คอลัมนิสต์

เร่งคลี่"คดีบิลลี่"ให้กระจ่าง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวัน

 

 

 

          จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ แถลงความคืบหน้าการสอบสวนคดีหายตัวอย่างปริศนาของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี ไปตั้งแต่ปี 2557 และดีเอสไอรับสอบสวนเป็นคดีพิเศษเมื่อปี 2561 โดยค้นพบหลักฐานที่ชัดเจนมีการสำรวจใต้น้ำเขื่อนแก่งกระจานจนเจอกระดูกหลายสิบชิ้น ซึ่งผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์พบว่าส่วนหนึ่งเป็นชิ้นกะโหลกและดีเอ็นเอตรงกับมารดาของบิลลี่ อีกทั้งพบถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ถ่านไม้ เมื่อตรวจพิสูจน์กระดูกก็พบว่ามีการหดตัวจากโดนความร้อนสูง ทำให้คดีนี้จากคดีคนหายตัวกลายเป็น “คดีฆาตกรรมอำพราง” ไปแล้ว และสันนิษฐานว่าบิลลี่โดนอุ้มไปฆ่าโดยทรมาน การบังคับบุคคลให้สูญหาย และมีการเผาทำลายศพนำไปทิ้งน้ำในเขื่อน ซึ่งเป็นคดีที่สังคมและองค์กรสิทธิมนุษยให้ความสนใจมาก

 

 


          แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กองค์กรโดยระบุว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ทางการไทยสามารถนำความคืบหน้าของคดีอาชญากรรมร้ายแรงเช่นนี้ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสอบสวนให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงว่าผู้กระทำและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมครั้งนี้คือใคร และต้องนำบุคคลดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามมาตรฐานสากล ในขณะที่มูลนิธิผสานวัฒนธรรมได้ตั้งข้อสังเกตว่าคดีนี้น่าจะกระทำเป็นขั้นเป็นตอน โดยการอุ้มฆ่าเผาถ่วงน้ำอำพรางศพซึ่งเป็นฆาตกรรมโดยทรมานอย่างโหดร้ายและยังสามารถขัดขวางและประวิงการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ได้นานถึง 5 ปี ดังนั้นผู้ก่อเหตุน่าจะได้รับการบงการหรือสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่รัฐบางคนและร้องให้เร่งรัดตรากฎหมายตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและป้องกันการบังคับบุคคลให้สูญหาย

 


          กว่า 5 ปีที่ครอบครัวของบิลลี่และกลุ่มองค์กรสิทธิมนุษยชนได้พยายามติดตามและเร่งรัดให้ภาครัฐหาตัวแกนนำชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอยให้พบเจอตัวแม้จะมีความหวังริบรี่ไปตามระยะเวลาที่เนิ่นนานออกไป จนกระทั่งที่สุดได้พบหลักฐานสำคัญตลอดจนผลนิติวิทยาศาสตร์ที่ชี้ชัดถึงการเสียชีวิต ซึ่งตลอดช่วง 5 ปีนั้นมีบริบทหลายประการที่เชื่อมโยงไปถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนด้วยความเคลือบแคลงใจ โดยเฉพาะเงื่อนปมที่บิลลี่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อปกป้องแผ่นดินเกิดจนกระทั่งมีเหตุการณ์บุกเผาทำลายทรัพย์สินช่วงปี 2553-2554 ซึ่งบิลลี่เป็นหนึ่งในพยานคนสำคัญในคดีชาวบ้านบางกลอยยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐกรณีนำกำลังเข้ารื้อทำลายเผาบ้านเรือนของชาวบ้านกะเหรี่ยง โดยระบุว่ารุกล้ำป่าสงวนขณะที่ชาวบ้านยืนยันว่าตั้งรกรากมาก่อนออกกฎหมายป่าสงวน หลังจากนั้นบิลลี่ก็หายตัวไป

 


          แกนนำรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่าคดีนี้เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการและต้องสืบสวนต่อไปว่าเป็นอย่างไร ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังตรวจสอบไม่ได้และยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ซึ่งก็ต้องรอผลการสืบสวนต่อไป โดยท่าทีดังกล่าวได้สะท้อนว่ารัฐบาลยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรมและยึดมั่นในหลักฐานพยานการสอบสวนและไม่ปกป้องผู้กระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐในหน่วยงานใดหรืออยู่ในระดับใด แต่ประการสำคัญภาครัฐควรต้องเร่งสืบสวนทำความจริงให้กระจ่างโดยเร็วและจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ เพราะคดีนี้อยู่ในสายตาสังคมรวมทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนระดับสากลด้วย ซึ่งมีผลพวงไปถึงความเชื่อมั่นของรัฐบาลไทยว่าให้ความสำคัญและจริงจังแค่ไหนกับกลุ่มชาติพันธุ์ของไทย

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ