คอลัมนิสต์

"อนาคตใหม่" ในร่างเงา "พรรคคณะนิติราษฎร์"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  กระดานความคิด   โดย...  บางนา บางปะกง 


 

          มาถึงวันนี้ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” กับ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” สองหนุ่มผู้ก่อตั้งพรรคการเมืองแนว Social Democracy ก็ประสบความสำเร็จเกินครึ่งฝันแล้ว หลังผลสำรวจโพลล์หลายสำนักออกมาระบุตรงกันว่า พรรคอนาคตใหม่ได้รับความนิยมทั่วทุกภาค

 

 

          ลองย้อนดูเส้นทางของสองหนุ่มใหญ่อีกครั้ง “เอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นลูกชายคนโตของ พัฒนา-สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของอาณาจักรไทยซัมมิทกรุ๊ป ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วน และอะไหล่ยานยนต์แห่งภูมิภาคเอเชีย


          เดิมทีตระกูลของ “พัฒนา” ใช้นามสกุล “แซ่จึง” เมื่อทำการค้า ในฐานะพี่ชายใหญ่ก็นึกว่าจะตั้งนามสกุลอะไรดี ให้กิจการรุ่งเรือง เลยเลือกนามสกุล “จึงรุ่งเรืองกิจ”


          พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ ทำธุรกิจชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์ ในยุค “การเมือง 2.0” ประเทศไทยหลุดพ้นจากประชาธิปไตยครึ่งใบ สู่ระบบธนาธิปไตย  ด้วยเหตุนี้ พัฒนาจึงต้องไปเล่นกอล์ฟก๊วนเดียวกับเสนาะ เทียนทอง และมนตรี พงษ์พานิช ด้านหนึ่ง พัฒนาส่งน้องชาย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ไปทำงานการเมืองกับสมศักดิ์ เทพสุทิน สมัยอยู่ที่พรรคกิจสังคม


          หลังพัฒนาเสียชีวิต “เอก ธนาธร” ก็เข้ามาแบกรับธุรกิจของครอบครัว ในยุค “การเมือง 3.0” ซึ่งมีทักษิณ ชินวัตร เป็นโมเดลการเมืองใหม่


          สมัยเรียนที่ธรรมศาสตร์ “เอก ธนาธร” เป็นแอ็กติวิสต์หัวก้าวหน้า หลังเรียนจบได้เข้าทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชน ในกลุ่มเพื่อนประชาชน(FOP) เอกยังให้ความสำคัญกับการเมืองภาคประชาชน


          หลังรัฐประหาร 2549 “เอก” แสดงความเห็นทางการเมืองผ่านสื่ออยู่เป็นระยะๆ ด้วยจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร ทายาทจึงรุ่งเรืองกิจ ยังได้แสดงออกถึงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับ “อำมาตยาธิปไตย” ผ่านการเข้าร่วมชุมนุมกับ นปช. รวมถึงสนับสนุนการขับเคลื่อนเรียกร้องการแก้กฎหมายล้าหลังของคณะนิติราษฎร์

 



          จริงๆ แล้ว แกนหลักทางความคิดของพรรคอนาคตใหม่คือ “อาจารย์ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาเป็นศิษย์รุ่นแรกของ “วรเจตน์ ภาคีรัตน์” แห่งสำนักนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ หลังจบปริญญาเอกกฎหมายจากฝรั่งเศส ก็มาเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ และร่วมก่อตั้งคณะนิติราษฎร์


          ภาพจำของผู้คนคือ “ปิยบุตร” ในบทบาทนักวิชาการคณะนิติราษฎร์ เพื่อทวงคืนนิติรัฐ-ประชาธิปไตย หนึ่งในข้อเสนออันแหลมคมคือการลบล้างผลพวงจากการรัฐประหาร และแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ


          ฉะนั้น คณะทำงานพรรคอนาคตใหม่ และกลุ่มพลังอาสาสมัครของพรรค จึงประกอบด้วยนักวิชาการ นักกิจกรรมทางสังคม และแดงอิสระบางกลุ่ม ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวกับคณะนิติราษฎร์


          ไม่ใช่เรื่องประหลาดใจอันใดเลย หากจะมีกลุ่มแดงอิสระหรือแดงก้าวหน้า เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงเป็นอาสาสมัครของพรรคอย่างคึกคัก

 


          ในอดีต คนรุ่นนี้เคยฝากผีฝากไข้กับพรรคไทยรักไทย แต่ผู้ก่อตั้งพรรคติดกับดักคดีทุจริตหลายคดี จนต้องหนีไปอยู่ต่างแดน ดังนั้น เมื่อ “เอก” กับ “อาจารย์ป๊อก” ตั้งพรรคอนาคตใหม่ พวกเขาเหล่านั้น จึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ใช่เลย คณะผู้ก่อการอภิวัฒน์ยุคดิจิทัล”


          อาจารย์ป๊อกเคยให้สัมภาษณ์สื่อบีบีซีไทย ตอนตั้งพรรคใหม่ๆ ว่า “การเมืองไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คุณปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเสี่ยง คุณเสนออะไรที่มัน.. เขาคิดว่าก้าวหน้าเกินไป หรือเขาคิดว่าอันตรายต่อเขา เขาอาจหาวิถีทางกำจัดออกไป อย่างประสบการณ์ที่เราพบเห็นมาตลอดตั้งแต่ 2475 จนถึงปัจจุบัน เรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้ ประวัติศาสตร์มันบอกไว้ ถามว่าความเสี่ยงลักษณะแบบนี้มันพร้อม มันคุ้มไหมที่จะลองมาเสี่ยงดู ผมคิดว่ามันคุ้ม”


          แน่นอน ปิยบุตรประเมินว่า เกมนี้คือเกมเสี่ยง แต่จากที่ติดตามการหาเสียงของพรรคอนาคตใหม่ในช่วงโค้งสุดท้าย ก็เห็นว่า มันเกินคุ้มแล้วสำหรับสองหนุ่ม-ผู้ก่อการอภิวัฒน์


          “มันเป็นห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ ถ้าไม่ทำตอนนี้ โอกาสนี้อาจจะหลุดมือไป ห้วงเวลาประวัติศาสตร์นี้อาจจะหลุดมือไป”


          คำพูดของปิยบุตรโดนใจ “ซ้ายไทย” ถึงกับเคลิ้มฝันถึงสังคมพระศรีอาริย์ หลัง 24 มีนา..ประเทศไทยจะเปลี่ยนแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ด้วยชัยชนะของพรรคคณะนิติราษฎร์

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ