คอลัมนิสต์

ลีลาไดโนเสาร์! สองขั้วขัดแย้ง บอยคอตถกเลือกตั้ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ลีลาไดโนเสาร์! สองขั้วขัดแย้ง บอยคอตถกเลือกตั้ง : คอลัมน์...  กวาดบ้านกวาดเมือง  โดย...  ลมใต้ปีก 

 

          ไม่แปลกใจที่พรรคการเมืองในเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร ทั้งพรรคตระกูลเพื่อ และไทยรักษาชาติ  (ทษช.=ทักษิณ ชินวัตร)  รวมทั้งพรรคประชาชาติ  และพ่วงด้วยอนาคตใหม่  จะปฏิเสธการเข้าร่วมหารือกับ  คณะกรรมการการเลือกตั้ง และแม่น้ำ 5 สายของ คสช. เมื่อ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยที่มีพรรคการเมือง 75 พรรคเข้าร่วมการหารือครั้งนี้ เพราะนี่คือข้ออ้างและจุดหาเสียงใหญ่ของพรรคเหล่านี้ที่จะไม่สังฆกรรมกับฝ่ายทหารใดๆ ทั้งสิ้น และปูทางไปสู่ข้ออ้างในการไม่ยอมรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น 24 กุมภาพันธ์ 2562 หากเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

 

 

          หากแพ้จริงก็จะกล่าวหาทั้งในและนอกประเทศว่าการเลือกตั้งไม่โปร่งใส และเป็นการเลือกตั้งที่ คสช.ซึ่งยึดอำนาจจากรัฐบาลเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร ต้องการโค่นล้มระบอบทักษิณทุกวิถีทาง จึงไม่ยอมรับการเลือกตั้ง แต่หากชนะ ก็จะร้องแรกแหกกระเชอว่า “นี่ขนาดถูกสกัดทุกรูปแบบ ยังชนะได้” เรียกได้ว่า เกมบอยคอต ไม่ยอมเข้าร่วมประชุมครั้งนี้พรรคการเมืองในเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร วางแผนไว้อีกรูปแบบหนึ่งหลังการเลือกตั้ง


          แต่กลับมีแนวร่วมมุมกลับ พรรคใหญ่อย่างประชาธิปัตย์ โดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลุกขึ้นบอยคอตไม่ร่วมในเวทีนี้ด้วยอย่างที่หลายคนพากันสงสัยว่า หรือเดอะมาร์คแอบจับมือกับเพื่อไทย ผ่านโภคิน พลกุล อย่างที่เคยมีข่าวลือกันก่อนใช่หรือไม่ ไม่มีใครยืนยัน แต่สาเหตุหลักที่ประชาธิปัตย์ภายใต้การกุมบังเหียนของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำหนดยุทธศาสตร์ คือการต้องตีตัวออกห่างจากทหารในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อจะได้ไม่ถูกพรรคในเครือข่ายทักษิณ เอาไปเป็นจุดโจมตีหลักในช่วงเลือกตั้งว่า “อยู่กับทหาร” และเดอะมาร์ครู้ดีว่าคนในกรุงเทพฯ ปฏิเสธการครอบครองและการสืบทอดอำนาจของทหารมาโดยตลอด

 

        อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือเป็นขุนพลหนึ่งเดียวที่ไม่ว่าพรรคจะถูกกระแส “สึนามิ” การเมืองถล่ม ตั้งแต่เข้ามาเล่นการเมืองในการเลือกตั้งครั้งแรก 22 มีนาคม 2535 พรรคประชาธิปัตย์ ถูกกระแส “มหาจำลอง” พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พัดถล่มเมืองหลวงอย่าง กทม. ส.ส.กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้นสอบตกหมด ยกเว้น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพียงคนเดียว ดังนั้นต้องยอมรับว่าคนที่เข้าใจอารมณ์-ความรู้สึกทางการเมืองของชาวกทม.ได้ดีที่สุด อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือว่าไม่เป็นสองรองใคร 


 


          อาการ "สะบัดสะบิ้ง” ไม่ยอมเข้าร่วมประชุมหารือพรรคการเมืองและการตั้งเงื่อนไขเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐต่อสาธารณะ จึงเกิดขึ้นเพื่อประกาศให้สังคมรู้ว่า “ประชาธิปัตย์ไม่ใช่ลูกน้องทหารนะ” แต่ไม่ถึงขั้นไม่เผาผี เพราะประชาธิปัตย์ก็ยังเดินหน้าร่วมวงเลือกตั้ง ไม่เลือก “บอยคอต” เหมือนการเลือกตั้งโมฆะปี 2557 อีกอย่างหลังเลือกตั้ง อำนาจการตัดสินใจเข้าหรือไม่เข้าร่วมรัฐบาล ยังไม่แน่ว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้มีส่วนร่วมแค่ไหน หากนำทัพพ่ายศึกเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 3


          แม้ 2 ขั้วขัดแย้งทางการเมือง ทั้งเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร-ประชาธิปัตย์ จะไม่ร่วมวงไพบูลย์ถกเลือกตั้งกับ 75 พรรคการเมือง-คสช.-กกต. แต่ไทม์ไลน์การเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562 ได้ออกมาชัดเจน และไม่มีท่าทีใดที่บ่งชี้ว่าคู่ขัดแย้งนานกว่าทศวรรษทั้งสองคือ พรรคเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร กับประชาธิปัตย์ ปฏิเสธโรดแม็พนี้ จึงอนุมานได้ว่า การไม่เข้าร่วมถกการเลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นแค่ “ลีลาการเมือง” ของพรรคที่เก๋าเกม สร้างเงื่อนไข และคำอธิบายในอนาคตหลังการเลือกตั้งไว้ก่อนหากฝั่งใดฝั่งหนึ่ง "เกิดปราชัย” ก็เท่านั้น 


          สำหรับประชาชนที่ถวิลหาการเลือกตั้งที่ยาวนานมาร่วม 7 ปี หาได้สนใจต่อ “ลีลาการเมือง” ของพรรคใหญ่ทั้งสองไม่ สิ่งที่น่าสนใจมากกว่า คือการเดินหน้าเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม และทุกพรรคต้องยอมรับคำพิพากษาของประชาชน อย่านำมวลชนออกมาเล่นการเมืองบนท้องถนนอีกหากพ่ายแพ้และไม่ได้อยู่ในวงจรอำนาจหลังเลือกตั้ง เพราะกว่า 10 ปี ประเทศไทยตกอยู่ในสภาพย่ำแย่จากการแย่งชิงอำนาจของสองขั้วการเมือง ที่ขนมวลชนออกมาห้ำหั่นกันในยามที่ฝ่ายตนสูญเสียอำนาจ ประเทศบอบช้ำและติดหล่มมานานแล้ว จงเสียสละเห็นแก่ความผาสุกของประชาชน และการเจริญก้าวหน้าของประเทศ เลิก “เห็นแก่ตัว” เสียทีไม่ว่า “รุ่นใหม่-รุ่นใหญ่” ที่จะลงชิงชัยในการเลือกตั้ง.

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ