คอลัมนิสต์

ส่องวี่แวว...รัฐบาลแห่งชาติ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รายงาน...

 

 

          และแล้ว กกต.ก็ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ สำหรับการแบ่งเก้าอี้ให้แต่ละพรรค เนื่องจากหลายวันที่ผ่านมามีความว้าวุ่นกับเรื่องนี้ไม่สิ้นสุด ​ฉะนั้นตั้งแต่วันพุธนี้ต้องรอดูว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องหรือไม่ และจะมีการวินิจฉัยแบบใดออกมา...

 

 

          ส่วน "ใบส้ม 66 เขต” ซึ่ง กกต.เคยออกมาให้ข้อมูลต่อสังคมนั้น แว่วว่า การสอบสวนการทุจริตเลือกตั้งของอนุกรรมการสอบสวนทั้ง 35 ชุดนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนของจังหวัด...เท่ากับว่าการสอยว่าที่ ส.ส.น่าจะใช้เวลาอีกพักใหญ่ ดีไม่ดี...อาจรับรองไปก่อนแล้วมาสอยภายหลัง...

 


          รวมทั้งข้อเรียกร้องที่ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ไปยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้วินิจฉัยว่าการจัดการเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะผู้ตรวจการแผ่นดินเคยเป็นต้นทางความเห็นว่าการเลือกตั้งในอดีต 2 ครั้งเป็นโมฆะ มาก่อน (การเลือกตั้งปี 2549 และการเลือกตั้งปี 2557)

 

 

ส่องวี่แวว...รัฐบาลแห่งชาติ

 


          ฉะนั้น...ความชัดเจนของเกมการเมืองที่จะขยับและอาศัยข้อกฎหมายเป็นเครื่องบ่งชี้ทิศทางนั้น บอกคำเดียวว่า...ต้องรอและไม่รู้ว่า ต้องรอนานเท่าใดจึงจะชัดเจน


          เสียงร้องเรียกให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะประโคมกันมาระยะหนึ่งแล้ว และบางฝ่ายพยายามเร่งเสียงนี้ให้กระหึ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะความไม่แน่ชัดในการทำงานของ กกต. โดยอ้างเหตุผลว่าการคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจใหม่จะเป็นสิ่งดีที่สุดและเป็นการเดินตามครรลองประชาธิปไตยที่อารยประเทศเชื่อมั่น


 

 

 

          แต่ยามนี้ควรรอว่าศาลรัฐธรรมนูญจะดำเนินการกับคำร้องของ กกต.เช่นใด รวมทั้งรอให้มติของผู้ตรวจการแผ่นดินออกมาก่อน ซึ่งเป็นสิ่งดีที่สุดกับสถานการณ์ยามนี้
 

 

          เมื่อภาวะเป็นเช่นนี้ คนการเมืองบางชีวิตรำพึงกันในหลากวงสนทนาว่า แบบนี้เมื่อใดจะจบ และเรื่องนี้ยังพันลึกแบบแซะออกยากสำหรับการตั้ง ครม.ชุดใหม่ หลัง คสช.และรัฐนาวาลุงตู่ต้องพ้นวาระ

 

          เพราะขั้วเพื่อไทยกับขั้วพลังประชารัฐนั้น ต้องรอผลจากสององค์กรอิสระก่อน แม้ผลออกมาแบบใด หากเกมเป็นแบบนี้ มองแล้วยากที่ขั้วใดขั้วหนึ่งจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้ เนื่องจากไม่ว่าขั้วใดก้าวขึ้นมา เสียงหนุนในการตั้งรัฐบาลก็ปริ่มน้ำและง่อนแง่นเต็มทน

 


          ส่วนกระแสข่าวว่า พรรคนั้น, กลุ่มนี้ จะย้ายมาหนุนอีกขั้ว...เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีคำตอบจากพรรคและบุคคลที่โดนกล่าวอ้างไว้แล้วว่า กระแสข่าวนั้นจริงหรือไม่...แม้หลายวันที่ผ่านมาความพยายามทาบทามให้มีการ “ย้ายค่าย เบอร์เดิม” และการเดินเกมใต้ดินเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

 

 

ส่องวี่แวว...รัฐบาลแห่งชาติ

 


          แต่เมื่อมีการออกมาเบรกประเด็นนี้จากฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้วก็ต้องติดตามว่า เกมใหม่จะเปิดออกมาเมื่อใด...และเกมงูเห่าภาคสามจะสัมฤทธิผลหรือไม่

 

          ฉะนั้นเมื่อเกมบนกระดานการเมืองยังอยู่ในเงื่อนตายและแทบมองไม่เห็นทางออกที่เป็นรูปธรรมเช่นนี้ หากย้อนไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาจะพบว่า คนวงในหลายพรรคเริ่มปริปากโยนหินถามทางเกี่ยวกับ "รัฐบาลแห่งชาติ” ออกมาแล้ว แม้ลุงตู่และพลังประชารัฐจะออกมาเบรกเกมนี้ก็ตามว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น


          แต่ใช่ว่า ...กรณีนี้มันจะไม่มีความเป็นไปได้ เนื่องจากคนวงในขั้วตรงข้ามลุงตู่เมียงมองความเป็นไปได้ของกรณีนี้อยู่ เพราะวางสมมุติฐานไว้ว่า “ไม่ว่าขั้วใดขั้วหนึ่งจะชิงตัวว่าที่ ส.ส. รวมทั้งทาบทามบางพรรคให้มาเกี่ยวก้อยกันได้ แต่ตัวเลขสุทธิก็คงไม่เกิน 260-270 เสียง หากหักลบจำนวน ส.ส.ที่จะไปดำรงตำแหน่งใน ครม. รวมทั้งในรัฐสภา คนการเมืองก็จะหายไปหลายชีวิตเพราะสวมหมวกสองใบ เกมนับจำนวน ส.ส.ในห้องประชุมจะเกิดขึ้นแทบทุกครั้งเพื่อให้เกิดภาพ "สภาล่ม”

 

          การทำงานร่วมกันของหลากพรรคนั้น ในอดีตมีบทเรียนแล้วว่า ช่วงฮันนีมูนนั้นแสนสั้น อาการสกัดดาวรุ่งจะเกิดขึ้นไวกว่าที่คาดไว้ แม้แกนนำจะตอบปากรับคำกันดีแค่ไหนก็ตามในช่วงเจรจาร่วมงาน และหลายคนมองออกว่าอายุของรัฐนาวาใหม่ไม่ยืด เพราะมันอยู่บนเงื่อนไขที่คนการเมืองต่างรับรู้กันหมดว่า จะสิ้นสภาพเมื่อใด..."

 

 

 

ส่องวี่แวว...รัฐบาลแห่งชาติ

 

 

          คนวงในขั้วตรงข้ามลุงตู่มองว่า “เมื่อหักสมมุติฐานแรกทิ้ง ก็ควรมองสมมุติฐานที่สอง เพราะหากไม่มีขั้วใดมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง และจำเป็นที่ทุกพรรคซึ่งมีว่าที่ ส.ส.ในมือ จับมือตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้นมา โดยส่งตัวแทนของแต่ละพรรคมาร่วมตั้งรัฐบาล มีภารกิจร่วมกันและให้คำมั่นกับสังคมไว้ว่า หน้าที่นั้นจะเกิดขึ้นเพื่ออะไรและยุติลงในยามใด"


          คนวงในขั้วตรงข้ามลุงตู่ชี้ว่า “หากทำแบบนี้ หลายฝ่ายยิ้มได้ออกบ้าง เพราะอย่างน้อยยังรู้จุดหมายปลายทางและระยะเวลาที่จะใช้”


          แม้ความจริงแล้วคนวงในขั้วตรงข้ามลุงตู่นั้น ต้องการให้เลือกตั้งโมฆะและ กกต.ชุดนี้พ้นหน้าที่คือ “จุดหมายปลายทาง” แต่เมื่อบางเงื่อนไขบ่งชี้มาในทางลับแล้ว ความหวังของขั้วตรงข้ามลุงตู่คงยากที่จะเดินไปถึง


          ฉะนั้นเงื่อนไขรัฐบาลแห่งชาติน่าจะเหมาะที่สุดเพื่อลดสภาพการเมืองเป็ดง่อย


          แต่เงื่อนไขดังกล่าวขั้วหนุนลุงตู่คงไม่ยอมและไม่เห็นด้วย เพราะยังหวังว่า ทางออกของการเลือกตั้งคราวนี้จะมีอยู่ โดยอาศัยบางเงื่อนไขและกำลังภายในในบางวิชามาประกอบกัน โดยขั้นตอนนี้คนในพลังประชารัฐหวังจะนำพา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาทำหน้าที่ประมุขฝ่ายบริหารได้แน่นอน

 

          ฉะนั้น นับจากวันนี้รอดูว่า เกมบนดินและเกมใต้ดินจะออกมาแบบใด และไม่ว่า หลังวันที่ 9 พฤษภาคม คนการเมืองควรเคารพสิ่งที่สังคมถวิลหาและเคารพกติกา

 

          เพราะคนไทยรอว่า ทุกอย่างควรยุติได้แล้ว บ้านเมืองควรเดินหน้า มิใช่แขวนลอยกลางเวหาอย่างไร้ทิศทางเช่นนี้...
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ