คอลัมนิสต์

ครางชื่ออ้ายโก้แน?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ป่นปี้ขยี้ "อ๊อด" หลังบอลสูตรโบราณ ตกรอบซูซูกิคัพ อ๊อดก็คืออ๊อด สะกดคำว่า "อาย" ไม่ถูก เอฟซีบอลไทยงึดหลาย จึงเกิดปรากฏการณ์ "ครางชื่อซิโก้แน" ลามไหม้ทั่วแผ่นดิน

 


          อย่างเจ็บ ! อีกครั้งกับความพ่ายแพ้ของทีมฟุตบอลทีมชาติไทยในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ที่เพิ่งจบไปเมื่อวันพุธที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา


          กับการปิดเกมไปด้วยสกอร์ 2-2 เปิดบ้านเสมอกับทัพ “เสือเหลือง” มาเลเซีย ทำให้ไทยต้องตกรอบรองชนะเลิศไปด้วยกฎประตูทีมเยือน หลังเกมแรกช้างศึกบุกไปเสมอ มาเลเซีย 0-0

 

 

          แน่นอนงานนี้ ทำเอาสนามราชมังคลากีฬาสถาน กรุ่นไปด้วยความโกรธของแฟนบอลไทย แต่ถ้าไปดูคอมเมนต์ของบรรดาแฟนบอลชาวเน็ตเพื่อนบ้านย่านอาเซียนตามโลกโซเชียลแล้วยิ่งเดือด !


          อย่างไรก็ตาม ยิ่งกว่าเจ็บเพราะคำเย้ยของคนนอก ก็คงเป็นคำพูดของคนในกันเองนี่แหละ ที่ทำให้สุดช้ำ !


          ส่องกระแสสังคมไทยแล้ว จะเห็นว่าคนที่ถูกโจมตี ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เจ้าเก่านี่แหละ !

          
          ป่นปี้ “ขยี้อ๊อด”
          ก็อย่างที่รู้ว่าบิิ๊กอ๊อดคือเจ้าของประโยคในตำนานที่่พูดแล้วยังผลให้ “โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง” กุนซือช้างศึกเวลานั้น จำใจไขก๊อกจากไปอย่างช้ำๆ หลังพาทีมชาติไทยไปพ่ายทีมชาติญี่ปุ่น 0-4 ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายนัด 7

 

          พอมาหนนี้ เมื่อช้างศึกไทยพ่ายยับ จึงไม่แปลกที่คนไทยจะขุดซากขึ้นมาเผาอีกรอบ !


          “ถ้าบอกว่าอยู่กันไปแบบนี้ไม่เป็นไร เป็นแชมป์ซูซูกิ แชมป์ซีเกมส์ แต่ระดับเอเชียแพ้ที 4-0, 3-0, 2-0 ไม่เป็นไร แต่สำหรับผม ผมอาย"


          "ถ้าไม่มีอะไรดีขึ้น ผมจะขอลาออกเอง ถ้าเป็นนายก แล้วทำดีไม่ได้ ก็ให้คนอื่นมาทำ ดีกว่าอยู่ให้คนไทยประณามว่าไม่ได้ทำอะไร” (พูดเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2560)


          แต่ถ้าบิ๊กอ๊อดเข้าใจหัวอกคนไทยสักนิด ก็จะรู้ว่าสำหรับแฟนบอลไทย ให้แพ้ระดับใหญ่ข้างนอก แพ้ไปเหอะเข้าใจได้ แต่แพ้กันเองในอาเซียนนี่มันเจ็บ !!




          ที่สุด นอกจากบ่นว่ากันไปชุดใหญ่แล้ว เลเวลต่อไปของการขยี้ ก็คือการเรียกร้องให้บิ๊กอ๊อดลาออก !! เพื่อรับผิดชอบผลงาน


          อ๊อดก็คืออ๊อด
          แต่ในเมื่อ “บิ๊กอ๊อด” ก็คือ บิ๊กอ๊อดผู้ไม่มีกระเทือนซาง ย้อนกลับไปดูได้เลย คนจริง 2018 ไม่ว่าฝนตก แดดออก น้ำใส น้ำขุ่น


          อย่างหนที่คนไทยทั้งเจ็บทั้งอาย ที่ช้างศึกตกรอบแรกเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ช่วงสิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา


          ว่ากันตามจริง ช็อตนั้นกระแสบี้บิ๊กอ๊อดให้ลาออก มีมาแล้วรอบหนึ่ง แต่ที่ “งงในงง” คือ ลีลาของบิ๊กอ๊อดนอกจากไม่หนี ไม่ออกแล้ว ช่วงแรกๆ ก็ยังปกป้องโค้ชและทีมงานสุดๆ


          แต่เวลาผ่านไปแวบเดียว ปรากฏว่าช่วงเดือนกันยายนหลังจากนั้น ที่ประชุมสรุปผลงานทีมชาติไทยชุดเอเชี่ยนเกมส์ 2018 ที่บิ๊กอ๊อดนั่งหัวโต๊ะกลับมีการบอกลา “โค้ชโย่ง" วรวุธ ศรีมะฆะ กุนซือฟุตบอลทีมชาติไทยเสร็จสรรพ ทำเอาคนไทยอ้าปากค้าง ครางฮือ !!


          ดังนั้น พอมาหนนี้ คนไทยเลยไม่คาดหวังใดๆ ในโชคชะตาของ “มิโลวาน ราเยวัช” กุนซือใหญ่ช้างศึกชาวเซอร์เบียที่ไปตกรอบหนนี้เหมือนกัน ในเมื่ออะไรก็เกิดขึ้นได้ในท้องฟ้าของบิ๊กอ๊อด !


          “ตามข้อตกลงจะมีการประเมินโดยใช้ผลงานในศึกเอเชี่ยนคัพ 2019 เป็นหลัก ต้องทำผลงานให้ดีกว่าเดิม อย่างน้อยต้องเข้ารอบน็อกเอาท์ ส่วนศึกซูซูกิคัพ ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงเรื่องการประเมิน แต่คนเป็นโค้ชต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดอยู่แล้ว ดังนั้นอนาคตของ ราเยวัช กับทีมช้างศึก ต้องดูหลังจบเอเชี่ยนคัพ”


          ส่วนลีลาทั่วๆ ไปในการแก้เกมกดดันของนายก ส.บอลไทย บอกเลยหนนี้ยังหล่อเช่นเคย


          “แน่นอนรู้สึกเสียดาย แต่ก็เป็นปกติของเกมฟุตบอล เกมกีฬา มีแพ้มีชนะ คงไม่มีทีมไหนเป็นแชมป์ได้ตลอด เพียงแต่เสียดายโอกาส แต่ไม่ขอโทษใคร ทีมงานสตาฟฟ์โค้ช นักฟุตบอลทำหน้าที่ได้ดีแล้ว"


          "จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้เคยพูดว่าถ้าเข้ามาทำฟุตบอลไทยแล้วไม่พัฒนา ผมขอลาออก เรื่องนี้ควรขยายความมากกว่านั้น คำว่าพัฒนา คือ พัฒนาในหลายๆ อย่าง ไม่ใช่แค่ผลงานในสนามของทีมฟุตบอล แต่มันรวมถึงหลายๆ เรื่อง อย่างเช่น ฟุตบอลลีกภายในประเทศ การจัดการต่างๆ การเข้ามาทำในสิ่งที่สมาคมฟุตบอลชุดก่อนนั้นขาดตกบกพร่อง รวมถึงอีกหลายๆ เรื่อง”


          มันช่างลึกล้ำลีลาจนคนไทยคิดตามแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว !


          ครางชื่ออ้ายแน
          ขณะที่ฝ่ายหนึ่งพยายาม “หล่อสู้กระแส” หันมาดูคนที่แฟนบอลไทยพูดถึงมากที่สุดตอนนี้ “ซิโก้” ต้องบอกว่า “หล่อโดยไม่เจตนา” !


          เพราะบรรยากาศที่คอบอลไทยพากันแซ่ซ้องร้องเรียก ให้อดีตกุนซือช้างศึกคนนี้กลับมายืนที่เดิม โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องทำอะไรเลย มันช่างหล่อกว่าอะไรทั้งหมด !!


          เชื่อว่าอดีตกองหน้าจอมตีลังกาของทีมชาติไทยคนนี้ก็รู้สึกผิดหวังไม่ต่างกันกับคนไทยกับความพ่ายแพ้หนนี้


          แต่มันเด็ดก็ตรงที่เจ้าตัวไม่พูดอะไรสักคำตามสไตล์หล่อเงียบ คิดเยอะ แต่พอลุกขึ้นมาโพสต์ไอจีขอบคุณลูกสาวที่มอบพวงมาลัยและตุ๊กตาให้ในวันพ่อ


          ปรากฏว่าคอมเมนต์จากแฟนคลับส่วนใหญ่ กลับมีแต่เรียกร้องให้ซิโก้กลับมาคืนชีวิตให้ทีมชาติไทยดังเดิมทั้งสิ้น ต่อให้บางคนอาจเคยร่วมด่าซิโก้มาก่อนหน้านี้ก็เถอะ !


          โดยไม่สงสัยเลยว่าทำไมมันช่างแตกต่างกับอีกคนขนาดนี้ เพราะถ้าพูดถึงความสำเร็จที่โค้ชซิโก้กอดคอเคียงบ่าเคียงไหล่มากับทีมช้างศึก สร้างรอยยิ้มให้คนไทยนั้นก็มากมายอยู่


          เช่น หลังจากซิโก้เข้ามารับหน้าที่คุมทีมชาติไทย ซึ่งมีเวลาในการเตรียมทีมแค่เพียงไม่ถึง 10 วัน แต่ซิโก้สามารถนำทีมไทยบุกไปชนะทีมชาติจีนได้ถึง 5-1 ในปี 2556 เป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี


          หรือผลงานช่วงวันที่ 24 มีนาคม 2559 โค้ชซิโก้พาทีมชาติไทยบุกไปเสมอทีมชาติอิรัก 2-2 ที่สนามปาส สเตเดี้ยม กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน


          ทำให้ทีมชาติไทยผ่านเข้าสู่รอบที่ 3 ทันทีในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย และยังเป็นแชมป์กลุ่มอีกด้วย


          และอีกหลายๆ ความสุขที่เขาและทีมชาติไทยเคยมอบให้คนไทย วันนี้เราจึงอยากให้บรรยากาศแบบนั้นกลับมาอีก !


          เอาไงต่อ?
          แน่นอน บทเรียนจากความพ่ายแพ้ศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ครั้งนี้ น่าจะเตือนสติเราว่า “หนึ่งในอาเซียน” เรายังไปไม่สุดทาง คือไม่ได้เก่งกว่าเพื่อนบ้านเท่าไร แต่ยังต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ


          นาทีนี้ ถ้าถามคนไทยว่าบอลไทยจะไปไงในอนาคต เชื่อว่าหลายคนจะตอบว่า “ไม่รู้ แต่เอาซิโก้กลับมาก่อน" วงเล็บขอไม่เอาวิธีทำทีมที่เน้น “เกมรับ” ได้มั้ย ?


          แต่หากลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้น เพราะมีการวิเคราะห์ว่า ซิโก้จะไม่มีวันกลับมา ถ้าฟ้าที่ ส.บอลไทยไม่เปลี่ยนสี ตอนนี้ถามว่าบอลไทยจะไปยังไงก็เป็นสิ่งที่น่าคิด


          แต่อีกมุมหนึ่ง ถ้าถามบิ๊กอ๊อดต่อการพัฒนากีฬาฟุตบอลไทยนั้น เขาเคยบอกว่า อย่าดูเพียงผลแพ้ ชนะ 


          แต่ผลแพ้ในวันนี้ จะทำให้เราพบจุดอ่อนในการแก้ไขเพื่อพัฒนาในอนาคต เพราะแผนการทำงานของสมาคมนั้น หลักๆ ตั้งเป้าไว้ที่เยาวชน ที่หวังดอกผลในอีก 10 ปีข้างหน้า


          ส่วนว่าจะออกมาแบบไหน ต้องตามดูกันต่อไป แต่ตอนนี้ผลระยะสั้นที่กำลังจะมา ไม่รู้ว่าคนไทยจะเฮหรือจะ “ฮือๆ” กับแมทช์ต่างๆ ที่รออยู่


          อย่างฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ ครั้งที่ 17 ในปี 2562 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นเจ้าภาพ ความหวังคนไทยจะได้เห็น 4 นักเตะกลุ่มที่ไปค้าแข้งในต่างประเทศกลับมาร่วมทีม อย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ธีราทร บุญมาทัน, ธีรศิลป์ แดงดา และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ก็น่าทำให้เกมสนุกสนานดีอยู่ และมีโอกาสทำแต้มเพิ่ม


          ฟังแล้วดีงาม อย่างน้อยๆ กว่าที่วาระของนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะหมดลง และก็จะเข้าสู่การเลือกตั้งบิ๊กสมาคม ครั้งใหม่ในปี 2563 คนไทยต้องได้เฮบ้างนา...


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ