คอลัมนิสต์

จับตากลุ่มป่วนใต้ปรับยุทธวิธีปล้นทอง-บึ้มATMหาทุนแยกดินแดน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จับตากลุ่มป่วนใต้ปรับยุทธวิธีปล้นทอง-บึ้มเอทีเอ็ม หาทุนแยกดินแดน

 

 

 

          ความคืบหน้าคดีปล้นร้านทองครั้งมโหฬารมูลค่ากว่า 85 ล้านบาทที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ถึงวันนี้ผ่านมาแล้ว 5 วัน ตำรวจยืนยันข้อมูลชัดเจน 2 ประการ คือ

 

 

          1.คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุปล้นซึ่งมีมากกว่า 10 คน ตัวหลักๆ เป็นสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบ หรือขบวนการแบ่งแยกดินแดน
          2.สมาชิกขบวนการเหล่านี้จงใจปล้นทรัพย์สินมีค่าเพื่อหวังเงิน


          การปล้นร้านทองของคนในขบวนการเพื่อหวังเงินนี้กลายเป็นโจทย์ใหม่ที่ตำรวจ ทหาร ยังขบไม่แตกว่าทำไปเพื่ออะไร เพราะขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่เคลื่อนไหวต่อสู้กับรัฐไทยมาตลอดกว่า 15 ปีเต็มนั้น มีวิธีหาเงินแบบอื่น (เช่น เก็บเงินมวลชนและแนวร่วมวันละ 1 บาท ขอเงินรายได้จากการกรีดยางจากสวนของมวลชนและแนวร่วม สัปดาห์ละ 1 วัน) และพวกเขาชูการต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ เป้าหมายคือปลดปล่อย “ดินแดนปาตานี” จากรัฐไทย ฉะนั้นการผันตัวเองมาเป็น “โจรปล้นร้านทอง” จึงน่าจะสวนทางกับอุดมการณ์ที่เคยบอกกับชาวบ้านหรือมวลชนของตนเอาไว้


          สาเหตุที่ทำให้ตำรวจปักใจว่า กลุ่มก่อความไม่สงบเกี่ยวพันกับการปล้นครั้งนี้แน่นอน ก็เพราะเมื่อย้อนดูเหตุการณ์เก่าๆ ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา จะพบว่ามีการก่อเหตุรุนแรงเพื่อหวังทรัพย์สินแล้วหลายครั้ง เช่น


          วันที่ 4 สิงหาคม วางระเบิดตู้เอทีเอ็มหน้าสถานศึกษาหลายจุดใน จ.ปัตตานี หนึ่งในนั้นคือมหาวิทยาลัยฟาฏอนี โดยมีรายงานว่าบางจุดคนร้ายได้เงินด้วย แต่ไม่มีข้อมูลชี้ชัดว่าได้ไปเท่าไหร่


          วันที่ 24 สิงหาคม คนร้ายบุกปล้น “ห้างทองสุธาดา” ที่ อ.นาทวี ได้ทองและเพชรมูลค่ามหาศาลถึง 85 ล้านบาท
          วันที่ 26 สิงหาคม คนร้าย 3 คนสวมไอ้โม่งคลุมหน้า ใช้อาวุธปืนบุกปล้นแม่ค้าขายทุเรียนที่แผงค้าในตำบลสะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ได้เงินสดไป 2 แสนบาท



          ทั้ง 3 เหตุการณ์เกิดขึ้นในเดือนเดียวกัน เป็นการ “ปล้น” ล้วนๆ และได้เงินกับทรัพย์สินมีค่าไปทุกครั้ง


          เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานความมั่นคงวิเคราะห์ว่ากลุ่มขบวนการน่าจะหันมาใช้วิธีปล้นทรัพย์เพราะขัดสนด้านการเงิน เนื่องจากรายได้หลักที่เคยได้จากธุรกิจผิดกฎหมายโดยเฉพาะยาเสพติด สินค้าหนีภาษี และเรียกค่าคุ้มครองลดน้อยลง เช่นเดียวกับสมาคมธุรกิจร้านอาหารในประเทศเพื่อนบ้านที่มีข้อมูลมาตลอดว่าให้การสนับสนุนขบวนการแบ่งแยกดินแดน ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในภูมิภาค ทำให้กลุ่มขบวนการต้องเปลี่ยนวิธีหาเงินมาใช้วิธีปล้น และหลังจากนี้น่าจะปฏิบัติการถี่ขึ้น โดยเป้าหมายอ่อนไหวหรือจุดเสี่ยงที่จะถูกปล้นก็จะมีมากขึ้นด้วย


          แต่โจทย์ที่ฝ่ายความมั่นคงยังขบไม่แตกก็ยังเป็นโจทย์เดิม คือ การกระทำในลักษณะ “โจร” แบบนี้ กระทบต่อภาพลักษณ์และศรัทธาของมวลชนที่มีต่อขบวนการแบ่งแยกดินแดนหรือไม่


          จากข้อมูลที่ “ทีมข่าว” รวบรวมมาได้ จากบุคคลที่เคยอยู่ในขบวนการแบ่งแยกดินแดน หรือเข้าถึงคนในขบวนการ พบว่ากลุ่มที่ปฏิบัติการปล้นในรูปแบบต่างๆ เป็นกลุ่ม “เซลล์อิสระ” ที่ปฏิบัติการต่างๆ อย่างเสรี คิดเองทำเอง แต่ยังยึดโยงกับขบวนการหลักอยู่ หากมีนโยบายให้ก่อเหตุรุนแรงก็จะทำในทิศทางเดียวกัน แต่ทางกลุ่มเหล่านี้ก็คิดเองทำเองด้วย เช่น ระเบิดตู้เอทีเอ็ม หรือปล้นร้านทองเพื่อเอาเงิน โดยคนพวกนี้อ้างว่านำเงินไปช่วยผู้เดือดร้อน หรือเหยื่อความรุนแรงที่เป็นมุสลิมมลายู และอีกส่วนหนึ่งเชื่อว่านำไปพัฒนาระเบิดแสวงเครื่อง


          ส่วนเรื่องภาพลักษณ์คนในขบวนการยืนยันว่าไม่กระทบ เพราะคนมลายูมุสลิมไม่เดือดร้อน เป้าหมายที่ถูกปล้นเป็นกิจการของรัฐ หรือของคนศาสนาอื่นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นธนาคารที่ถูกวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ร้านทอง หรือแม่ค้าทุเรียนก็เป็นชาวจังหวัดตราด มาจากนอกพื้นที่


          นายอิบรอเฮง (สงวนนามสกุล) อดีตแกนนำบีอาร์เอ็น ซึ่งเป็นขบวนการที่อ้างอุดมกาาณ์แบ่งแยกดินแดนที่มีบทบาทสูงสุดในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา บอกกับทีมข่าวว่า การปล้นตู้เอทีเอ็มหรือปล้นอะไรก็ตามที่เป็นของรัฐหรือธุรกิจของคนรวยที่ไม่ใช่คนมลายู ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะคนในขบวนการเชื่อว่าคนเหล่านี้เข้ามาอาศัยอยู่ในดินแดนของตน หากกระทำกับคนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้กระทบอะไรกับคนมลายูส่วนใหญ่ในพื้นที่เลย อย่างการปล้นตู้เอทีเอ็มของธนาคารอิสลามก็เป็นธนาคารของรัฐ การปล้นร้านทองก็ไม่ใช่ของคนมลายู เรื่องแบบนี้ขบวนการทำมานานแล้ว แต่ใช้การเรียกค่าไถ่แทนการปล้น โดยเป้าหมายในอดีตคือร้านค้าหรือกิจการของคนเชื้อสายจีน


          ฉะนั้นเรื่องภาพลักษณ์หรือความศรัทธาที่มวลชนมีต่อขบวนการจึงไม่ได้รับผลกระทบ เพราะการปล้นไม่ได้กระทบกับมวลชน ที่สำคัญขบวนการยังมีวิธีการสื่อสารกับมวลชนของตนตลอด


          ข้อมูลนี้อาจเป็นพลวัตใหม่ของสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทิศทางกำลังเปลี่ยนมาเป็นการโจมตีพื้นที่เศรษฐกิจมากขึ้น ทั้งเพื่อหวังผลประโยชน์และกดดันรัฐไทย
 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-ย้อนรอย ปล้น โยงกลุ่มป่วนใต้
-มทภ.4 ปัดตอบ ปล้นร้านทองนาทวี โยง 3 จชต.
-3 โจรจนมุม ปล้นร้านทองกวาด 437 บาท ขณะตระเวนปล่อยของ
-โจรบุกเดี่ยวปล้นร้านทองตลาดโรงเกลือ !!

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ