คอลัมนิสต์

"ทุกฝ่ายควรยอมรับสิ่งที่ประชาชนตัดสิน" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย...  สมัชชา หุ่นสาระ 


 


          “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย หนึ่งในสามแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศว่า เลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยขออาสาพาสังคมข้ามความยากลำบากจากยุคของการยึดอำนาจ

 

 

          สตรีวัย 58 ปีคนนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวบนสังเวียนการเมืองมา 27 ปี เป็นอดีตส.ส.กทม. 3 สมัย และเคยเป็นเลขาธิการพรรคพลังธรรม จากนั้นย้ายไปเป็นหัวหน้ากลุ่มรวมพลังไทย และลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. เมื่อปี 2543 ก่อนที่จะผันตัวเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และคว้าตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย รวมทั้ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์


          ส่วนดีกรีทางการเมืองนั้นเคยทำหน้าที่รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์


          “คุณหญิงหน่อย” อ่านหมากกระดานการเมืองไว้อย่างไรหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ และ "เพื่อไทย” จะฝ่าดงระเบิดที่คนในพรรคตั้งแต่อดีตจนถึงวันนี้ (ไทยรักไทย, พลังประชาชน, เพื่อไทย) วางไว้ รวมทั้งมรสุมกระสุนที่ฝ่ายตรงข้ามตั้งป้อมกราดยิงมายังพรรคเพื่อไทยไปได้อย่างไร เพราะบางฝ่ายมองว่าครั้งนี้อาจเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพรรคซึ่งคนไกลบ้านให้การสนับสนุน

 


          ผ่านเหตุการณ์ยึดอำนาจมา 3 ครั้งในช่วงทำงานการเมือง 27 ปีนั้น มองการเมืองวันข้างหน้าอย่างไร และพรรคจะโดนกลั่นแกล้งเหมือนในอดีตหรือไม่
          "ดิฉันเข้ามาทำงานการเมืองครั้งแรกในการเลือกตั้งวันที่ 22 มีนาคม 2535 จากนั้นเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ต่อมาก็อยู่ร่วมในช่วงที่ รสช.ยึดอำนาจเมื่อปี 2549 และเป็นประชาชนในช่วงการยึดอำนาจครั้งล่าสุดเมื่อปี 2557 ขอเรียนว่า พรรคเพื่อไทย, พลังประชาชน และไทยรักไทย เป็นฝ่ายถูกกระทำ หากไปย้อนดูคดีความที่เกี่ยวกับการยุบพรรค จะพบว่าพวกเราไม่มีความผิด (พรรคไทยรักไทย) เพราะการดำเนินคดีทางอาญา ศาลระบุแล้วว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีความผิด แต่ธงการเมืองช่วงนั้นตั้งไว้




          วันนี้มีการต่อสู้ทางการเมืองสองขั้วคือ พรรคที่มาจากประชาชนกับบางกลุ่มในสังคมที่ "อภิสิทธิชนและทหารบางนาย” หนุนหลัง แต่จากนี้ควรยอมรับสิ่งที่ประชาชนตัดสินในการเลือกตั้ง”

 


          หนักใจหรือไม่ที่รับหน้าที่ 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้
          “กดดันนะ เพราะหลังยึดอำนาจแล้ว พรรคต้องมาปรับระบบใหม่ วันนั้นสภาพพรรคเหมือนโดนระเบิด ขวัญกำลังใจหายหมด ทุกคนต้องมาช่วยกันบูรณะพรรคในทุกด้าน จากนั้นแกนนำพรรคและผู้สมัคร ส.ส.ก็ลงพื้นที่ทั่วประเทศ ประชาชนสะท้อนความลำบาก ตรงนี้คือภาระที่พรรครับมาและอาสาแก้ไข อีกทั้งยังต้องสู้กับอำนาจ และกติกาที่ไม่เป็นธรรมอีก


          ดิฉันทำงานการเมือง ผ่านการยึดอำนาจมา 3 ครั้ง ครั้งนี้ยอมรับว่าหนักมาก แต่ต้องสู้ เพราะประชาชนฝากความหวังไว้กับพรรค

 

          เมื่อมติกรรมการบริหารพรรคออกมาแบบนี้และตกลงใจแล้ว ก็ต้องสู้ แม้รู้ว่าครั้งนี้สู้กับคนที่มีเส้น(ยิ้ม) แต่ต้องอดทนเพราะรับมอบหมายมาแล้วต้องทำหน้าที่ให้ลุล่วงและสำเร็จให้ได้ วันนี้พวกเราจึงระวังตัวทุกก้าวเพราะบางฝ่ายจับตา"

 


          เลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของพรรคเพื่อไทยหรือไม่
          “พรรคไม่ได้ทำสงครามกับใคร พรรคเพื่อไทยจะทำงานเพื่อคนไทยทุกคนในทุกวัน วันที่เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคและได้โอกาสทำงาน ตั้งความหวังไว้ว่าจะทำให้พรรคเป็นสถาบันและปรับให้เข้ากับยุคสมัย ตั้งใจว่าจะรักษาไว้ให้ได้เพื่อให้พรรคมีโอกาสทำงานให้สังคมต่อเนื่อง วันนี้พรรคพยายามสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพหลายด้านให้มีโอกาสทำงานการเมืองและเพื่อได้มีโอกาสทำงานให้สังคม"

 


          กังวลกับข้อกล่าวหาด้านทุจริตในรัฐบาลไทยรักไทย, พลังประชาชน และเพื่อไทย ที่จะถูกฝ่ายตรงข้ามนำมาใช้ทางการเมืองได้เสมอหรือไม่
          “หลายคดีที่ผ่านมามีการพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมแล้วว่าไม่เป็นไปตามข้อกล่าวหา วันนี้ขอชี้แจงว่า นักการเมืองและทุกพรรคต้องพร้อมถูกตรวจสอบ แต่การตรวจสอบนั้นตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำต้องเป็นธรรมโดยแท้จริง เพราะในอดีตที่ผ่านมาเช่นการยุบพรรคไทยรักไทยนั้นจะพบว่าหลายประเด็นไม่เป็นธรรม ตรงนั้นมันเป็นตะกอนที่สะสมมาจนวันนี้


          คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน หรือผลวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า ก็ชี้ว่า การขาดความยุติธรรมเป็นหนึ่งในสาเหตุของความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา


          ย้ำว่าพรรคพร้อมรับการตรวจสอบแต่ควรมีความยุติธรรมและเที่ยงธรรมเพื่อให้ปัญหาร้าวใจมันหมดไป”

 


          หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ความวุ่นวายทางการเมืองจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่
          “ไม่ทราบ ไม่ใช่หมอดู(ยิ้ม) แต่พื้นฐานประชาธิปไตยและการเลือกตั้งนั้น เป็นความหวังของคนไทยที่รอมาหลายปี ส่วนตัวมองว่าเลือกตั้งครั้งนี้คนไทยมีความคาดหวังมากกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา ฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ควรนำไปสู่การไม่ติดขัดในการมีรัฐบาลใหม่


          ควรมีการวางแนวทางป้องกันไว้ 3 ข้อดังนี้คือ การซื้อเสียง การใช้อำนาจรัฐ และการโกงการเลือกตั้ง เพราะหลายฝ่ายบอกมาแล้วว่าเลือกตั้งครั้งนี้ไม่แฟร์จากกติกาที่วางไว้ วันนี้สองข้อแรกที่ดิฉันระบุมันเกิดแล้ว หากข้อที่สามยังเกิดขึ้นอีก เลือกตั้งครั้งนี้จะได้รับการยอมรับหรือ


          ฉะนั้นต้องฝากความหวังไว้กับ กกต. ว่าจะจัดการ 3 ข้อในข้างต้นเพื่อให้ความหวังของคนไทยเกิดขึ้นได้หรือไม่ เพราะดิฉันหวังว่า 3 ข้อที่กล่าวไว้ต้องไม่มีขึ้นและการแจกใบสีต่างๆ ควรชัดเจนและเป็นธรรม”


          หารือเบื้องต้นกับพรรคอื่นๆ ไว้บ้างแล้วหรือไม่ในการเดินเข้าสู่รัฐสภาและตึกไทยคู่ฟ้า
          “รอดูผลเลือกตั้งก่อน(ยิ้ม) แต่ย้ำว่าหลังทราบผลเลือกตั้งทุกพรรคควรยึดกติกาและประเพณีปฏิบัติ คือพรรคอันดับหนึ่งควรได้สิทธิเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลก่อน"

 


          “เลือกตั้งครั้งนี้คนไทยมีความคาดหวังมากกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา ฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ควรนำไปสู่การไม่ติดขัดในการมีรัฐบาลใหม่”

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ