คอลัมนิสต์

ใครจะยิ้มออกบ้าง..หลังรู้ผลหย่อนแต้ม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  จี้จุดตาย คลายจุดเป็นโดย...  เร้นกาย ไร้เงา

 

 

          “ประชารัฐสร้างชาติ” คือหนังสือที่พรรคพลังประชารัฐจัดทำให้ผู้สมัคร ส.ส.ทั้งสองระบบนำไปศึกษาและชี้แจงต่อสังคมเกี่ยวกับประวัติและผลงานของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แคนดิเดตนายกฯ หนึ่งเดียวของ พปชร.

 

 

          เพราะเหลือเวลาไม่นานนักก็จะถึงเวลาหย่อนบัตรแล้ว ยามนี้คีย์แมน พปชร.ต้องเน้นจุดขายที่ “ลุงตู่” เพียวๆ เพราะกระแสที่สังคมบอกผ่านโพลล์หลากสำนักแจ้งว่าคะแนนลุงตู่และ พปชร.ดีวันดีคืน...


          แต่ที่น่าคิดต่อ คือโพลล์หลากสำนักยังบอกว่า “คะแนนเงียบ” ที่ยังไม่แสดงตนนั้น ยามนี้มีมากกว่าเสียอีก ตรงนี้แหละที่จะเป็นจุดตัดว่า "ลุงตู่” จะหยุดป้ายนี้หรือได้สิทธิไปต่อ...


          “หนักใจตรงนี้ และตรงบ้านมีรั้ว เพราะเราไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับลุงตู่” ผู้สมัคร ส.ส.คนหนึ่งปรารภ


          แว่วมาไกลๆ ว่า ไม่นานมานี้คีย์แมนพรรคบางคนอ่อนใจที่ต้องคอยตอบคำถามชาวบ้านยามลงหาเสียงเกี่ยวกับสถานะของ “ลุงตู่” จนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว แทนที่จะได้ชี้แจงนโยบายพรรคเพื่อขอแต้ม ฉะนั้นหนังสือเล่มนี้ผู้สมัคร ส.ส.และทีมงานต้องอ่านให้ละเอียดและพร้อมตอบคำถามชาวบ้านให้ชัดๆ 


          และรอดูว่าลุงตู่จะขยับแบบใดหลังจากที่ กกต.ชี้แล้วว่าลุงตู่ขึ้นเวทีดีเบตนั้น "ทำได้” แต่มีข้อแม้อยู่บ้าง...และหากทำได้ลุงตู่จะไปขึ้นเวทีหรือไม่...เพราะหาก "ลุงตู่" ย่างกรายขึ้นเวทีใดรับรองเลยว่าการรุมจี้หรือล้อมวงต้อนลุงตู่จากคนการเมืองพรรคต่างๆ นั้น จะบังเกิดพร้อมกันแบบมิได้นัดหมาย


          และสิ่งสำคัญ "ลุงตู่" อย่าลืมคำเตือนจาก "เนติบริกร” ที่แจ้งไว้แล้วด้วย... 


          เพราะหากให้ลุงตู่ขึ้นเวที ใครบางคนใน พปชร.ยังห่วงว่า หากวันนั้นมีจริง “ลุงตู่” จะฟิวส์ขาดจากแนวคำถามและการรุกไล่ของคนการเมืองหลากพรรคหรือเปล่า...ตรงนี้น่าคิด เพราะหากเป็นแบบนั้นเท่ากับว่า พปชร.แทบจะไม่เหลือมิตรไว้ในช่วงหลังการหย่อนบัตรเลย เพราะทุกฝ่ายจะขยายความในสิ่งที่ลุงตู่ลั่นวาจาไว้เป็นแน่แท้




          และเมื่อพินิจลีลาของพ่อบ้าน พปชร.ที่ลั่นกลางเวทีหาเสียงว่า “กูจะไม่ยิ้มแล้ว กูจะสู้กับมึง” นั้น เมื่อสื่อความแบบนี้ออกมาไม่ต้องวิเคราะห์ไปไกลเพราะการล้อมวงไล่บี้ พปชร.จากแทบทุกมุมนั้น แรงบีบบี้และไล่ขยี้มันกระชับวงล้อมเข้ามาเรื่อยๆ และกำลังจี้ไปยัง ”ขุน” ของพปชร. รวมทั้งไพร่พลแวดล้อม


          ฉะนั้นจากนี้ไป “วาจา" จะเป็นสิ่งสำคัญที่ลุงตู่และแกนนำ พปชร.ควรตรองก่อน...


          ด้านโพลล์ภายในของพรรคน้องใหม่ไฟแรงพรรคนี้ สายสืบแคะมาให้พอได้ยินรวมทั้งลีลาของคีย์แมนพรรคที่ยังหวังว่าคะแนนนจะค่อยๆ ขยับไปเชิงบวกก่อนการหย่อนบัตรว่า ภาคอีสานนั้นน่าจะมี 20 ส.ส.(บวกลบ 5 คน) จาก 116 คน, ภาคเหนือได้ระดับหนึ่ง, ภาคกลางและภาคตะวันออก น่าจะเป็นเนื้อเป็นหนัง, กทม.นั้นโซนฝั่งธนฯ มีลุ้นหลายเขต หากบวกกับคะแนนลำดับรองๆ เข้าด้วยกันแล้ว สิริรวมตัวเลขกลมๆ หาก พปชร.มี ส.ส.ทั้งเขตและปาร์ตี้ลิสต์แตะ “หนึ่งร้อยคน” ขึ้นไป ก็พอจะเบ่งได้บ้าง หากน้อยกว่านั้น ”รับรองจอดป้ายฝ่ายค้าน”


          สายสืบแคะมาให้ทราบว่า กทม.รอบนอกและรอบในบางส่วน มีลุ้นสอบติด และพื้นที่ฝั่งธนฯ นั้น “พปชร.“ ได้ท่อน้ำดีจาก ”โกวิทย์ ธารณา” ที่นอตหลุดย้ายขั้วจาก ปชป.ไปอยู่กับพรรคน้องใหม่ แว่วว่า 9 เขตในฝั่งธนฯ นั้นมากกว่า “ครึ่งหนึ่ง” โกวิทย์ยังมีบารมีในระดับหนึ่งและพอที่จะโยกแต้มมายังฝั่งนี้ได้ และอาจจะมีเซอร์ไพรส์ในบางเขตของฝั่งธนฯ เกิดขึ้นแบบ ”งงทั้งแผ่นดิน”


          “เขตละหนึ่งหมื่นแต้มในฝั่งธนฯ จะตามโกวิทย์มาที่ พปชร.” สายสืบย่านถนนเศรษฐศิริกระชุ่นให้ฟัง...แบบนี้ใครหลายคนใน พปชร.น่าจะยิ้มเบาๆ ตรงมุมปากได้บ้าง


          ส่วนสายลับแถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แจ้งว่า “เหลิม บางบอน” ขอเปลี่ยนคิวในการเดินสายต่างจังหวัด นัยว่าเขตใดที่ยังอ่อนจะไปช่วยกวาดแต้ม เขตใดแข็งแกร่งแล้วจะขอเว้น เพราะต้องขอเวลามาเน้นในเขตบางบอนและหนองแขม เพราะลูกชายคนกลาง "วัน อยู่บำรุง” ลงประชันในพื้นที่นี้เป็นครั้งที่สี่แล้ว (สามครั้งแรกคือสังกัดพรรคความหวังใหม่, พลังประชาชน และเพื่อไทย โดยทำได้เพียงเกือบชนะ)


          สายลับแจ้งว่า “เหลิม บางบอน” เน้นมากงวดนี้ มีการระดมหัวคะแนนและทีมงานมาติวเข้มว่าจุดใดอ่อน จุดไหนมีลุ้น ถี่ยิบทุกตารางนิ้ว เพราะคราวนี้มันคือเดิมพันและศึกศักดิ์ศรีอีกคราวหลังจากที่ต้องยอมให้คุณหญิงหน่อยมาช่วยเก็บแต้มในพื้นที่นี้เมื่อหลายวันก่อน


          ใครต่อใครรู้ดีว่า “เหลิม บางบอน กับคุณหญิงหน่อย” ใช่ว่าจะรักกัน แต่ยามนี้คือการร่วมสู้ศึกที่มีรอบด้านจึงจำเป็นต้องยุติศึกในไว้ชั่วขณะ ฉะนั้นการที่ขุนศึกฝั่งธนฯ ต้องขึ้นเวทีพร้อมเจ้าแม่เมืองกรุงเช่นนี้ มันคือภาวะจำยอม 


          แถมพ่วงที่เหลิม บางบอน ต้องพา "เสี่ยไก่” ปักธง ส.ส.เขตบางแคให้ได้อีกหนึ่งหน่อตามคำขอกัน


          เท่ากับว่าการบ้านที่เหลิม บางบอน ถือไว้บนสนามเมืองหลวงมีหนึ่งข้อใหญ่และหนึ่งข้อย่อย ต้องดูว่าเหลิม บางบอน จะเลือกทำการบ้านข้อใดก่อน เพราะหนึ่งคือลูกชาย และอีกหนึ่งมีใบฝากจากบ้านจันทร์ส่องหล้าแนบมา


          จะปล่อยเสี่ยไก่ร่วงคาพื้นที่ใกล้บ้านมันก็กระไร แต่จะไม่ให้ลูกชายสอบติดเสียบ้างมันก็ไม่ได้ การบ้านข้อนี้เหลิม บางบอน น่าจะเพลียใจบ้าง...

 

          ฉะนั้นหาก "เสี่ยไก่สอบได้ แต่วัน อยู่บำรุง” สอบไม่ผ่าน แต่เขตอื่นๆ ที่เหลิม บางบอน ไปตระเวนหาแต้มมาให้เพื่อไทยนั้น กลับสอบได้ มันเปรียบเสมือนดีใจแต่ไม่สุด เพราะหนึ่งในความหวังยังไม่สมบูรณ์ แม้เจ้าตัวจะลั่นวาจาว่าคราวนี้เล่นการเมืองครั้งสุดท้ายแล้ว...ก็ตาม


          แต่หากลูกชายคนกลางยังไม่สามารถเดินเข้ารัฐสภาด้วยบัตร ส.ส.แล้วนั้น “เหลิม บางบอน” คงวางมือแบบไม่สบายใจนักเป็นแน่แท้


          สรุปว่าหาก วัน อยู่บำรุง มิอาจสานฝันได้... “เหลิม บางบอน” คงไม่หยุดเล่นการเมือง ตรงนี้ก็ยิ้มเหงาๆ ตรงมุมหัวใจได้อีกสำหรับชายวัย 72 ปี

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ