จีนโชว์วิจัยไฮเทค..จากจักรวาลถึงนาข้าว

 
 

          ช่วงสิบปีที่ผ่านมา คนทั่วโลกรวมถึงคนไทยเป็นลูกค้าที่ดีอุดหนุนสินค้าเมดอินไชน่าจำนวนมหาศาล ทั้งเสื้อผ้า อาหาร โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ไฟฟ้า ฯลฯ ส่งผลให้ตัวเลขค้าขายส่งออกเครื่องอุปโภคบริโภคของจีนแซงหน้าทุกประเทศทั่วโลกไปเรียบร้อยแล้ว ...และวินาทีนี้นอกจากธุรกิจค้าขายแล้ว นโยบายที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าเร่งกำลังสนับสนุนเต็มสูบ คือ ไฮเทคโนโลยีขั้นสูงตั้งแต่เครื่องมือแพทย์ กล้องส่องค้นหาดาวใหม่ๆ ในจักรวาล จนถึงดัดแปลงข้าวพันธุ์ยักษ์สูงกว่า 2 เมตร !?!

 

 

          วันที่ 9-14 ตุลาคม 2561 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทยร่วมกับ “แคส” หรือ สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน จัดงาน “CAS Innovation EXPO (Bangkok) 2018" เป็นการนำงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ประสบความสำเร็จของจีนมาจัดแสดงในต่างประเทศเป็นครั้งแรก ภายใต้แนวคิด “จากฟ้าสู่ดินด้วยเทคโนโลยี”

          ทีมข่าว “คม ชัด ลึก” ร่วมกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้รับเชิญให้เข้าชมงานความก้าวหน้าของโครงการความร่วมมือในสาขาต่างๆ ทั้งด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ เครื่องมือแพทย์ หุ่นยนต์ รวมถึง นวัตกรรมการเกษตรใหม่ๆ

 

 

 

          งานวิจัยเหล่านี้ทำให้รับรู้ว่า “จีน” ยุคนี้ไม่ได้สนใจแค่ธุรกิจขายสินค้าทั่วไปเท่านั้น แต่ยังพยายามลงทุนค้นคว้าและทดลองประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่ๆ หวังให้ก้าวทันเหล่าฝรั่งนักวิทยาศาสตร์ฝั่งตะวันตก ต้องถือว่าการแข่งขันเหล่านี้เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะเกิดประโยชน์มหาศาลกับมนุษย์โลกในอนาคต

 

          ย้อนไปในอดีตจีนก็เคยเป็นหนึ่งในด้านวิทยาศาสตร์มาก่อน เช่น บรรพบุรุษนักปราชญ์ของจีนในอดีต เป็นผู้ค้นพบธาตุทั้ง 5 ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุไม้ ธาตุดินและธาตุทอง ซึ่งถือเป็นพื้นฐานองค์ประกอบของธรรมชาติทั้งมวล รวมถึงการนำมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ “ฮวงจุ้ย” ที่นิยมแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีสิ่งประดิษฐ์หนึ่งที่สำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าในด้านดวงดาวและภูมิศาสตร์ของจีน คือ “เข็มทิศ” ที่คนจีนสร้างขึ้นตั้งแต่ 2,000 ปีที่แล้ว จนกลายเป็นอุปกรณ์เปิดโลกแห่งการเดินทางข้ามทวีปเอเชียไปสู่ทวีปตะวันตก

 

 

          ในวันนี้จาก “เข็มทิศ” ข้ามไปสู่ “อนุภาคควอนตัม” จีนทุ่มทุนวิจัยจนสำเร็จเป็นเจ้าแรกของโลกที่สร้างดาวเทียมสื่อสารส่งข้อมูลผ่านอนุภาคควอนตัม (Quantum Communications) ในระยะไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร ในชื่อ “โครงการทดลองควอนตัมอวกาศ” อธิบายง่ายๆ คือ ใครที่เคยดูหนังประตูข้ามมิติของโดราเอมอน ก็จะเข้าใจว่าในอนาคตที่มนุษย์จินตนาการอยากเคลื่อนย้ายวัตถุจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งอาจเกิดขึ้นได้จริง ด้วยอนุภาคควอนตัมนี้เอง

          ที่แน่ๆ ตอนนี้มนุษย์กำลังจะใช้ไปวางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตกลายเป็น “อินเทอร์เน็ตควอนตัม” ช่วยป้องกันพวกโจรไซเบอร์หรือแฮ็กเกอร์เข้ามาเจาะทะลวงขโมยข้อมูลได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือเป็นการป้องกันพวกไวรัสคอมพิวเตอร์ต่างๆ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จำเป็นมากในการป้องกันภัยธุรกรรมทางการเงินผ่านโลกออนไลน์

 

 

 

          จีนยังสนใจด้านอวกาศมีการพัฒนากล้องโทรทรรศน์วิทยุ (FAST) ที่ใหญ่ที่สุดในโลกขนาดเทียบเท่าสนามฟุตบอล 30 สนาม เส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 500 เมตร ตั้งอยู่กลางหุบเขาในอำเภอผิงถัง มณฑลกุ้ยโจว เพื่อช่วยให้นักดาราศาสตร์จับจ้องสิ่งผิดปกติในจักรวาลได้ไกลกว่าเดิม ตอนนี้จีนพบคลื่นพัลซาร์จากดาวนิวตรอนแล้วกว่า 50 แห่ง ตั้งแต่เริ่มเปิดใช้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559

 

 

          นอกจากนี้ในด้านการแพทย์ที่ใกล้ตัวมนุษย์ มีความพยายามค้นหาเครื่องมือแพทย์ที่ช่วยให้การรักษาพยาบาลทำได้ปลอดภัยสะดวกแม่นยำขึ้น เช่น “เครื่องสแกนหลอดเลือดและสร้างภาพผ่านระบบอินฟราเรด” (Vascular visualization Technology) ถือเป็นเทคโนโลยีมองเห็นหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือถ้าเป็นเครื่องเล็กๆ หากนำมาส่องดูบริเวณข้อมือด้านใน จะช่วยให้เจ้าหน้าที่แพทย์หรือพยาบาลสามารถทำการเจาะหลอดเลือดดำได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งประเมินอาการของหลอดเลือดใต้ผิวหนังได้โดยไม่ต้องผ่าตัด เพราะเทคโนโลยีตัวนี้ใช้วิธีตรวจสอบการดูดซับรังสีอินฟราเรดของเม็ดเลือดแดงในหลอดเลือด เนื่องจากเม็ดเลือดแดงสามารถดูดซับรังสีนี้ได้ดีกว่าเนื้อเยื่อประเภทอื่น ส่องลงไปจะได้ข้อมูลประมวลผลฉายเป็นภาพของตำแหน่งหลอดเลือดขึ้นมาอย่างชัดเจน

 

 

 

          ในงานโชว์ครั้งนี้ที่ประเทศไทย มีการนำกล้อง “ระบบการรับรู้คุณลักษณะหลายหลายของร่างกายมนุษย์” (V- EYE Multi – Feature Human Body Recognition Systems) มาแสดงให้เห็นด้วยว่า ด้วยเทคโนโลยีกล้องรุ่นใหม่ที่นำไปติดตามท้องถนนหรือในอาคารสำนักงานของหน่วยงานสำคัญๆ จะสามารถแสดงให้เห็นเลยว่าบุคคลที่อยู่ในกล้องหรือเดินผ่านกล้องนั้น มีคุณลักษณะเบื้องต้นอย่างไร เช่น เพศ อายุ ส่วนสูง น้ำหนัก ผิวสี ฯลฯ นับว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่จะช่วยจับโจรผู้ร้ายหรือผู้ที่น่าสงสัยได้ในอนาคตอันใกล้นี้

 

 

          และส่วนที่คนไทยต้องสนใจเป็นพิเศษก็คือ “ข้าวยักษ์” เพราะตอนนี้นักวิทยาศาสตร์จีนสามารถดัดแปลงสายพันธุ์ข้าวให้สูงใหญ่ ทนทาน มีผลิตผลต่อไร่มากขึ้น ที่เรียกกันว่า “ข้าวพันธุ์ยักษ์” (Mega Rice) ตอนนี้จีนทดลองปลูกจนสูงใหญ่กว่า 2.2 เมตรแล้ว โดยสถาบันการเกษตรพื้นที่กึ่งเขตร้อนใช้ระยะเวลาพัฒนาสายพันธุ์มาประมาณ 10 ปี ต้นข้าวสายพันธุ์ยักษ์นี้จะช่วยให้ประเทศจีนไม่ต้องกลัวปัญหาขาดแคลนชาวนาในอนาคต เพราะในนาแต่ละแปลงให้ผลผลิตมากกว่าข้าวทั่วไปถึงร้อยละ 50

 

 

 

          จากเทคโนโลยีดวงดาวจนถึงนาข้าวที่จีนนำมาโชว์นั้น หวังว่ารัฐบาลไทยจะเล็งเห็นถึงความสำคัญ และรีบเร่งสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมต่างๆ ร่วมกัน ดังที่ หลี่ เจี้ยน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย กล่าวถึงเหตุผลที่จีนจัดนิทรรศโชว์ผลงานเหล่านี้ในประเทศไทยเป็นประเทศแรก เพราะอยากให้เกิดความร่วมมือด้านนี้ระหว่างระหว่างจีน-ไทยอย่างจริงจัง

 

 

นายหลี่ เจี้ยน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย

          "สืบเนื่องจากอดีตเป็นต้นมา ทั้ง 2 ประเทศมีพื้นฐานความสัมพันธ์อันดีมาตลอด และคนไทยถือเป็นเพื่อนบ้าน เพื่อนสนิทและหุ้นส่วนที่ดีของจีน ดั่งคำว่า จีนไทยพี่น้องกันใช่อื่นไกล"