'ยาเสพติด'...ปัญหาเร่งด่วนของรัฐบาลทุกสมัย

          ในห้วงเวลาหลายสิบปี ปัญหายาเสพติดยังเป็นปัญหาระดับต้นๆ ของประเทศไทย รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยให้ความสำคัญในการแก้ปัญหา เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ ซึ่งยาเสพติดเป็นต้นตอของอาชญากรรมทุกรูปแบบ รวมถึงความมั่นคงของประเทศ จึงไม่แปลกที่เรื่องนี้จะเป็น “วาระแห่งชาติ”

          เกี่ยวกับปัญหานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานและคณะอนุกรรมการได้มีการประชุมชี้แจงเพื่อกำหนดแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดเร่งด่วนในห้วง 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 ถึง เดือนมกราคม 2562 โดยกำหนดพื้นที่ดำเนินการในพื้นที่อำเภอชายแดน 132 อำเภอ 31 จังหวัด และพื้นที่แพร่ระบาดของยาเสพติดจำนวน 526 ตำบล ใน 288 อำเภอ ในเขต 63 จังหวัด โดยให้ความสำคัญกับการสกัดกั้นยาเสพติดและการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เฉพาะ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม โรงเรียน สถานบริการ เรือนจำ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม 

          ทั้งนี้ จ.ชลบุรี ถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงเป็นแหล่งล่อแหลมที่จะมีการแพร่ระบาดยาเสพติด โดยเป็น 1 ในพื้นที่เป้าหมาย 63 จังหวัดที่จะต้องดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล  ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดระดับรุนแรง มี อำเภอบางละมุง อำเภอศรีราชา อำเภอเมืองชลบุรี ระดับปานกลาง อำเภอสัตหีบ อำเภอพนัสนิคม อำเภอพานทอง อำเภอบ้านบึง อำเภอเกาะจันทร์ ระดับเบาบาง อำเภอหนองใหญ่ อำเภอบ่อทอง และอำเภอเกาะสีชัง ดังนั้นศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดชลบุรีจึงได้สั่งการให้ทุกอำเภอดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วน ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดจึงได้จัดชุดปฏิบัติการประจำตำบลในรูปแบบ “โมบายทีม” เข้าไปให้ความรู้เรื่องยาเสพติดในพื้นที่โดยเฉพาะตำบลที่มีปัญหายาเสพติดรุนแรง ผนวกเป็นศูนย์ดำรงธรรมเคลื่อนที่เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน ครอบคลุมทุกตำบลในพื้นที่จังหวัดชลบุรี

          จากนั้นตรวจสอบและเพิ่มบทบาทอาสาสมัครป้องกันยาเสพติด (25 ตาสับปะรด) เยาวชนอาสารักษาดินแดนต้านภัยยาเสพติด ให้มีบทบาทในการร่วมมือป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้านชุมชนตลอดจนให้มีหน้าที่ในการติดตามดูแลและช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด พร้อมทั้งจัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจฝ่ายปกครองประกอบด้วย พนักงานฝ่ายปกครอง สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สนธิกำลังร่วมกับตำรวจ ออกตรวจพื้นที่เสี่ยงหรือล่อแหลมต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตลอดจนจัดให้มีพิธีปล่อยแถวปฏิบัติการปราบปรามยาเสพ ติด โดยมีวัตถุประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้รับทราบและเข้าใจถึงนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทิศทางเดียวกัน เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งแสดงเจตนารมณ์ให้ประชาชนรับทราบถึงความจริงใจเอาใจใส่ต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล

          กระทั่งช่วงบ่ายวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานปล่อยแถวปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ด้วยการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ป.ป.ส.ภาค 2 และเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด รวมกว่า 600 นาย เพื่อดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ขณะเดียวกันยังได้ร่วมกับ พล.ต.ต.นันชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติด โดยสามารถตรวจยึดอาวุธปืนได้ จำนวน 28 กระบอก กระสุน 237 นัด จับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติดได้ 1,272 คน รวม 1,264 คดี พร้อมของกลางยาบ้า 81,523 เม็ด ยาไอซ์ 1,202 กรัม อายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 18.88 ล้านบาท รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดให้แก่กลุ่มผู้ใช้แรงงาน และผู้ประกอบการ รวม 28 แห่ง ซึ่งมีผู้เสพเข้ารับการบำบัดรักษาระบบสมัครใจ จำนวน 130 ราย

          ยาเสพติดเป็นภัยต่อชีวิต เป็นพิษร้ายต่อสังคม แม้ดูเหมือนการปราบปรามที่ยิ่งจับ แต่นับวันยิ่งเยอะ นั่นเป็นเพราะไทยกลายเป็นทางผ่านและจุดพักของ ฉะนั้นยาเสพติดจึงยังเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลทุกสมัยต้องแก้ไข..!!