คอลัมนิสต์

แค่ฝีมืออย่างเดียวไม่พอลัดฟ้าจับแก๊งคอลล์ต้องมีคอนเนกชั่นดี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แค่ฝีมืออย่างเดียวไม่พอ ลัดฟ้าจับแก๊งคอลล์ ต้องมีคอนเนกชั่นชั้นดี : คอลัมน์.... เจาะประเด็นร้อน  โดย...  ทีมข่าวอาชญากรรม

 

          “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” มีมานานกว่า 10 ปี ที่ผ่านมาถูกตำรวจกวาดล้างจับกุมได้หลายขบวนการ มีผู้ร่วมกระทำผิดทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะแก๊งของ จีน ไต้หวัน และ มาเลเซีย ซึ่งถือเป็น “อาชญากรรมข้ามชาติ” !! แม้ประชาชนจะรับรู้ถึงกลลวงของขบวนการนี้จากการนำเสนอข่าวของสื่อเรื่อยมา แต่ยังคงมีผู้คนมากมายตกเป็นอยู่ตลอดจนถึงปัจจุบัน เหมือนยิ่งปราบยิ่งเยอะ ส่วนหนึ่งเพราะแก๊งเหล่านี้พัฒนาวิธีการหลอกลวงให้แนบเนียนมากขึ้น โดยเฉพาะการแอบอ้างเป็นหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ หรือข่มขู่ให้หวาดกลัว

แค่ฝีมืออย่างเดียวไม่พอลัดฟ้าจับแก๊งคอลล์ต้องมีคอนเนกชั่นดี

 

          ในห้วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ มักจะมีข่าวอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน แทบจะเรียกได้ว่ามีเหยื่อถูกตุ๋นรายวัน เนื่องจากขบวนการเหล่านี้มีการเปลี่ยนวิธีการหลอกในรูปแบบใหม่ๆ หากจะแฉกลลวงหลอกให้โอนเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า จะมาในลักษณะข้อความเสียงอัตโนมัติ หรือโทรไปเองและแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ อาทิ ตำรวจ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ศาล ธนาคาร ไปรษณีย์ ฯลฯ สร้างเรื่องให้เหยื่อหลงเชื่อ สร้างความแนบเนียน โดยใช้เครื่องมือแปลงสัญญาณโทรศัพท์เป็นหมายเลขของส่วนราชการ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงมาใช้ในการโทรศัพท์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือ เครื่องวีโอไอพี VOIP (Voice Over Internet Protocol) เพื่อให้เกิดความซับซ้อนยากแก่การติดตาม จากนั้นให้เหยื่อโทรไปเช็กเพื่อยืนยันว่าเป็นเบอร์ของส่วนราชการจริง แล้วส่งสายให้พูดคุยเป็นทอดๆ พอเหยื่อถูกตุ๋นเปื่อยจนหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของเครือข่าย ก็จะมีชาวต่างชาติที่แฝงตัวมาในฐานะนักท่องเที่ยว หรือ “ม้ากดเงิน” ทำการกดเงินออกโดยทันที แล้วโอนต่อไปให้หัวหน้าแก๊งที่ฐานปฏิบัติการในต่างประเทศ

 

แค่ฝีมืออย่างเดียวไม่พอลัดฟ้าจับแก๊งคอลล์ต้องมีคอนเนกชั่นดี

 

 

          ด้วยเหตุนี้ตำรวจไทยจึงอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ออกคำสั่งตั้ง “ศูนย์ป้องกันและปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่อิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” หรือ “ศป.ฉปทน.ตร.” ที่มี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ เพราะถึงแม้จะจับกุมมามากมาย แต่ต้องการกวาดล้างชนิด “ขุดรากถอนโคน” เพื่อตัดวงจรเครือข่ายขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติในรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป จะได้ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนอีกต่อไป จนทุกวันนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือเครือข่ายที่ตั้งฐานปฏิบัติการในไทยต้องย้ายฐานไปประเทศเพื่อนบ้านแทน แต่ยังสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนในประเทศไทย จึงต้องยกทีมขนกำลังบินลัดฟ้าข้ามน้ำข้ามทะเลตามไปกวาดล้างถึงต่างแดน..!!

 

แค่ฝีมืออย่างเดียวไม่พอลัดฟ้าจับแก๊งคอลล์ต้องมีคอนเนกชั่นดี

 

          ทันทีที่ตั้ง ศป.ฉปทน.ตร. ขึ้น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศป.ฉปทน.ตร. ก็ไม่รีรอ ระดมทีมงานนักสืบมากฝีมือจากหลายหน่วยงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำการสืบ “ทางอากาศ” ด้วยอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือจากเทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งสามารถแกะรอยถึงฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศ ก่อนจะส่งทีมงานเดินทางไปเฝ้าโฟกัสจุดเพื่อล็อกเป้าหมายที่ชัดเจน จากนั้นประสานส่วนราชการในประเทศนั้นๆ เพื่อบุกเข้าจับกุม

          ปฏิบัติการบินลัดฟ้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในต่างแดนของทีม ศป.ฉปทน.ตร. เริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 มกราคม กลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ถัดมาวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ก็เข้าปฏิบัติการที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จากนั้นวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ทีมปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปทลายฐานปฏิบัติการย่านศรีเปอร์ตาลิง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย อีกครั้ง ต่อมาวันที่ 19 มีนาคม ได้เข้าทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากนั้นวันที่ 31 มีนาคม แกะรอยไปจับกุมที่เมืองฉางโจว มณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน การขยายผลจับกุมเครือข่ายยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 25 พฤษภาคม บุกไปจับกุมได้ที่เมืองไถหนัน ซึ่งอยู่ตอนใต้ของประเทศไต้หวัน กระทั่งวันที่ 5 มิถุนายน ได้กลับไปทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศมาเลเซียเป็นครั้งที่ 3 โดยเข้าไปจับที่ย่านถนนมารี พิทเช รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย และล่าสุดวันที่ 14 มิถุนายน บุกไปจับกุมที่กลางกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ รวมผลการติดตามไปจับกุมแก๊งโทรตุ๋นถึงต่างแดน 8 ครั้ง และยังไม่ได้หยุดแค่นี้

 

แค่ฝีมืออย่างเดียวไม่พอลัดฟ้าจับแก๊งคอลล์ต้องมีคอนเนกชั่นดี

 

          พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ย้ำว่า ขบวนการนี้มักจะใช้รูปแบบเดิมๆ ในการข่มขู่เหยื่อให้หวาดกลัว อย่างเช่นที่พบเห็นบ่อยๆ คือ หลอกว่าเหยื่อมีบัญชีไปพัวพันกับขบวนการยาเสพติด หรือการฟอกเงิน รวมทั้งหลอกว่า เหยื่อมีหนี้สิน หากไม่โอนเงินออกจากบัญชี จะถูกอายัดเงินทั้งหมดทำให้สูญเสียเงิน ซึ่งที่ผ่านมาเหยื่อส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้หญิง อายุประมาณ 50 กว่าปีขึ้นไป ไม่ได้ทำอาชีพใด อยู่กับบ้าน เป็นแม่บ้าน หรือบุคคลที่เกษียณแล้ว ทำให้เกิดความกังวล เพราะเป็นเงินก้อนสุดท้ายของชีวิต กลัวจะไม่ได้ใช้ จนยินยอมโอนเงินออกจากบัญชีไป ซึ่งต้องขอย้ำว่าไม่มีสถาบันการเงินใดที่โทรศัพท์มาสอบถามข้อมูล หรือให้ส่งข้อมูลส่วนตัวทางโทรศัพท์อย่างแน่นอน

 

แค่ฝีมืออย่างเดียวไม่พอลัดฟ้าจับแก๊งคอลล์ต้องมีคอนเนกชั่นดี

 

          “เรามีทีมงานที่ดี ทั้งคนมีประสบการณ์ คนที่มีความรู้ความสามารถในด้านเทคโนโลยีในการทำคดีนี้ จนสามารถติดตามไปทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศได้ แต่การตามไปจับกุมที่ต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย แค่ฝีมือการสืบสวนอย่างเดียวไม่พอ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ต้องมี ยิ่งไปกว่านั้นส่วนใหญ่ที่สามารถตามไปจับกุมได้ในหลายๆ ประเทศเกิดจากคอนเนกชั่นส่วนตัวด้วย เช่นครั้งล่าสุดที่เราไปจับ ผมมีเพื่อนที่ฟิลิปปินส์ เรารู้จักกันเมื่อครั้งไปอบรมหลักสูตรเอฟบีไอด้วยกันที่สหรัฐอเมริกา เขาทำงานอยู่หน่วยปราบปรามการทุจริตฉ้อโกงของฟิลิปปินส์ ซึ่งงานจะคล้ายกระทรวงยุติธรรมของไทย แต่มีอำนาจในการจับกุม มีชุดปฏิบัติการ มีอาวุธ เมื่อเราสืบและมีเป้าหมายการกระทำผิดที่แน่ชัด ก็ไม่ยากที่ฝ่ายนั้นจะให้ความร่วมมือ ที่กัมพูชาก็เหมือนกัน ผมติดต่อกับทางผู้นำหน่วยงานตำรวจทหารของเขาตลอด ซึ่งที่นี่เข้มงวดและยากที่สุดในการเข้าไปจับในประเทศเขา ถ้าไม่มีคอนเนกชั่นคือจบ ส่วนที่มาเลเซียก็จะเป็นความสัมพันธ์และความร่วมมือกันระหว่างองค์กรตำรวจเป็นส่วนสำคัญ” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ อธิบาย

 

แค่ฝีมืออย่างเดียวไม่พอลัดฟ้าจับแก๊งคอลล์ต้องมีคอนเนกชั่นดี

 

          แน่นอนว่าความร่วมมือระหว่างประเทศต้องมีข้อแลกเปลี่ยน โดยหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศป.ฉปทน.ตร. ระบุว่า การไปจับกุมคดีฉ้อโกงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในแต่ละประเทศ เพื่อนำคนไทยที่กระทำผิดกลับมาดำเนินคดีที่ไทยนั้น ก็เพราะเห็นใจ อย่างไรเสียการติดคุกที่ไทยก็ดีกว่าติดที่ต่างประเทศ สำหรับข้อแลกเปลี่ยนของประเทศนั้นๆ คือประสานให้เราจับผู้ต้องหาส่งกลับให้เขาไปดำเนินคดี แต่ยืนยันว่าไม่มีแลกเปลี่ยนผู้ต้องหาคดีทางการเมือง ส่วนใหญ่จะเป็นคดีฉ้อโกง และอาชญากรรมทั่วไป

          ตำรวจให้ความมั่นใจว่าการปราบปรามกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะต้องหมดไปจากประเทศไทย เพราะเดินหน้าขยายผลตามไปจับถึงต่างประเทศ เพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนและเสียหายต่อคนไทย แต่การที่จะทำสำเร็จได้ก็ต้องมีคอนเนกชั่นชั้นดีระหว่างประเทศ ถือเป็นการทำงานตามแนวทาง วันเวิลด์ วันทีม หรือ ตำรวจหนึ่งเดียวทั่วโลก..!!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ