คอลัมนิสต์

'ปค.-ตร.'สมานฉันท์ร่วมกันป้องปราบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  สายตรวจระวังภัย  โดย...  ศุภชัย สินธ์ประเสริฐ


 

          พื้นที่บางบัวทอง จ.นนทบุรี ที่มีมากกว่า 120 ตารางกิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันความเจริญของสังคมเมืองผุดขึ้นราวดอกเห็น เพราะเต็มไปด้วยโครงการที่อยู่อาศัย หมู่บ้านจัดสรร และห้างสรรพสินค้าต่างๆ มากมาย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตรากำลังพลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ที่มีขนาดเท่าเดิมไม่เพียงพอต่อการดูแลพื้นที่ในเขตรับผิดชอบได้ทั่วถึง 

 

 

          ด้วยความตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว พ.ต.อ.ศิรภพ อนุศิริ ผกก.สภ.บางบัวทอง จึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.พฤฒ จำรูญศาสตร์ รองผกก.ป.สภ.บางบัวทอง จัดการวางแผนแสวงหากำลังสนับสนุนจากฝ่ายปกครองในพื้นที่ กระทั่งมีการเชิญกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนันทั้งหมดในเขตอำเภอบางบัวทอง มาลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจ เพื่อออกตรวจดูแลทุกข์สุขของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงเฝ้าระวังและระงับเหตุร่วมกัน


          เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.ท.พฤฒ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันและปราบปราม สภ.บางบัวทอง มีกำลังเพียง 70 นาย ต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนดูแลประชาชนทั้ง 4 ผลัด แต่กำลังพลไม่พอเพียงกับพื้นที่และจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก ทั้งประชาชนในพื้นที่จริงและประชากรแฝง จึงได้แสวงหาความร่วมมือกับฝ่ายปกครองของอำเภอบางบัวทองทั้ง 7 ตำบล ก่อนจะเชิญกำนันผู้ใหญบ้านมาร่วมเป็นกำลังเสริมในการลงพื้นที่ตรวจตราดูแลประชาชนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 

 

 

 

'ปค.-ตร.'สมานฉันท์ร่วมกันป้องปราบ

 


          “เราทำงานในเชิงรุกแบบบูรณาการ คือเมื่อตำรวจที่เป็นฝ่ายนิติศาสตร์ ส่วนฝ่ายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็จะเป็นรัฐศาสตร์ ที่เข้าถึงปัญหา แก้ไขปัญหา เหตุซึ่งหน้าได้ทันถ่วงที ไม่ให้เกิดเหตุบานปลายจนนำไปสู่วิธีการสุดท้ายด้วยการตัดสินทางหลักนิติศาสตร์ของทางตำรวจ และนั่นเป็นจุดปลายเหตุของปัญหา” รอง ผกก.ป.สภ.บางบัวทอง ระบุ




          จากผลของการทำงานร่วมกันมาระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับฝ่ายปกครอง พ.ต.ท.พฤฒ บอกว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก นอกจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จะมีศักยภาพเข้าใจปัญหาในพื้นที่แล้ว กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยังมีสายข่าวในพื้นที่คอยแจ้งเบาะแสปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการทำงานร่วมกันได้อย่างสอดคล้องและลงตัวที่สุด โดยที่ผ่านมาสามารถระงับเหตุทะเลาะวิวาทบาดหมางกันได้เป็นจำนวนมาก นับเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุไม่ให้เหตุบานปลายไปสู่อาชญากรรมในขั้นรุนแรง เพราะหากใช้หลักนิติศาสตร์ตามตัวบทกฎหมายบังคับใช้ในกรณีเกิดเหตุเขม่นกัน หรือทะเลาะวิวาทกันระหว่างเพื่อนบ้าน ก็จะทำให้ปัญหาไม่จบ เนื่องจากมีฝ่ายหนึ่งชนะ ส่วนอีกฝ่ายกลายเป็นผู้แพ้ อาจส่งผลทำให้เกิดเป็นการผูกใจเจ็บต่อกันอีก แต่หากได้คนกลางอย่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นฝ่ายปกครองด้านรัฐศาสตร์ช่วยประสานให้เข้าใจซึ่งกันและกัน จบลงด้วยดี คดีก็ไม่เกิด ทั้งสองฝ่ายก็อาศัยอยู่ร่วมกันได้ตามปกติ ไม่มีใครแพ้ใครชนะ ไม่เกิดความพยาบาทผูกใจเจ็บต่อกัน

 

 

 

'ปค.-ตร.'สมานฉันท์ร่วมกันป้องปราบ

 

 

          พ.ต.ท.พฤฒ ยังบอกด้วยว่าหลังจากที่โครงการแสวงหาความร่วมมือนี้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีแล้ว เร็วๆ นี้ จะมีการประชุมวางแผนหารือกันอีกครั้งเพื่อลดเวลาในการลงตรวจตราพื้นที่ร่วมกัน จากวันละ 8 ชั่วโมงลงมาให้เหมาะสม ไม่ไปเบียดเบียนงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจนเกินไป เพราะกำนัน ผู้ใหญบ้านเองก็ยังมีงานในฐานะฝ่ายปกครองที่ต้องปฏิบัติด้วย เพื่อให้การทำงานร่วมกันเป็นไปด้วยประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเห็นผลเป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจน ให้สอดคล้องซึ่งกันและกันว่า ตำรวจเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านจะดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนควบคู่กันไป

 

 

 

'ปค.-ตร.'สมานฉันท์ร่วมกันป้องปราบ

 


          ไม่ว่าตำรวจหรือฝ่ายปกครองล้วนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่มีจุดประสงค์ของหน้าที่คือการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน ถ้าสมานฉันท์ ร่วมกันป้องปราบ เชื่อว่าผลที่ได้จะมีประสิทธิภาพมากกว่าต่างฝ่ายต่างทำ..!!
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ