ชัดเจน!! "สุริยะ" เปิดสัมพันธ์ "สมคิด - พลังประชารัฐ"

 

                เป็นพาดหัวหนังสือพิมพ์มาสองสามวันว่า “กลุ่มสามมิตร” ไม่แฮปปี้กับการเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่อลังการไปเมื่อเร็วๆ นี้ล่าสุด “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ออกมายืนยันว่าไม่จริง

                “ผมในฐานะแกนนำกลุ่มสามมิตร ขอยืนยันว่ากลุ่มสามมิตรจะเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐแน่นอน” สุริยะยืนยันผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ทางช่อง NOW26

 

                สุริยะคือผู้ที่เคยยอมรับด้วยตัวเองว่าเขาคือหนึ่งในสามของ “สามมิตร” กลุ่มสามมิตร คนแรกคือ สมศักดิ์ เทพสุทิน คนที่สองคือตัวเขาเอง และคนที่สามคือว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่จะมาลงสมัครกับกลุ่มสามมิตร

                อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ “ภิรมย์ พลวิเศษ” ผู้ตั้งตัวเป็นเลขากลุ่มสามมิตร เคยบอกถึงที่มาของชื่อ “กลุ่มสามมิตร” ว่านายสุริยะเป็นคนเสนอชื่อนี้ขึ้นมา โดยสามมิตรหมายถึง “3 ส.” คือ สมศักดิ์ สุริยะ และสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และแน่นอนเขาเคยเป็น “มือเศรษฐกิจ” ในรัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร” มาก่อนในยุคที่สุริยะและสมศักดิ์ ก็อยู่ที่นั่น

                สุริยะเคยบอกไว้ว่า “สามมิตร” ไม่ใช่ “3 ส.” และสมคิดไม่ใช่ ส.ที่สาม แต่ สมคิด คือ “มหามิตร”

                ในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดที่นายสุริยะยืนยันว่ากลุ่มสามมิตรไม่มีทางไปอยู่พรรคอื่นนอกจากพรรคพลังประชารัฐ เขายังเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ของเขากับนายสมคิดในการร่วมกันตั้งพรรคพลังประชารัฐอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรกด้วย

                "ตามที่ผมเคยเรียนว่าผมกลับมาทำงานการเมืองใหม่ครั้งนี้ทั้งที่เลิกไปเป็นสิบปี เพราะท่านสมคิดขอให้ผมช่วย โดยท่านรองสมคิดบอกว่าต้องการทำพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ให้เป็นทางเลือกใหม่ของประชาชน โดยพรรคที่จะตั้งขึ้นมาใหม่จะเป็นมิตรกับทุกพรรค จะแข่งขันกับพรรคอื่นๆ โดยเอานโยบายที่เป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน เพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง หลุดพ้นจากวังวนความขัดแย้ง ดังนั้นเมื่อผมร่วมทำงานกับท่านตั้งแต่ยังไม่มีชื่อพรรค ยังไม่มีอดีตส.ส.สักคน จนขณะนี้มีความเป็นปึกแผ่น ผมจะนำกลุ่มสามมิตรไปสังกัดพรรคอื่นได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ”

 

                ก่อนหน้านี้ “สมคิด” พยายามแยกตัวเองออกมาจากการตั้งพรรคพลังประชารัฐ และกลุ่มสามมิตร ถึงแม้ว่าล่าสุด 4 รัฐมนตรีที่ไปเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐล้วนเป็น “คนใกล้ชิด” นายสมคิดทั้งนั้น

                “ทุกคนเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น และไม่ใช่แค่สามมิตร เป็นมวลหมู่มหามิตรเลย เป็นเพื่อนฝูงกันทั้งนั้น วงการเมืองคือเพื่อนๆ กัน แต่ขอร้องอย่าชี้นำว่าจะมารวมกันได้หรือไม่...ไม่ต้องมาถามเรื่องการเมือง เพราะส่วนตัวไม่ได้เข้าไปยุ่งหรือเกี่ยวข้องด้วย” สมคิดเคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

 

(อ่านต่อ..."สมคิด" ลั่น ไม่มีเอี่ยว "สามมิตร")

                สำหรับพรรคพลังประชารัฐที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา มีรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรี “บิ๊กตู่” มาร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรค 4 คน คือ “อุตตม สาวนายน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหัวหน้าพรรค “สนธิรัตน์ สนธิจริวงศ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นเลขาธิการพรรค “สุวิทย์ เมษินทรีย์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เป็นรองหัวหน้าพรรค และ “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นโฆษกรัฐบาล

 

(อ่านต่อ... 4 รมต. "ประยุทธิ์" เปิดหน้าร่วมงาน พลังประชารัฐ)

 

                ตอนนี้ทั้ง 4 รัฐมนตรีกำลังเจอกระแสกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่ทั้งสี่ยังคงยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า “ยังไม่ลาออก” ที่ก่อนหน้านี้นายอุตตม เคยบอกว่า จะลาออกเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ล่าสุด รมต.กอบศักดิ์ ถึงกับต้องพาทีมนักข่าวขึ้นไปดูถึงห้องทำงานเพื่อดับข่าวลือที่ว่าเก็บข้าวเก็บของเตรียมลาออก

                ขณะที่นายสมคิดเอง ออกมาสนับสนุนการไปทำพรรคของ 4 รัฐมนตรี และสนับสนุนให้ทำหน้าที่รัฐมนตรีต่อไป ยังไม่ต้องลาออก แต่ก็ยังคงวางระยะห่างของตัวเองไว้เหมือนเดิม

                “สุริยะ” สงวนท่าทีในการแสดงความเห็นเรื่องเสียงเรียกร้องให้ 4 รัฐมนตรีลาออก โดยบอกว่าก็คงเป็นไปตามที่นายอุตตมบอก คือ “จะลาออกเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม”

                ส่วนกระแสข่าวว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตรอีกคนเครียดเพราะตอนนี้มีโผผู้สมัครส.ส.หลายโผจากหลายกลุ่มนั้น นายสุริยะบอกว่า “ผมคิดว่าเป็นความเครียดที่มีความสุขนะครับ แสดงให้เห็นว่าเป็นความสำเร็จของท่านสมคิด ท่านอุตตม ท่านสนธิรัตน์นะครับ รวมถึงลูกทีมของท่านอีกหลายท่านที่สามารถทำให้พรรคพลังประชารัฐเป็นที่นิยมชมชอบของประชาชน จึงเป็นเหตุให้มีผู้อาสาสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐจนทำให้เกิดเขตทับซ้อน"

                สุริยะบอกต่อว่า ปัญหาเช่นนี้เป็นปัญหาที่พรรคต่างๆ อยากให้เกิดขึ้น เพราะจะทำให้พรรคสามารถหาผู้สมัครที่จะเป็นตัวแทนที่ดีที่สุด เมื่อสามารถหาผู้สมัครที่ดีที่สุด พรรคนั้นก็สามารถได้รับเลือกตั้งเข้ามาจำนวนมาก ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทำให้กลุ่มสามมิตรสามารถส่งตัวแทนเข้าไปร่วมบริหารประเทศได้ ฉะนั้นจึงบอกว่าเป็นความเครียดที่มีความสุข

                “ที่มีข่าวว่ามีเขตทับซ้อนหลายเขตก็เป็นเรื่องจริง เพราะตอนนี้มีหลายกลุ่มอยากเข้ามาเสนอตัวให้ผู้สมัครของตัวเองได้เป็นตัวแทนลงสมัคร ส.ส. ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาก็ได้พูดคุยกับท่านสมศักดิ์ ก็เห็นตรงกันว่าให้ทำโพลล์ ในกลุ่มสามมิตรเองเข้ามาเยอะๆ เราก็ทำโพลล์ คนไหนที่ดีที่สุด ซึ่งแนวทางของพรรคพลังประชารัฐก็จะทำแบบนี้ ฉะนั้นปัญหานี้ก็จะเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายยอมรับกันได้เขตไหนที่มีความทับซ้อนกัน ซึ่งผู้สมัครแต่ละคนก็มีจุดอ่อนจุดแข็งต่างกัน ฉะนั้นวิธีที่เป็นธรรมที่สุดคือไปทำโพลล์ว่าชาวบ้านคิดเห็นอย่างไร ว่าผู้สมัครสองคนหรือสามคนนี้ที่มีเขตทับซ้อนกันอยากจะเลือกใครเพื่อส่งแข่งกับพรรคอื่นๆ”

                สุริยะบอกว่าจะใช้สวนดุสิตโพลเข้าไปทำโพลล์ให้ และเขายังเปิดเผยด้วยว่าสวนดุสิตโพลเคยมาทำโพลล์ให้ทางกลุ่มหลายครั้งหลายพื้นที่แล้ว ซึ่งรวมถึงครั้งที่เคยมีเอกสารหลุดออกมาว่ามีการไปทำโพลล์ในพื้นที่ภาคอีสานเมื่อไม่นานมานี้

                “ถ้าจำได้เมื่อประมาณ 1 เดือนที่แล้วที่มีข่าวว่าโพลล์ปลอมหรือเปล่าที่เป็นข่าว ที่รัฐมนตรีออกมาว่าเขาไม่ได้อยู่ในพรรคนี้ ทำไมมีผลสำรวจว่าเขาไปอยู่พรรคนี้ ความจริงคือเราอยากจะไปสำรวจที่มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยส่งใครลง ส่งเสาไฟฟ้าลงก็จะได้รับเลือก เราก็จะดูว่าจริงหรือไม่จริง ก็เลยเอาผู้สมัครที่มีชื่อเสียงลองไปอยู่พรรคอื่น ซึ่งเมื่อย้ายพรรคปรากฏว่าประชาชนก็เลือกผู้สมัครคนนั้นแสดงว่าตัวบุคคลมีความสำคัญพอสมควร แสดงว่าที่ต่างจังหวัดชาวบ้านค่อนข้างจะผูกพันกับตัว ส.ส.”

                สุริยะบอกว่า ตอนนี้ทุกฝ่ายพยามยามเสนอตัวผู้สมัครมาที่นายอุตตม และนายสนธิรัตน์ ที่เป็นหัวหน้าและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐทั้งสองคนนี้จะเป็นศูนย์รวบรวมจากทุกกลุ่มการเมืองรวมทั้งกลุ่มสามมิตรซึ่งบางครั้งก็มีการมาขอให้ตนช่วยทำโพลล์ให้

 

(อ่านต่อ..."อุตตม" ยันไม่ลาออก รมต. ขอรอเวลาเหมาะสม)

 

                สุริยะให้ข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของเขากับพรรคพลังประชารัฐอีกว่า เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา ก็เพิ่งไปรับประทานอาหารกับนายสนธิรัตน์ และยืนยันว่า “กลุ่มบ้านริมน้ำ” ของนายสุชาติ ตันเจริญ ที่มีข่าวว่าอาจจะไม่มาอยู่พรรคพลังประชารัฐแล้ว แต่จะไปอยู่พรรคภูมิใจไทยแทน ยังคงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ โดยบอกว่าเป็นข้อมูลที่ได้จากนายสนธิรัตน์

                แม้จะมีกระแสข่าวว่า “เซียนการเมือง” ระดับ สมศักดิ์ สุริยะ ไม่ค่อยแฮปปี้นักที่ต้องมาดีลกับ “น้องใหม่ทางการเมือง” อย่าง อุตตม และสนธิรัตน์ แต่ สุริยะ ก็แสดงท่าทีชื่นชมเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ 

                “ท่านสนธิรัตน์เป็นมือประมาณสิบทิศ เมื่อวาน (3 ต.ค.) ก็มีโอกาสได้นั่งทานข้าวกับท่าน กับผู้ใหญ่บางท่านผมฟังที่ท่านสนธิรัตน์อธิบายถึงตัวผู้สมัครแต่ละเขตที่มีความซ้ำซ้อนกันว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรท่านจำรายชื่อได้หมดเกือบทุกคน ในทุกเขต ผมประทับใจมาก ผมยังจำไม่ได้เลย ท่านรู้ในรายละเอียดมากๆ แต่ละคนมีจุดแข็งอย่างไร มีประวัติมาอย่างไร คราวที่แล้วคะแนนเสียงเท่าไร เทียบกับคนนี้เป็นอย่างไร มีข้อมูลที่ชัดเจน เป็นจุดแข็งของท่านเลย และสามารถประสานได้กับทุกกลุ่ม”

                สุริยะไม่ได้บอกว่า “ผู้ใหญ่บางท่าน” ที่ร่วมวงรับประทานอาหารด้วยพร้อมนายสนธิรัตน์ คือใคร แต่บอกว่าไม่ใช่นายอุตตมซึ่งติดภารกิจอื่น

                ฟังจากปากคำ “สุริยะ” แล้ว การออกมาเปิดเผยชัดๆ ถึงความร่วมมือของเขากับ “สมคิด” น่าจะสามารถสยบข่าวที่ว่ากลุ่มสามมิตรจะชิ่งจากพรรคพลังประชารัฐได้

                แต่ถ้าถามถึงกระแสความไม่ลงรอยกันของดีลการเมืองระหว่าง “เซียนการเมือง” กับ “น้องใหม่ทางการเมือง” คงต้องดูกันต่อไป !!

 

===============

โดย สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

 

(อ่านต่อ..."สมคิด"หนุน"บิ๊กตู่"นายกฯต่อ)

 

(อ่านต่อ...ไผเป็นไผ "มวลหมู่มหามิตร" ฉบับ "ส.สมคิด")