คอลัมนิสต์

"อย่าทำเหล้าเก่าในขวดใหม่" นะลุงตู่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"อย่าทำเหล้าเก่าในขวดใหม่" นะลุงตู่  : คอลัมน์...  กวาดบ้านกวาดเมือง โดย... ลมใต้ปีก 

          ปรากฏการณ์ข่าวที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติแต่งตั้ง สนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็นกุนซือรัฐบาลในตำแหน่งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านการเมือง และอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี นักการเมืองจากซุ้มชลบุรีที่มีนักโทษคนสำคัญเป็นบิดาคือ สมชาย คุณปลื้ม หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันในนาม ‘กำนันเป๊าะ’ ซึ่งเป็นผู้มากบารมีในภาคตะวันออก นับเป็นปรากฏการณ์ ‘ยี้’ อย่างหนึ่งทางการเมือง

          นักสังเกตการณ์ทางการเมือง ต่างทราบกันว่า พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา อยู่เบื้องหลังในการสนับสนุน ให้ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ไปก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ และรวบรวมนักการเมืองจากค่ายต่างๆ มาไว้ที่พรรคการเมืองแห่งนี้ ดังนั้นทุกครั้งที่มีข่าว สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไปเกี่ยวข้องกับการรวมรวมอดีต ส.ส. เช่นการติดต่อดึงตัว สมศักดิ์ เทพสุทิน แห่งกลุ่มวังน้ำยม สุชาติ ตันเจริญ แห่งบ้านริมน้ำ รวมทั้ง 4 กกปส.ที่นำโดย สกลธี ภัททิยกุล และล่าสุด กลุ่มพลังชลของ สนธยา คุณปลื้ม ทั้งหมดคือปรากฏการณ์ รวบรวมตัวอดีต ส.ส. เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อจะมีการเลือกตั้งและมีกลุ่มคนพยายามก่อตั้งพรรคการเมือง จะใช้วิธีโตทางลัดด้วยการกวาดต้อนอดีต ส.ส.เข้าพรรค 

          แทนที่จะตั้งพรรคการเมืองด้วยการหาบุคลากรใหม่ที่มีคุณภาพเข้ามาช่วยกันปฏิรูปการเมืองให้เป็นที่คาดหวังได้ของคนในสังคม สวนทางกับคำประกาศที่เป็นสัญญาประชาคมของคณะนายทหารชุดนี้ที่เข้ามายึดอำนาจรัฐเพื่อเร่งปฏิรูปสังคมไทยในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการเมืองที่ต่างรู้ดีว่าตกต่ำเพราะบรรดาอดีตนักการเมือง แต่กลับจะเลือกใช้บริการคนเหล่านั้นเพื่อมาต่อยอดอำนาจของตน ต้องมีความชัดเจนสำหรับพรรคพลังประชารัฐซึ่งกำลังถูกครหาว่าเป็นพรรคทหาร คล้ายๆ กับพรรคสามัคคีธรรมในอดีต ที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ในยุค พล.อ.สุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารบกในสมัยนั้น ตั้งพรรคสามัคคีธรรมและกวาดต้อนผู้คนเหล่านี้เข้ามาอยู่ในพรรค รวมทั้ง สนธยา คุณปลื้ม ในขณะนั้นด้วย

          สนธยา คุณปลื้ม เป็นนักการเมืองที่มี่ประวัติย้ายพรรคโชกโชนมาไม่ต่ำกว่า 4 ถึง 5 พรรคมาแล้วก่อนตั้งพรรคพลังชล ซึ่งพรรคสุดท้ายที่ไปอยู่คือพรรคไทยรักไทยของ ทักษิณ ชินวัตร เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า เกือบแทบทุกการเลือกตั้ง สนธยาจะย้ายพรรคตลอด เป็นนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่จะย้ายไปซบพรรคที่คิดว่าจะมีอำนาจ

          ถึงเวลานี้แล้วเมื่อตั้งใจจะลงสนามการเมืองหลังลิ้มรสอำนาจมาระยะหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่กำลังพยายามสร้างกลไกทางการเมืองมารองรังการสืบต่ออำนาจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด หากการสร้างกลไกนั้นไม่ไปเอาเปรียบกับพรรคการเมืองอื่นและปล่อยให้การแข่งขันเป็นธรรม เพราะท้ายที่สุด คนที่จะพิพากษาว่าท่านเหล่านี้จะสืบต่ออำนาจได้หรือไม่คือ ประชาชน ผู้เป็นเจ้าของประเทศ 
แต่การเริ่มต้นกวาดต้อนอดีตนักการเมืองซุ้มต่างๆ เข้าพรรค มันไม่ได้ทำให้นักสังเกตการณ์ทางการเมืองและประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยเห็นได้เลยว่าจะเป็นอนาคตที่ดีสำหรับสังคมการเมืองไทย ตรงกันข้ามเขามองว่าวงจรอุบาทว์ทางการเมือง ที่ใช้เงินซื้ออดีต ส.ส. และอดีต ส.ส.ใช้เงินไปซื้อเสียง และการเลือกตั้งจะตัดสินด้วยจำนวน “เงิน” กำลังจะกลับมา 

          ถ้าวิเคราะห์จากการสำรวจความนิยม หรือโพลล์ พบว่าทุกโพลล์ที่ออกมาในขณะนี้สำรวจดูแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์มีคะแนนนำในการที่จะชิงตำแหน่งนายกฯ คนต่อไปได้ แต่การที่ พล.อ.ประยุทธ์ไปเลือกเอาเหล้าเก่าในขวดใหม่นักการเมืองที่สังคมไม่ได้ชื่มชมมากเข้ามาในก๊วนในกลุ่ม แทนที่จะไปสร้างคนรุ่นใหม่ที่เป็นความหวังและเป็นอนาคตของประเทศ ทำให้ขณะนี้เสียงสะท้อนส่วนใหญ่อาจจะลังเลว่า พรรคพลังประชารัฐก็คงไม่ใช่พรรคทางเลือกใหม่ที่เป็นความหวังอีกต่อไป

          การเอานักการเมืองกลุ่มพลังชลมาซบกลุ่มพลังประชารัฐ อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย ถึงแม้ว่าหลังจากที่มีข่าวนี้ขึ้นมา สนธยา รวมถึงนักการเมืองกลุ่มพลังชลจะออกมาบอกว่า การได้รับแต่งตั้งตำแหน่งใหญ่โตในรัฐบาลชุดนี้ไม่มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยว เพราะอยากมาช่วยเรื่องระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เนื่องจากว่าตนเองเป็นนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่และมีความรู้ความสามารถดีจึงอยากเข้ามาช่วย แต่ขอบอกว่า “คนทั้งประเทศไม่เชื่อ” ที่ไม่เชื่อเพราะประวัติที่เล่ามาว่า สนธยาย้ายพรรคทุกครั้งในการเลือกตั้ง และจะไปซบกับผู้มีอำนาจ

          นี่คือปรากฏการณ์ที่คนทั้งประเทศเชื่อว่า เป็นปรากฏการณ์ในการดูด ส.ส.และเราอาจจะเห็นการดูดนักการเมืองรุ่นเก่าเข้าสู่พรรคพลังประชารัฐมากขึ้น ถ้าหากพรรคพลังประชารัฐไม่จัดการให้ดี และยังดึงดันเดินแนวทางนี้อาจจะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนอีกต่อไป แม้ว่าคนนิยม พล.อ.ประยุทธ์มากขึ้นเท่าไหร่ก็ตาม เพราะคะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์สวนกับการดึงอดีตส.ส.เข้ามา

          เพราะฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ต้องเลิกคิดดูดนักการเมืองโบราณเขามาในก๊วน ควรที่จะเดินหน้าปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง “อย่าเอาเหล้าเก่าในขวดใหม่” เพื่อสร้างอำนาจให้แก่ตนเอง ไม่เช่นนั้น พล.อ.ประยุทธ์แทนที่จะได้คะแนนเสียงจากคนรุ่นใหม่ที่เป็นคนส่วนมากของประเทศ กลับต้องสูญเสียเสียงข้างมากไป หากโชคร้ายก็อาจจะชวดเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนต่อไป

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ