คอลัมนิสต์

อย่าสร้างความขัดแย้งใหม่ 24 มีนา "ตัดสินประเทศ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  กวาดบ้านกวาดเมือง  โดย...  ลมใต้ปีก 


 

          อีก 6 วันสุดท้ายก่อนที่ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 51 ล้านเศษ จะมีโอกาสตัดสินอนาคตของประเทศด้วยการไปหย่อนบัตรเลือกตั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคมนี้ เวลาที่เหลือ 6 วันนี้ จึงสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้ง 51 ล้านคน ที่จะทบทวน พิจารณา ทั้งเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง 12 ปีที่ผ่านมา นโยบาย รวมทั้งพฤติกรรมของนักการเมืองแต่ละพรรค เพื่อให้การตัดสินใจครั้งนี้ ออกมา “เลวน้อยที่สุด” 

 


          จงอย่าเลือก เพียงเพราะความชอบในตัวบุคคล ว่า คนนั้นหล่อ-สวย, หนุ่ม-สาว, คนรุ่นใหม่-คนรุ่นเก่า เพราะเราจะได้คนทำงานไม่เป็นมาบริหารประเทศ 


          จงอย่าเลือกเพราะ เคยอยู่สีแดง-สีเหลือง หรือ กปปส.มาก่อน เพราะจะทำให้สังคมไทยไม่หลุดพ้นจากความขัดแย้ง 


          จงอย่าเลือกเพราะอามิสสินจ้างหรือเงินซื้อเสียง เพราะสุดท้ายคนที่เข้าไปจะถอนทุนและสร้างวงจรอุบาทว์เดิม กลับมา


          จงอย่าเลือกเพียงแค่เห็นนโยบายฟุ้งเฟ้อ แข่งกันลด-แลก-แจก-แถม เพิ่มประชานิยม เพราะเป็นยาพิษสำหรับประเทศในระยะยาว 


          จงอย่าเลือกเพียงเพราะ “อยากลองของใหม่” เพราะคิดว่าจะได้ “เปลี่ยน” เพราะของใหม่อาจจะเป็น “ปีศาจใหม่” ที่สร้างหายนะให้ประเทศมากกว่าเดิม

 

          แต่ขอให้ใช้ดุลพินิจเลือกอย่างถี่ถ้วน เลือกความสงบของประเทศมาก่อน เพราะความสงบจะทำให้ประเทศเดินหน้า เลือกพรรคการเมืองและนักการเมืองที่มีความจงรักภักดีต่อ ชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ เพราะ 3 สถาบันนี้ ทำให้บ้านเมืองของเราดำรงอยู่ได้อย่างปลอดภัยมาหลายร้อยปี


          ขอให้พิจารณาเลือกพรรคการเมืองและนักการเมืองที่มีแนวทางแก้ไขปัญหาให้คนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นหลัก มากกว่าแค่ความ “สะใจ” หรือ "ความดังส่วนตัว” เพราะทุกข์ของคนส่วนใหญ่ยังเป็นทุกข์ของประเทศ จึงฝากไว้ประกอบการพิจารณา ในการ “พิพากษา” ประเทศ หลังจากเราว่างเว้นการเลือกตั้งมาแล้วเกือบ 8 ปี ประชากรทุกกลุ่มทั้ง รุ่นใหม่-รุ่นกลาง และรุ่นเก่า ทุกคนมีสิทธิในการกำหนด “อนาคต” ประเทศร่วมกันดังนั้น ขอให้ทุกคนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมนี้ โดยเจตจำนงอิสระของตัวเอง หลังจากพิจารณาข้อทบทวนข้างต้นจนครบถ้วน 


          และเมื่อ เจ้าของอำนาจ “อธิปไตย” ได้ใช้สิทธิ์ในการตัดสินใจแล้ว พรรคการเมืองและนักการเมือง พึงเคารพ และยึดเอาผลการตัดสินใจของประชาชนเป็น “ฐาน” ในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศ


          นั่นคือต้องรวบรวมเสียงกันให้ได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรในการจัดตั้งรัฐบาล มิใช่ได้เสียงเพียงหยิบมือ (126 เสียง) แล้วไปร่วมมือกับสมาชิกวุฒิสภา ตั้งนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะมัน “ไม่ชอบธรรม” 


          แต่มิได้หมายความว่าพรรคที่ได้อันดับ1 เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ตั้งรัฐบาลทุกพรรคมีสิทธิ์ตั้งรัฐบาลหากรวบรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร เพราะ ส.ส.ทุกคนทั้งในระบบเขตและบัญชีรายชื่อคือ “ผู้แทนปวงชน”


          ฉะนั้นพรรคที่ได้ ส.ส.มากอันดับ 1 มิได้หมายความว่าต้องเป็นรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีเสมอไป หากเพื่อนไม่ “คบ” หรือผู้แทนปวงชนไม่โหวตให้ 

 

          ตรงกันข้ามพรรคการเมืองที่ได้เสียงอันดับ 1 อาจจะเป็นพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรก็ได้ 


          เมื่อผลออกมาอย่างไรขอให้ทุกพรรคยอมรับกติกา และทำงานในรัฐสภาเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก เลิกออกมาเล่นการเมือง “ข้างถนน”


          ขณะเดียวกันการเมืองในสภาและรัฐก็อย่าสร้างเงื่อนไขที่ทำให้เกิด “การเมืองข้างถนนและการรัฐประหาร” อีก 


          เลือกตั้งจึงจะเป็นคำตอบที่ว่า “ประชาธิปไตยคือระบอบการเมืองที่เลวน้อยที่สุด”


          โชคดีประเทศไทย
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ