กลยุทธ์ "หอกคู่" "เพื่อไทย-เพื่อธรรม" ร่วมด้วยช่วยโกยแต้ม?

          เป็นไปตามข่าวปล่อยว่า “เจ๊แดง” ปั้นพรรคเพื่อธรรม แม้หัวหน้าพรรคจะไม่ใช่ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” แต่การปรากฏตัวของ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็บอกว่า ใช่เลย..ตัวแทนวังบัวบานขนานแท้

สมพงษ์ อมรวิวัฒน์

          ส่วน “พงศกร อรรณนพพร” อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.ขอนแก่นหลายสมัย ก็ลูกหม้อไทยรักไทยคนหนึ่ง ตอนหลังก็ส่งภรรยา-ดวงแข ลง ส.ส.เขต

          สำหรับ “สมพงษ์” มาปักหลักสนามเชียงใหม่ตั้งแต่สมัยพรรครวมไทย ของพ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรรณ เมื่อ ทักษิณ ชินวัตร ตั้งพรรคไทยรักไทย ก็โดดเข้ามาช่วย “เจ๊แดง” จัดทัพภาคเหนือ และพักหลังส่งลูกชายลง ส.ส.เขต 6 เชียงใหม่ คือ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” (สามีของวิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ อดีตส.ส.เชียงราย) 

          อันที่จริง พรรคเพื่อธรรม ไม่ใช่พรรคที่เพิ่งยื่นจดทะเบียน พรรคนี้ก่อตั้งเมื่อปี 2553 ก่อนการเลือกตั้งทั่วไป 2554 ได้ย้ายที่ทำการพรรคจากปทุมธานีมาอยู่ที่อาคารมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย ย่านนางเลิ้ง

          วัลลภ สุปริยศิลป์ อดีต ส.ส.น่าน 8 สมัย พรรคไทยรักไทย (พรรคพลังประชาชน) ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม เมื่อปี 2554 และสื่อหลายสำนักวิเคราะห์ตรงกัน พรรคเพื่อธรรมเป็นพรรคอะไหล่ทางการเมือง

          ตอนเลือกตั้ง 2557 พรรคเพื่อธรรม ส่งผู้สมัครส.ส.ด้วย เนื่องจากมีหลายพรรคบอยคอตการเลือกตั้ง บังเอิญเลือกตั้งโมฆะ เลยไม่ทราบว่าเวลานั้น พรรคเพื่อธรรมได้เก้าอี้ ส.ส.หรือไม่?

          เมื่อวัลลภ อดีตส.ส.น่าน เสียชีวิต พล.ต.ต.จรัญ ชิตะปัญญา อดีตนายทหาร ตท.10 เพื่อนร่วมรุ่นกับทักษิณ ชินวัตร ก็นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อธรรม มาแต่ปี 2557

          กระทั่งสองสามเดือนที่แล้วมีการพูดถึงพรรคเพื่อธรรมในฐานะพรรคสำรองอีกครั้ง ตามมาด้วยการแจกสารการนัดหมายประชุมใหญ่ของพรรคที่เชียงใหม่

         ก่อนการประชุมใหญ่เมื่อ 30 กันยายน 2561 มีข่าวปล่อย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะนั่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม โดยอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ในภาคเหนือและภาคอีสานจะย้ายมาอยู่พรรคนี้ เพราะเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยถูกยุบแน่

ภาพจากเฟซบุค พรรณี เพชรอุเทน

          จริงๆ แล้ว กลยุทธ์นี้ไม่ใช่การป้องกันกรณียุบพรรค หากแต่เป็นการเก็บแต้ม “ปาร์ตี้ลิสต์ที่หายไป” จากพรรคเพื่อไทยให้มาอยู่พรรคเพื่อธรรม 

          เมื่อเลือกตั้ง 2554 กติกา ส.ส.เขต 400 คน บัญชีรายชื่อ 100 คน ปรากฏว่า พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เขต 204 เขต และปาร์ตี้ลิสต์ 61 คน แต่การเลือกตั้ง 2562 มีบัตรใบเดียว และมีการคิดปาร์ตี้ลิสต์แบบใหม่ ยิ่งได้ ส.ส.เขตมากเท่าไหร่ บัญชีรายชื่อก็หายมากเท่านั้น 

          ฉะนั้นถ้าพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เขตเต็มจำนวน เมื่อหารด้วยจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ทั้งหมด หารด้วยจำนวนคน 500 คน เฉลี่ยผู้แทนต่อเขตอาจจะทำให้ผู้แทนปาร์ตี้ลิสต์หายเกลี้ยง

          ด้วยเหตุนี้ผู้อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทยจึงงัดกลยุทธ์ “หอกคู่” สู่สมรภูมิเลือกตั้ง ป้องกันคะแนนหล่นหาย เก้าอี้ลดฮวบ โดยนำอดีต ส.ส.อาวุโส ที่เคยลงปาร์ตี้ลิสต์ ไปลง ส.ส.เขต ในสีเสื้อพรรคเพื่อธรรม 

          เขตเลือกตั้งหนึ่งจะมีผู้สมัครส.ส.ทั้งเพื่อไทยและเพื่อธรรม โดยเพื่อไทยได้เก้าอี้ ส.ส.เขต แต่เพื่อธรรมก็ได้แต้มปาร์ตี้ลิสต์ 

          เป้าหมายของเพื่อธรรมจึงเน้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคอีสาน ที่อดีตสองนายกฯ “สองพี่น้อง” ได้รับความนิยมสูงสุด และเพื่อไทยมีคะแนนนำโด่ง 

          หลังเลือกตั้งจำนวนส.ส.เขตพรรคเพื่อไทย รวมส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อธรรม อาจมีจำนวน ส.ส. มากพอที่จะต่อรองทางการเมืองได้

          ว่ากันตามจริง หากคิดจะให้พรรคเพื่อธรรมเป็นพรรคสำรอง ถ้าเกิดอุบัติเหตุมีการยุบพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นจำเป็นต้องชูนักการเมืองอาวุโสอย่าง “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค

          เหนืออื่นใดพรรคเพื่อไทยคงไม่อยากทิ้งคะแนนเปล่าๆ ปลี้ๆ ไปให้ “พรรคอนาคตใหม่” และ “พรรคเสรีรวมไทย”