ให้รอบด้าน พร้อมทั้งเข้าตรวจสอบสต็อกสินค้าที่เหลืออยู่ เพื่อเร่งรัดหาสารทดแทนโดยเร็วที่สุด จากนั้นจะเตรียมเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ในเดือนกันยายนนี้


          ต่อมา “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องการยกเลิก 3 สารเคมีนี้ ภายในสิ้นปีนี้ว่า “ได้รับรายงานเกี่ยวกับอันตรายจาก 3 สารเคมีข้างต้นจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และไม่สนับสนุนการใช้สารพิษดังกล่าวไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ส่วนที่มีการอ้างว่า ยังยกเลิกสารข้างต้นไม่ได้ เพราะไม่มีข้อมูลทางวิชาการที่เพียงพอว่ามีอันตรายต่อสุขภาพ ขอถามกลับว่า ต้องรอให้มีคนตายก่อนหรืออย่างไร ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่รักษาคนไข้ที่ได้รับอันตรายจากสารพิษ และพยายามให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ประชาชน ให้สามารถรับมือกับภัยที่มาจากสารพิษอย่างถูกวิธี"

 

 

 

ลุงตู่-อนุทิน-มนัญญา หวังสิ้นปีนึ้เลิก3สารเคมี

 


          แม้การเดินเครื่องครั้งนี้ แกนนำรัฐบาลคือ สร.1 ยังเห็นด้วยที่จะแบนสามสารเคมีนี้แต่ต้องมีบทสรุปที่ชัด แบบนี้รมต.ค่ายสีน้ำเงินสองชีวิตคงต้องจับมือลุยและหวังว่าสิ่งที่ดำเนินการนั้นคือประโยชน์จะอยู่กับคนไทย เพราะอย่างน้อยหนึ่งในสามประเทศทั่วโลก "แบน” สามสารเคมีนี้ สื่อแล้วว่ามันมีโทษมากกว่าคุณ รวมทั้งหลายฝ่ายในสังคมไทยที่ติดตามเรื่องนี้ก็เคลื่อนไหวมาพักใหญ่แต่ก็ยังขับเคลื่อนไม่ถึงจุดฝัน เพราะกระทบทุนของบริษัทสารเคมีดังกล่าวที่หนุนหลังการห้ามแบน


          ดังนั้นสตาฟฟ์ของค่ายสีน้ำเงินที่มาช่วยคุมจังหวะของ “อนุทิน และมนัญญา” ให้ขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้บรรลุ เพราะมองแล้วว่า การทำหน้าที่นี้ต้องทำแม้บางครั้งอาจ ”จุดไต้ตำตอ“ เพราะอย่าลืมว่าการดำเนินการเรื่องนี้จุดขึ้นในรัฐบาลที่แล้วแต่ก็ยังไม่เสร็จสิ้น และเมื่อรัฐบาลนี้เข้ามาโดย ”ภท.” ต้องดูแลเรื่องนี้โดยตรง ความจำเป็นที่ต้องดำเนินการให้เรื่องนี้บรรลุนั้น สองรมต.ค่ายสีน้ำเงินต้องเคลื่อนให้ถึงจุดฝันของคนไทยหลายคนที่ต้องการ


          สตาฟฟ์ภท.แจ้งว่า “ยอมรับว่าอาจมีบางอย่างที่พยายามกุมสภาพเรื่องนี้ให้ยืดออกไปจนกระแสต้านซาลงไปเอง แต่หัวหน้าพรรคย้ำว่าให้สตาฟฟ์ของพรรคติดตามเกาะติดเรื่องนี้แบบใกล้ชิดและต้องแบนสามสารเคมีนี้ให้ได้ เพราะส่งผลลบต่อสุขภาพคนไทยมากกว่าผลบวกหลายเท่า ดังนั้นแม้เร็วๆ นี้อาจจะต้อง “ปะทะ” กับกลุ่มทุน ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายข้าราชการ นักวิชาการ และเอ็นจีโอบางฝ่ายหรือจุดไต้ตำตอในบางกรณี ”ก็จำเป็นต้องดับเครื่องชน”

 

 

ลุงตู่-อนุทิน-มนัญญา หวังสิ้นปีนึ้เลิก3สารเคมี

เพจ Biothai

 


          “แกนนำพรรคไม่หวังได้คะแนนนิยมแบบฉาบฉวย แต่อยากให้สังคมมองว่าพรรคไม่เล่นการเมือง เข้ามาก็ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน หากทำงานแล้วเสร็จ สังคมจะเห็นผลงานเอง คะแนนนิยมจากผลงานที่เป็นรูปธรรมของรมต.ในสังกัดภท.นั้นจะบ่งชี้เอง และมีผลต่อ 51 ส.ส.ว่าน่าจะรักษาเก้าอี้และมีสิทธิ์เพิ่มจำนวนในวันข้างหน้า” สตาฟฟ์ค่ายสีน้ำเงินระบุ


          รอดูว่าค่ายภท.จะดำเนินการเรื่องนี้ได้ดั่งคำพูดที่ รมต.ของพรรคให้คำมั่นกับสังคมไว้หรือไม่เนื่องจากเรื่องนี้อาจจะไม่ง่าย เพราะหากหนทางสะดวกโยธิน “กัปตันเรือแป๊ะ” คงจัดการได้ลุล่วงไปแล้ว และปัญหานี้คงไม่ยืดเยื้อมาถึง ”เรือเหล็ก” ในวันนี้


          ดังนั้นเมื่อ “สร.1-อนุทิน-มนัญญา" ร่วมลงเรือเหล็กลำนี้แล้ว...พันธกิจที่เดิมพันค่อนข้างสูงในเรื่องนี้...ตอนจบของสามสารเคมีจะลงเอยอย่างไร และจะต้านทานแรงผลประโยชน์ของบางกลุ่มที่ค้านการแบนสามสารเคมีนี้ได้หรือไม่...


          ดังนั้นบุคคลทั้งสามในข้างต้นภายใต้รัฐบาลเรือเหล็ก...จะต้องให้คำตอบแก่สังคมไทยว่า "แบน/ไม่แบน เพราะอะไร?”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ