ถ้าลูกศิษย์ลูกหายึดมั่นตามปฏิปทาแห่งหลวงพ่อ จะรู้ว่าความต่างนี้ไม่มีอิทธิพลกับทางบุญ การไม่ยึดติดกับสิ่งใดๆ เหมือนหลวงพ่อไม่เคยยึดติดกับอาสนะ นั่นคือ "แก่นแท้"
กล่าวถึงวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ต้องยอมรับว่า ในความยิ่งใหญ่ของพัทธสีมาแห่งนี้ แทบทั้งหมดมาจากความนับถือศรัทธาของสาธุชนชาวพุทธที่มีแด่อดีตเจ้าอาวาสอย่าง “หลวงพ่อคูณ”หรือ “พระเทพวิทยาคม” เทพเจ้าแห่งที่ราบสูงผู้มากด้วยเมตตาบารมี
ไม่เช่นนั้นเรื่องราวประวัติของหลวงพ่อคงไม่ปรากฏเป็นทั้งสารคดี ภาพยนตร์ ตำรา หนังสือออกมากมายสารพัด หรือบรรดาเครื่องรางของขลังหลากแบบ ที่ผลิตออกมาเพื่อให้หลวงพ่อปลุกเสกให้เช่าซื้อตั้งแต่ในราคาหลักสิบจนถึงหลักหมื่นหลักแสน
รับรู้ทั่วกันว่าอานิสงส์แห่งศรัทธาในหลวงพ่อคูณก็พอกพูนคูณทวีสมชื่อ มีเงินสะพัดจนสร้างความเจริญให้แก่บ้านเมือง ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย สถานีตำรวจ สะพาน ถนน วัดวาอาราม รวมถึงกองทุน หลวงพ่อคูณบริจาคปัจจัยเพื่อการนี้ทั้งในและต่างประเทศ รวมแล้วมากกว่า 5 พันล้านบาท โดยเฉพาะ อ.ด่านขุทด ได้รับบริจาคมากที่สุด
ว่ากันว่า ยอดพระเครื่องของหลวงพ่อคูณมีคนขอทำมากมายจนพุ่งขึ้นไปกว่า 1,000 รุ่น จนหนักเข้าหลวงพ่อถึงกับต้องขอเบรก
"อย่าทำเลยไอ้นายเอ๊ย มันขายบ่ออกดอก ของกูก็แทบจะล้นกุฏิอยู่แล้ว เห็นไหม มึงอยากได้พระก็เอาไปโลด หรือถ้าจะสร้าง มึงขอเงินกูไปเลยจะดีกว่า กูไม่อยากให้มึงขาดทุน”
“ด้วยประสบการณ์ในพระเครื่องของท่าน จึงทำให้เกิดศรัทธาในองค์หลวงพ่อคูณมากขึ้น ในช่วง พ.ศ.2535-2538 ชื่อเสียงของหลวงพ่อคูณดังไปทั่วประเทศ” (บทความจาก ไตรเทพ ไกรงู)
ทั้งหมดนี้ย่อมไม่น่าแปลกใจที่วัดบ้านไร่ในยุคสมัยที่หลวงพ่อคูณยังคงอยู่เป็นไม้ใหญ่ ลูกศิิษย์ลูกหาทุกชีวิตภายใต้ปีกเงา ต่างร่มเย็นสุขสบาย ขณะที่บรรยากาศของทางวัดก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เดินทางมากราบหลวงพ่อคูณสักครั้งหนึ่งในชีวิต ตลอดจนเช่าบูชาเรื่องรางของขลังต่างๆ ตามกำลังที่ไหว และศรัทธาที่มี
เป็นยุคทองผ่องอำไพของวัดบ้านไร่ ในอ้อมแขนของเทพเจ้าแห่งด่านขุดทด!
มาวันนี้นับเป็นเวลา 3 ปีกว่าแล้ว ที่หลวงพ่อคูณมรณภาพจากไปในวันที่ 16 พฤษภาคม 2558 ผืนดินที่ขาดไม้ใหญ่ย่อมแห้งแล้ง แห้งกรังเป็นปกติวิสัย
หลายคนบอกว่าทุกวันนี้วัดบ้านไร่เงียบไปถนัดตา แม้จะยังมีผู้คนวนเวียนเข้ามาเป็นระยะแต่ไม่มืดฟ้ามัวดินดังที่เคยเป็นมาก่อน
อย่างไรก็ดี ถ้าลูกศิษย์ลูกหายึดมั่นตามปฏิปทาแห่งหลวงพ่อ จะรู้ว่าความต่างนี้ไม่มีอิทธิพลกับทางบุญ การไม่ยึดติดกับสิ่งใดๆ เหมือนหลวงพ่อไม่เคยยึดติดกับอาสนะ นั่นคือ “แก่นแท้”
หากวัดบ้านไร่ในวันที่ไร้หลวงพอคูณ ก็ยังคงเป็นวัดบ้านไร่ดังเดิม ที่เพิ่มเติมคือในการดูแลของกรรมการชุดใหม่ อันประกอบไปด้วย พระภาวนาประชานาถ (นุช รัตนวิชโย) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ พระสมุห์อาทิตย์ อนาลโย ผู้ช่วยเจ้าอาวาส พล.อ.ปัจจะ ธรรมศรี ประธานกรรมการ
ตลอดจนคณะกรรมการฝ่ายบริหารงานวัดบ้านไร่ คณะกรรมการที่ปรึกษาฝ่ายสงฆ์ คณะกรรมการที่ปรึกษาฝ่ายฆราวาส และคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ร่วมบริหารวัดบ้านไร่ในปัจจุบัน
กลุ่มพระสงฆ์และคณะบุคคลเหล่านี้ย่อมดำเนินการบริหารจัดการวัดบ้านไร่ต่อไปตามครรลอง แว่วมาว่าในอนาคตจะเน้นเรื่องการท่องเที่ยวเป็นหลัก ให้คนรุ่นหลังเข้ามาซึมซับชื่นชมวัตรปฏิบัติในสมณเพศที่ถือสันโดษและเป็นพระนักพัฒนา
อย่างไรก็ดีสำหรับวาระอันยิ่งใหญ่ที่เราคนไทยจักได้ส่ง “อาจารย์ใหญ่หลวงพ่อคูณ” คืนสู่ฟ้าในพิธีการบำเพ็ญกุศลที่กำหนดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21-30 มกราคม 2562 ที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก ม.ขอนแก่น ที่ฌาปนสถานชั่วคราว วัดหนองแวง พระอารามหลวง บริเวณเกาะกลางน้ำ ด้านหลังพุทธมณฑลอีสาน ริมถนนเลี่ยงเมืองสายขอนแก่น-กาฬสินธุ์ ต.ศิลา อ.เมืองขอนแก่น
ขณะที่ในส่วนของพิธีพระราชทานเพลิงศพอาจารย์ใหญ่หลวงพ่อคูณนั้น ได้กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 29 มกราคม 2562 นั้น
ในการนี้ ทางด้านของวัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ก็มีการจัดพิิธีบำเพ็ญกุศลคู่ขนานไปด้วย โดยจัดทำเมรุจำลอง 9 ชั้น สำหรับพิธีเผาร่างสรีระจำลองหลวงพ่อคูณ ซึ่งตกแต่งบริเวณโดยรอบเมรุด้วยรูปปั้นสัตว์ในโลกหิมพานต์ รูปหล่อเทพเทวดา และดอกไม้สดกว่า 1,200 กระถาง สวยงามสมเกียรติ และได้เตรียมดอกไม้จันทน์สำหรับวางที่สรีระจำลองหลวงพ่อคูณกว่า 80,000 ดอก และเปิดให้ประชาชนร่วมวางดอกไม้จันทน์ สรีระจำลองหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วันที่ 22–28 มกราคม 2562
โดยในพิธีเผาร่างสรีระจำลอง จะมีการนำเกศา ผ้าจีวร หมวกไหมพรม และสิ่งของเครื่องใช้บางส่วนของหลวงพ่อคูณ บรรจุในโลงขึ้นเผาจริงบนเมรุจำลอง 9 ชั้น และนำเถ้าถ่านทำพิธีลอยอังคาร ณ สระน้ำวัดบ้านไร่ เสมือนพิธีจริงทุกขั้นตอนอีกด้วย
ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าตลอดการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลหลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่จะมีญาติโยมลูกศิษย์ลูกหามาร่วมพิธีนับแสนคน น่าจะทำให้คนที่มิอาจเดินทางไปยังสถานที่จริง จ.ขอนแก่น ได้หวนนึกถึงกลิ่นอายและบรรยากาศที่คุ้นเคยกับช่วงเวลาที่หลวงพ่อยังอยู่ในกุฏิให้เราเข้าไปค้อมหัวให้เคาะไม่มากก็น้อย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง