พรรคที่น่าจับตาตอนนี้ คือ พรรคภูมิใจไทย กำลังซุ่มเงียบดูดอดีต ส.ส.เข้าพรรคอยู่ไม่แพ้พรรคพลังประชารัฐ
เปิดตัวไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่อลังการสมกับเป็นพรรคที่จะหนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง สำหรับพรรค“พลังประชารัฐ”
หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคก็เป็นไปตามโผที่ออกมาก่อนหน้านี้ คือ “อุตตม เสาวนายน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมีอีกสองรัฐมนตรีมาร่วมด้วยคือ “สุวิทย์ เมษินทรีย์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นรองหัวหน้าพรรค และ “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ มาเป็นโฆษกพรรค
ทั้งสี่คนนี้เป็นรัฐมนตรีที่ใกล้ชิด “รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ซึ่ง อุตตม บอกว่า “สมคิด” จะมาเป็น "ที่ปรึกษาทางใจ"
พรรคนี้จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ หรือไม่นั้น อุตตม บอกว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูด ขณะที่ สนธิรัตน์ บอกว่าตามหลักประชาธิปไตย เมื่อพรรคเลือกนายอุตตมเป็นหัวหน้าพรรค ดังนั้นพรรคก็ต้องสนับสนุนชื่อนายอุตตมเป็นนายกฯ แน่นอน
"อุตตม" ยันไม่ลาออก รมต. ขอรอเวลาเหมาะสม
คนที่พูดว่าพรรคนี้จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯแน่นอน กลับเป็น “แรมโบ้อีสาน” สุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา ที่จะมาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังรอเวลาอยู่ซึ่งคาดว่าจะเป็นปลายเดือนตุลาคม บอกชัดเจนว่าพรรคพลังประชารัฐจะสนับสนุนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ลำดับที่ 1
การเปิดตัวของพรรคพลังประชารัฐเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (29 ก.ย.) ที่ไม่มีแกนนำกลุ่มสามมิตรตัวหลักอย่าง สมศักดิ์ เทพสุทิน และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มาร่วมด้วย อาจจะทำให้เกิดข้อสงสัยว่ายังไงกันแน่ แต่ในความเป็นจริงก็ต้องบอกว่า แม้ตัวไม่มาแต่ก็มีตัวแทนของทั้งสองคนมาร่วมด้วย
ตัวแทนของสมศักดิ์ ก็คือ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ส่วนสุริยะ ส่ง “พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานฝ่ายบริหารสนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สท์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ หลานชายมาร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรค
ที่ปรากฏตัวชัดเจนอีกส่วนคือตระกูล “คุณปลื้ม” ที่ส่งอิทธิพล คุณปลื้มมาเป็นกรรมการบริหารพรรค และมีข่าวว่าในการเลือกตั้ง “สนธยา คุณปลื้ม” นายกเมืองพัทยาคนใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ของบิ๊กตู่ จะส่งภรรยา คือ “สุกุมล คุณปลื้ม” ดีกรีอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในช่วงที่นายสนธยา ถูกเว้นวรรคการเมือง มาลงสมัคร ส.ส.ชลบุรี
นั่นคือในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ
ส่วนพรรคอื่นๆ ที่ต้องจับตาต่อไปในเกมเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะอยู่อีกที่ 3 พรรคหลัก
พรรคหนึ่งสองน่าจะรู้กันอยู่แล้วคือพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนอกจากเรื่อง “หัวหน้าพรรค” และ “ผู้ที่พรรคจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ” ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
พรรคเพื่อไทยนัดประชุมใหญ่เพื่อรับรองข้อบังคับพรรคให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่ในสัปดาห์นี้ คือวันที่ 3 ตุลาคม จากนั้นจะทอดเวลาไปอีกเกือบเดือนก่อนจะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันที่ 28 ตุลาคม
ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยเตรียมหมากสำรองไว้ด้วยกรณีที่พรรคถูกยุบคือ “พรรคเพื่อธรรม” แต่ถึงที่สุด หากพรรคเพื่อไทยถูกยุบในช่วงเวลาที่ทำให้สมาชิกพรรคย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ได้ไม่ครบ 90 วันก่อนวันเลือกตั้ง ก็ไม่เกิดประโยชน์
ข้อเสนอให้ยกเลิกข้อบังคับเรื่องผู้สมัครส.ส.ต้องสังกัดพรรค 90 วัน จึงไม่ใช่เรื่องที่จู่ๆ ก็เสนอขึ้นมา แต่ถ้าไม่มีเงื่อนไขนี้ เพื่อไทยจะสบายตัวขึ้นอีกมาก
"สมพงษ์ อมรวิวัฒน์"นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อธรรม
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้สาละวนอยู่กับการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งกว่าจะได้คาดว่าจะเป็นเดือนพฤศจิกายน
ถึงแม้ว่า “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” จะประกาศท้าชิง โดยมีการเปิดตัวกลุ่มเพื่อนหมอวรงค์ ที่นำโดย ถาวร เสนเนียม และวิทยา แก้วภราดัย อดีตแกนนำ กปปส. คนสนิท “สุเทพ เทือกสุบรรณ” แต่คอการเมืองยังฟันธงว่าด้วย “ชื่อคนละชั้น กระดูกคนละเบอร์” ก็น่าจะทำให้“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคได้อีกรอบ
เอาจริง? "หมอวรงค์" ชิงหัวหน้าประชาธิปัตย์
ส่วน “อลงกรณ์ พลบุตร” ผู้ที่วันนี้มีสภาพเป็น “ข้าวนอกนา” แม้จะมาชิงตำแหน่งจริง ก็คงจะได้แค่เพิ่มสีสันในสนามแข่งเท่านั้น
“อลงกรณ์" ยื่น 5 กฎเหล็กถ้าอยากให้เป็นหัวหน้าปชป.
อีกพรรคต่างหากที่น่าจับตาตอนนี้กำลังซุ่มเงียบแอบดูดอดีต ส.ส.เข้าพรรคอยู่ไม่แพ้พรรคพลังประชารัฐ คือ พรรคภูมิใจไทย
วันอังคารนี้ (2 ต.ค.) จะมีการประชุมใหญ่เพื่อรับรองข้อบังคับพรรคตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ และเลือกกรรมการบริหาร ซึ่งตำแหน่งหลักๆ ก็จะยังเป็นเหมือนเดิม คือ “อนุทิน ชาญวีรกูล” และเลขาธิการพรรค คือ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” น้องชายเนวิน ชิดชอบ
แต่ที่ต้องจับตาคือกลุ่มการเมืองที่จะเข้ามาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยโดยเฉพาะ “ตระกูลสะสมทรัพย์” กลุ่มการเมืองใหญ่แห่งนครปฐมที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนทาง คสช.จะเทียวไล้เทียวขื่ออยากได้มาร่วมงาน
ล่าสุดมีข่าวว่ากลุ่มสะสมทรัพย์จะมาอยู่พรรคภูมิใจไทยถ้าเป็นจริงก็ต้องถือว่าวิน-วิน ด้วยกันทั้งสามฝ่าย
แม้กลุ่มสะสมทรัพย์จะไม่กระโดดมาอยู่พลังประชารัฐซะทีเดียว แต่การยอมเดินออกจากพรรคเพื่อไทย ก็ส่งผลให้พรรคเพื่อไทย “เล็กลง” เป็นไปตามเป้าของฝ่ายคสช.เช่นกัน
สำหรับกลุ่มสะสมทรัพย์ ก็ถือเป็นคนกันเองกับ “เนวิน ชิดชอบ” เพราะเมื่อครั้งที่เนวินเจอวิบากกรรมทางการเมืองหลังกรณีจับซื้อเสียงเลือกตั้งที่บุรีรัมย์ พรรคเอกภาพของตระกูลสะสมทรัพย์ขณะนั้นก็รับเป็นที่พักพิงให้ตระกูล “ชิดชอบ”
อีกกลุ่มคือ “กลุ่มบ้านริมน้ำ” ของสุชาติ ตันเจริญ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐล่าสุดมีข่าวว่าเปลี่ยนใจมาที่ภูมิใจไทย ซึ่งสุชาติ และเนวิน ก็ใกล้ชิดกันมาตั้งสมัยเป็น “ส.ส.กลุ่ม 16”
นอกจากนี้ยังมีอดีตส.ส.เด่นๆ ในหลายพื้นที่ตกลงปลงใจที่จะมาอยู่ด้วย เช่น “ชาดา ไทยเศรษฐ์” อดีตส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคชาติไทยพัฒนายุคสิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” ประกาศวางตัวให้เป็นหนึ่งในกลุ่มเลือดใหม่ของพรรค แต่สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนใจ
“ชาดา” ให้เหตุผลของการตัดสินใจย้ายพรรคว่าเป็นเรื่องของ “เวลาการเมือง”
อีกคนแม้อาจจะไม่หวือหวาเท่าชาดา แต่ก็น่าพูดถึงคือ “ลูกยอด- ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์” ทายาทอดีตผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองแห่งเมืองชาละวัน คือ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ตัดสินใจร่วมหอลงโรงกับพรรคภูมิใจไทยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีอดีตส.ส.แถว 2-3 อีกจำนวนมากที่จะมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งก็ถือว่าเป็นกลยุทธ์เดียวกันกับพลังประชารัฐ คือกวาดอดีต ส.ส.แถว 2-3 มาให้ได้มากๆ เพื่อเก็บคะแนนสะสมเป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
ถึงวันนี้ภูมิใจไทยน่าจะเป็นพรรคหนึ่งที่ได้เป็นรัฐบาลแน่หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ว่าปีกไหนจะได้จัดตั้งรัฐบาล การสังกัดพรรคภูมิใจไทยหาเสียงไม่ยาก และเดินเกมไม่เป็นศัตรูกับใคร
จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะเห็นว่า “พรรคภูมิใจไทย” กำลังเนื้อหอม...
=================
โดย สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง