คอลัมนิสต์

ยาเสพติดล้อมแนวชายแดน!!!หลังกลุ่มชาติพันธุ์เพิ่มกำลังการผลิต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ยาเสพติดล้อมแนวชายแดน!!!หลังกลุ่มชาติพันธุ์เพิ่มกำลังการผลิต : คอลัมน์...  ขยายปมร้อน  โดย... ปิยะนุช ทำนุเกษตรไชย


 

          นานกว่า 4 ปีที่รัฐบาลประกาศให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระเร่งด่วนและวาระแห่งชาติ สะท้อนถึงความพยายามในการป้องกันและปราบปราม แต่ทว่าความทุ่มเทนั้นยังไปไม่ถึงความสำเร็จ ยาเสพติดยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ 4 จังหวัดภาคเหนือ เชียงราย เชียงใหม่ ตาก แม่ฮ่องสอน ยังเป็นเมืองหน้าด่านที่ต้องเผชิญหน้ากับการลักลอบนำเข้าและถูกใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียง แม้การปราบปรามจะมีความเข้มแข็งแต่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ 70% ของนักค้าเกี่ยวข้องกับกลุ่มชาติพันธุ์ และผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ ยาเสพติดราคาถูกยังกระตุ้นให้เกิดการขยายตลาด ขณะที่ผู้เสพที่ผ่านการบำบัดทั้งแบบสมัครใจและบังคับบำบัด ยังกลับไปเสพซ้ำ เสพติดจนมีอาการทางจิตเวช

 

 

          สถานการณ์วันนี้ไม่มีจังหวัดใดกล้าประกาศตัวเป็นจังหวัดปลอดยาเสพติด นักโทษในเรือนจำ ไม่น้อยกว่า 2.7 แสนคนเป็นนักโทษคดียาเสพติด ไม่นับรวมเยาวชนอีกนับหมื่นรายในศูนย์ฝึก


          ตัวเลขการจับกุมขบวนการลำเลียงยาเสพติดในปีนี้ ยึดของกลางได้ตั้งแต่ 4 ล้านเม็ด, 10 ล้านเม็ด ล่าสุดแตะที่ตัวเลข 15 ล้านเม็ด ล้วนเป็นการเพิ่มขึ้นของปริมาณยาเสพติดที่ต้องนำมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุของการนำเข้า "บิ๊กลอต” ซึ่งอาจเป็นไปได้ทั้งการเพิ่มกำลังการผลิต และการจับกุมได้มากขึ้น รวมถึงการล่อซื้อเพื่อหวังสินบนรางวัลนำจับ


          ไม่ว่าจะด้วยเหตุปัจจัยใด ที่ทำให้ยาเสพติดทะลักเข้ามาอย่างมหาศาล สิ่งที่ต้องจับตา คือ “ยาบ้าทุกลอตพ่วงไอซ์มาด้วยครั้งละ 400-500 กิโลกรัม” ไอซ์เป็นยาเสพติดที่มีความเข้มข้นของตัวยาสูง ไม่มีส่วนผสมอื่นปะปนเหมือนยาบ้าแบบเม็ดที่เป็นเมทแอมฟาตามีนแค่ 10% ที่เหลือเป็นกาเฟอีนและสารสังเคราะห์ทางเคมีอื่นๆ การเปิดตลาดไอซ์ในราคาย่อมเยาเพื่อเข้ามาเจาะฐานผู้เสพวัยรุ่นในสถานบันเทิงและปาร์ตี้ แทนยาบ้าในรูปแบบเม็ด ทำให้เสพเพียงไม่กี่ครั้งก็ติดลึก เลิกยาก


          ส่วนผู้ใช้ยาบ้ายังคงเป็นผู้ใช้แรงงาน ที่ต้องการเสพเพื่อสันทนาการ และเสพเพื่อให้มีชั่วโมงทำงานได้ยาวนานขึ้น ซึ่งผู้ที่ติดหนักจะออกอาการคล้ายดื้อยา ต้องเพิ่มปริมาณการเสพขึ้นเรื่อยๆ และมีตัวเลขการเสพสูงสุดถึง “10 เม็ดต่อวัน”

 



          พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงข้อกังวลเกี่ยวกับสินบนนำจับในคดียาเสพติดซึ่งอาจเป็นการสร้างดีมานด์เทียม โดยยอมรับว่า “มีการล่อซื้อยาเสพติดจริง แต่ล่อซื้อในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด และไม่ใช่การล่อซื้อชนิดบิ๊กลอตจนกลายเป็นดีมานด์เทียม บิดเบือนกลไกตลาดจนยาบ้าและไอซ์มีราคาถูก สาเหตุหลักที่ทำให้ยาเสพติดมีราคาถูก เป็นเพราะการสั่งซื้อและนำเข้าครั้งละมากๆ ต้นทุนในแหล่งผลิตอยู่ที่เม็ดละ 25 สตางค์ ราคาขายส่งยกมัดเฉลี่ยเม็ดละ 30 บาท จึงยังมีกำไรร้อยเท่าพันเท่า เป็นผลให้ชนกลุ่มน้อยเพิ่มกำลังการผลิตและยังผลิตยาบ้าออกมาหลายสูตรจากของกลางที่ตรวจยึดเป็นยาบ้าไม่ต่ำกว่า 4 สูตรเคมี”

 

          ล่าสุดรัฐบาลส่งสัญญาณกวาดล้างยาเสพติดในชุมชน โรงงาน และสถานศึกษา โดยพุ่งเป้าไปที่สถานประกอบการขนาดเล็กกระจายตัวอยู่ในชุมชน ส่วนใหญ่เป็นงานรับจ้างผลิต รับจ้างเย็บผ้า ซึ่งมีการจ้างงานไม่ถึง 10 คน คนงานย้ายเข้าออกบ่อย โดยปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่เป้าหมายได้กำหนดชัดเจนแล้วว่าภายใน 3 เดือนนับจากนี้จะต้องสัมฤทธิ์ผล ส่วนโรงงานขนาดใหญ่ไม่น่ากังวล เพราะมีระบบตรวจสอบชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการสุ่มตรวจปัสสาวะ หรือตรวจสุขภาพประจำปี หากพบผู้เสพจะส่งตัวเข้ารับการบำบัดรักษา โดยไม่ได้ให้ออกจากงาน

 

          ส่วนมาตรการปราบปรามแหล่งผลิต ยังต้องร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ปิดล้อมสามเหลี่ยมทองคำแหล่งผลิตยาเสพติดอันดับ 2 ของโลก บล็อกไม่ให้มีการขนย้ายสารตั้งต้นจากอินเดียและจีนเข้าไปยังแหล่งผลิตในพื้นที่กองกำลังว้าแดง และสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดลักลอบข้ามแดนมายังฝั่งไทย โดย ป.ป.ส.ได้ส่งเบาะแส พร้อมชี้เป้าเครือข่ายนักค้ารายสำคัญที่หลบหมายจับของไทยและมีพฤติการณ์เคลื่อนไหวผลิตยาเสพติดในฐานที่มั่นของว้าแดง ไปยังรัฐบาลกลางในกรุงเนปิดอร์ เพื่อขอความร่วมมือให้เพิ่มแรงกดดันจนนำไปสู่การจับกุม ขยับออกไปทางเมียนมาร์ก็ให้เมียนมาร์จับ ข้ามมาแตะฝั่งไทยก็ให้เจ้าหน้าที่ไทยรวบตัว


          โดยขณะนี้มีสัญญาณว่าคนกลุ่มน้อยนำเงินจากยาเสพติดไปใช้สะสมอาวุธ ยุทธภัณฑ์ และยานพาหนะทางการทหาร จึงยังต้องจับตามองว่าทางการเมียนมาร์จะดำเนินการอย่างไรกับข้อมูลการข่าวดังกล่าว


          ในระหว่างนี้ปฏิบัติการร่วมโครงการแม่โขงปลอดภัยหรือเซฟแม่โขง 6 ประเทศ ซึ่งเป็นความร่วมมือของไทย ลาว พม่า จีน เวียดนาม และกัมพูชา ยังเดินหน้าร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าวการลักลอบนำเข้าสารตั้งต้น การผลิต และการขนย้ายยาเสพติด การตั้งด่านสกัดตรวจจับภายในเขตแดนประเทศของตัวเอง ยังไม่ใช่การตั้งกองกำลังร่วมเพื่อปราบปรามแหล่งผลิต โดยในฝั่งไทยเตรียมกำลังทหาร ตำรวจ ปกครอง รองรับพร้อมเผชิญเหตุ


          ตอกย้ำว่า รัฐบาลพร้อมอุดหนุนงบประมาณและกำลังพลในการแก้ปัญหายาเสพติด สกัดเส้นทางลำเลียงออกจากสามเหลี่ยมทองคำ ในช่องทางต่างๆ และพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อควบคุมและลดการผลิต เคลียร์สามเหลี่ยมทองคำให้ปราศจากกองกำลังติดอาวุธ เปิดทางสู่การพัฒนาเป็นพื้นที่พัฒนาทางเลือกเพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตของชนกลุ่มน้อยและประชาชนในบางพื้นที่เสี่ยงต่อพืชเสพติด โดยรัฐบาลไทยให้การสนับสนุน
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ