คอลัมนิสต์

อนาคตศึกษาไทยไกลกว่าทีแคสมหาวิทยาลัยเป้าชัด-เด็กรู้จักตนเอง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อนาคตศึกษาไทยไกลกว่าทีแคสมหาวิทยาลัยเป้าชัด-เด็กรู้จักตนเอง : คอลัมน์... เจาะประเด็นร้อน  โดย... ชุลีพร  อร่ามเนตร [email protected]

 

      “อยากให้พ่อแม่ทุกคนคิดว่าถ้าลูกสอบไม่ติดเข้ามหาวิทยาลัยจะทำอย่างไร พ่อแม่อย่าเอาความฝันตนเองไปไว้ที่ลูก” พรรณระพี สุทธิวรรณ

          แม้ทีแคสรอบ 3 รับตรงร่วมกัน ชนวนที่ทำให้เกิดกระแสต่อต้านทีแคส ขอให้ปรับเปลี่ยนระบบใหม่อีกครั้ง จะดำเนินการเสร็จสิ้นการรับทีแคสรอบ 3 แล้วนั้น แต่ความดราม่ายังมีให้เห็นเป็นระลอกๆ “ทีแคส-ทีใคร มองอนาคตการศึกษาไทย” จัดโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในเวทีจุฬาฯ เสวนาครั้งที่ 13

          ประเสริฐ คันธมานนท์ เลขาธิการที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวว่า การพัฒนาระบบการคัดเลือกนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยในไทย เริ่มต้นปี 2504 ระบบเอนทรานซ์ แก้ปัญหาเด็กเก่งตระเวนสอบ ต่อมาปี 2549 เริ่มต้นระบบแอดมิชชั่น เพื่อแก้ปัญหากวดวิชา ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเด็กเมืองและชนบท ต่อมาปี 2553 มีการปรับปรุงระบบแอดมิชชั่น มหาวิทยาลัยกำหนดค่าเอง แก้ปัญหาโรงเรียนปล่อยเกรด และมีปัญหารับตรงอิสระ และในปี 2561 เกิดทีแคส เพื่อแก้ปัญหาการวิ่งรอกสอบ ลดความเหลื่อมล้ำ และเด็กไม่อยู่ในชั้นเรียน ม.6      

 

อนาคตศึกษาไทยไกลกว่าทีแคสมหาวิทยาลัยเป้าชัด-เด็กรู้จักตนเอง

 

          สำหรับกระแสเกี่ยวกับทีแคสตอนนี้มี 2 ด้านสำคัญคือ ด้านหนึ่งมีการกั๊กที่นั่ง และอีกด้านคือเด็กยังไม่มีที่เรียน โดยเกิดจากทีแคสรอบ 3 รับตรงร่วมกัน ซึ่งขอยืนยันว่าทีแคสช่วยทำให้การกั๊กที่นั่งลดน้อยลง แต่การจัดลำดับคงไม่สามารถทำได้ เพราะมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งเกณฑ์ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดปัญหาทุกครั้ง ทปอ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้น

          ทีแคสเป็นการจัดระเบียบในสิ่งที่มหาวิทยาลัยเคยรับและซ่อนไว้มาเป็นข้อมูลสาธารณะ จึงทำให้เป็นที่มาของการเกิดปัญหามากมาย เพราะทุกคนไม่เคยรู้มาก่อน ส่วนทีแคสจะเปลี่ยนหรือไม่ในอนาคต ต้องถามมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง เพราะระเบียบต่างๆ เป็นไปตาม

 

 

อนาคตศึกษาไทยไกลกว่าทีแคสมหาวิทยาลัยเป้าชัด-เด็กรู้จักตนเอง


          มหาวิทยาลัยกำหนด ตอนนี้มีข้อมูลเยอะมากที่ไม่ได้เป็นข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเป็นโควตาพื้นที่ มีการกำหนดชัดเจนว่ามหาวิทยาลัยเปิดรับเฉพาะในพื้นที่เท่านั้น ไม่มีการเปิดรับเด็ก ม.6 ทั่วประเทศ 

          "ส่วนการแก้ปัญหาทีแคสรอบ 3 นั้น ในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน เช่น ปัญหารูปแบบที่ 3 กสพท.กันที่นั่ง ปีหน้าทปอ.จะจัดการปัญหานี้แน่นอน ตอนนี้เห็นวิธีแล้วแต่ต้องขอความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย ซึ่งจะทำได้มหาวิทยาลัยต้องช่วย รวมถึงจัดการเรื่องระยะเวลาให้ดีขึ้น เพราะขณะนี้รอบที่ 1 ไปจนถงรอบที่ 5 ใช้เวลานานเกินไป อย่างไรก็ตามอยากฝากเด็กทุกคนการเรียนสาขาไหน มหาวิทยาลัยไหนไม่เท่ากับการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีทักษะ มีความเข้มแข็งในด้านจิตใจว่าจะทำอะไรในอนาคต โดยใช้องค์ประกอบในอุดมศึกษามาทำให้ความฝันเป็นจริง” ประเสริฐ กล่าว

          “เด็ก61”หนูทดลองทีแคส
          มนัส อ่อนสังข์ บรรณาธิการข่าวการศึกษาและแอดมิชชั่น เว็บไซต์เด็กดีดอทคอม กล่าวว่า ทีแคสเป็นการบอกล่วงหน้าเพียง 4 เดือนแล้วใช้ทันที ทำให้เด็ก 61 หรือเด็กรุ่นนี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นหนูทดลอง เพราะไม่มีการนำไปทดลองแบบวิจัย แต่นำมาใช้ทางปฏิบัติจริงแก่เด็กม.6 และหลายคนมองว่าทีแคสทฤษฎีสวยแต่การจัดการไม่ดี เช่น ทีแคสต้องการให้เด็กม.6 อยู่ในชั้นเรียนจนจบการศึกษา ซึ่งทำให้เด็กกดดันมาก เพราะ 4 สัปดาห์หลังจบม.6 เด็กจะเข้าสู่การสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยทั้งหมด และเป็นการสอบหลายวิชา

 

อนาคตศึกษาไทยไกลกว่าทีแคสมหาวิทยาลัยเป้าชัด-เด็กรู้จักตนเอง


   
          อาทิ ถ้าเด็กต้องการสอบเข้าแพทย์ต้องสอบทั้งหมด 15 วิชา สอบเข้าเภสัชศาสตร์ต้องสอบ 18 วิชา เนื่องจากบางวิชาสอบซ้ำ 3 รอบ ส่วนการลดค่าใช้จ่ายในทางปฏิบัติกลับมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น การยื่นแฟ้มสะสมงานพบว่าแต่ละมหาวิทยาลัยกำหนดแฟ้มสะสมงานต่างกัน เด็กยื่นหลายที่ก็ต้องทำแฟ้มสะสมงานหลายเล่ม ทำให้เกิดธุรกิจจัดทำแฟ้มสะสมงาน หรือการห้ามมหาวิทยาลัยจัดสอบทำให้ต้องไปใช้คะแนนของหน่วยงานเอกชนที่จัดสอบ เช่น สมัครแพทย์ ใช้การสอบ BMAT ซึ่งค่าสมัครประมาณ 7,100 บาท เป็นต้น
  
          ปัญหาการกั๊กที่ตอนนี้เป็นการกั๊กแบบลูกโซ่ คือระบบทีแคสแต่ละรอบมีการกั๊กที่นั่งและกระทบไปสู่รอบอื่นๆ ซึ่งการกั๊กที่นั่งนั้น ในส่วนของกรุงเทพฯ เป็นการกั๊กคะแนนกั๊กคณะ แต่ของต่างจังหวัดกั๊กเป็นมหาวิทยาลัย ปัญหาการกั๊กที่นั่งซึ่งปัญหาติดที่นั่งได้มากกว่า 1 ที่นั่ง จริงๆ เด็กรับได้ แต่ทำไมไม่มีระบบตัวสำรอง และทีแคสกะทันหันเกินไป ทั้งเด็กและมหาวิทยาลัยเตรียมตัวไม่ทัน เช่น โควตาพื้นที่ แต่มหาวิทยาลัยเปิดให้เด็กม.6 ทั่วประเทศสมัครได้ หรือบางมหาวิทยาลัยเปลี่ยนเกณฑ์ฉุกเฉิน เปลี่ยนเกณฑ์ไม่บอก เด็กรู้สึกไม่ยุติธรรม เพราะจ่ายเงินไปเกณฑ์หนึ่งแต่มาคัดเลือกด้วยเกณฑ์หนึ่ง

 

อนาคตศึกษาไทยไกลกว่าทีแคสมหาวิทยาลัยเป้าชัด-เด็กรู้จักตนเอง


     
          “ปัญหาทีแคสเกิดจากการสื่อสารไม่ชัดเจน ตั้งแต่เกิดทีแคสเด็กก็มีความเครียด และสิ่งที่กังวลตอนนี้คือเด็กหลายคนเลือกคณะจากคะแนนที่ตัวเองติด แต่ไม่ได้เรียนคณะที่ตนเองชอบ นอกจากนั้นเด็กหลายคนต้องการซิ่วเพื่อไปเรียนปีนี้ ดังนั้นเข้าใจว่าระบบใดระบบหนึ่งทำให้เด็กพึงพอใจทั้งหมดได้ยาก แต่อยากให้ระบบดังกล่าวมีความยุติธรรมต่อเด็ก” มนัส กล่าว

          อนาคตการศึกษาไทยไกลว่าทีแคส
          อรรถพล อนันตวรสกุล นักวิชาการด้านการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ทีแคส มีมิติด้านอารมณ์ค่อนข้างสูง และทุกคนพยายามชี้นิ้วหาคนผิด ซึ่งจริงๆ แล้วระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยเป็นเพียงคัดเลือกคนเข้ามหาวิทยาลัยที่ปรับไปตามโจทย์ของประเทศ และเป้าหมายของมหาวิทยาลัยที่จะพัฒนาคนเพื่ออะไร เพราะขณะนี้มหาวิทยาลัยผลิตคนตามความต้องการตลาด หาผู้เรียนที่ดีที่สุดมาเรียน ทำให้ระบบการรับเข้าต้องปรับตาม และมหาวิทยาลัยต้องแย่งเด็กเข้ามาเรียนให้ได้
     
          ดังนั้นโจทย์ท้าทายที่ควรมองอนาคตการศึกษาไทยให้ไกลกว่าทีแคส คือ มหาวิทยาลัยต้องมีเป้าประสงค์ชัดเจนว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยอย่างไร และควรทำให้เด็กรู้ว่าตนเองอยากเป็นอะไร เพราะตอนนี้เมื่อโจทย์ไม่ชัด มหาวิทยาลัยไม่ชัด ทำให้ทปอ.ซึ่งทำงานบนเงื่อนไข ความคาดหวังของสังคม แต่มีผู้เล่นมหาวิทยาลัยบางแห่ง ไม่ทำตามกติกา และเด็กเองก็แทงกั๊ก ระบบก็ต้องปรับเปลี่ยนและเป็นปัญหาไปเรื่อยๆ
พ่อแม่อย่าเปิดประตูเดียวแก่ลูก
     

 

อนาคตศึกษาไทยไกลกว่าทีแคสมหาวิทยาลัยเป้าชัด-เด็กรู้จักตนเอง

 


          พรรณระพี สุทธิวรรณ คณบดีคณะจิตวิทยา จุฬาฯ กล่าวว่า ทีแคสเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นต่อทุกชีวิต เพราะเป็นเรื่องการแข่งขันและโอกาส ซึ่งเมื่อใดก็ตามจำนวนที่นั่งรับจำนวนคนไม่เท่ากัน ทุกคนจะเครียด โดยเฉพาะเด็กที่ผิดหวังซ้ำๆ ในการสมัครหลายรอบ เพราะเกิดวงจรที่ทำให้เด็กรู้สึกว่าคุณค่าของเด็กลดลง เพราะสังคมกำหนดว่าต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยเฉพาะพ่อแม่ ที่ทุกคนคิดว่าลูกต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ โดยที่ลืมมองว่ามีประตูอีกหลายทางให้เดิน  


          ดังนั้นอยากให้พ่อแม่ทุกคนคิดว่าถ้าลูกสอบไม่ติดเข้ามหาวิทยาลัยจะทำอย่างไร อย่าปล่อยให้ชีวิตของพ่อแม่และลูกอยู่ประตูเดียว และพ่อแม่ควรเป็นแบ็กอัพที่สำคัญของลูก พ่อแม่อย่าลงไปเล่นทีแคสเองเพราะทีแคสเกมของเด็กที่ต้องไปด้วยตนเอง พ่อแม่อย่าเอาความฝันของตนเองไปฝากลูกไว้ แต่พ่อแม่ควรบอกว่า รัก กอด ให้ความมั่นใจแก่ลูก ความสำเร็จในชีวิตคนมาจากความรู้ความสามารถ และความไม่ท้อถอย อย่าไปเปิดประตูเดียวให้ตนเอง เปิดไว้กว้างๆ และควรเปิดหลายประตู

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ