ตามรอยบุพเพฯเรียนรู้ประวัติศาสตร์ส่งเสริมแต่งชุดไทย

 

          ชั่วโมงนี้ไม่มีออเจ้าคนไหน ไม่รู้จักละครอิงประวัติศาสตร์ไทย “บุพเพสันนิวาส” ที่มีกระแสฮิตฮอตทั่วบ้านทั่วเมือง กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จัดกิจกรรม “ตามรอยบุพเพสันนิวาส ศึกษาประวัติศาสตร์และวรรณกรรมสมัยอยุธยา" ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีคุณใหม่ สิริกิติยา เจนเซน ธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ร่วมตามรอย โดยได้เยี่ยมชมหมู่บ้านโปรตุเกส วัดพุทไธศวรรย์ และวัดไชยวัฒนาราม รวมถึงมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนกว่า 100 คน เดินทางตามรอยละครดัง ในพื้นที่โบราณสถานสำคัญใน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อปลุกกระแสให้ประชาชนหันมาให้ความสนใจประวัติศาสตร์ไทย

 

 

          จุดแรกที่ได้ไปเยี่ยมชมและรับฟังคำบรรยายภูมิสถานกรุงศรีอยุธยา ณ โบราณสถานป้อมเพชร ซึ่งในละครเป็นจุดที่คู่พระนางล่องเรือมาจากบ้านที่อยู่ใกล้กับวัดไชยวัฒนาราม และนางเอกได้โบกมือให้ทหาร และวัดอโยธยา ที่จะอยู่อีกฟากฝั่งห่างไกลออกไปจากบ้านพระเอก ซึ่งเป็นวัดที่พระเอกได้บวชเป็นพระนั่นเอง ต่อด้วยทัศนศึกษาวัดถนนจีน เข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา พระราชวังโบราณ วัดพระศรีสรรเพชญ์ และวัดมงคลบพิตร

 

 

          ต่อด้วย หมู่บ้านโปรตุเกส และวัดนักบุญเซนต์โยเซฟ ตบท้ายด้วยวัดไชยวัฒนาราม ที่มีฉากสำคัญหลายๆ ตอน ตั้งแต่ฉากเริ่มเรื่อง ที่เกศสุรางค์และเรืองฤทธิ์ได้มาหาข้อมูลทางโบราณคดีที่วัดแห่งนี้ จนพบเจอกับวิญญาณของการะเกด หรือแม้แต่ฉากที่การะเกดกำลังจะตาย ได้มองวัดนี้เป็นภาพสุดท้าย ซึ่งวัดดังกล่าวตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และมีนักท่องเที่ยวเข้าชมจำนวนมาก ก็ยังมีจุดอื่นๆ ที่ห้ามพลาด อาทิ ระเบียงคด, พระอุโบสถ, เมรุ, ภาพปูนปั้น, พระประธาน เป็นต้น เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ในช่วงเวลา 19.30-21.00 น. จะมีการเปิดไฟส่องไปยังโบราณสถานภายในวัด บรรยากาศสวยงามมาก

 

 

          พี่น้องสองสาว แพร เพ็ญผกา พรรธนะประเทศ และฝ้าย ศุภานัน พรรธนะประเทศ แต่งชุดไทยร่วมตามรอยบุพเพฯ ชมวัดไชยวัฒนาราม เล่าว่า กระแสจากละครดังกล่าวช่วยกระตุ้นให้เด็กรุ่นใหม่เกิดความสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศไทย และรู้สึกว่าอยากศึกษา อยากอ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต อีกทั้งยังได้มีโอกาสแต่งชุดไทยร่วมกิจกรรมต่างๆ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีมาก ที่ทางหน่วยงานของภาครัฐให้ความสำคัญและส่งเสริมผ่านกิจกรรมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม เพราะต้องยอมรับว่าการสวมใส่ชุดไทย หรือการอ่านประวัติศาสตร์ไทย เราอาจเคยเรียน แต่งชุดไทยตอนเด็กแต่พอโตก็ไม่มีโอกาสได้ใส่ชุดไทยไปตามสถานที่ต่างๆ ยิ่งเรื่องราวประวัติศาสตร์ ถ้าไม่ได้ดูจากละคร ภาพยนตร์ ไม่ได้อ่านอย่างแน่นอน ดังนั้น กิจกรรมตามรอยบุพเพฯ และการรณรงค์ ส่งเสริมให้ทุกคนหันมาสนใจและได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยมากยิ่งขึ้น

 

 

          “ทุกครั้งที่สวมใส่ชุดไทย ชมโบราณสถาน อุทยานแห่งชาติประวัติศาสตร์ต่างๆ ร่วมกับใครหลายคน รู้สึกเหมือนย้อนไปในอดีต และยังเป็นการเผยแพร่ความเป็นไทยได้อย่างดี การจะรณรงค์ให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของชาติไทย ส่วนหนึ่งต้องเกิดจากการนำเสนอในสื่อที่เหมาะสม และทำให้เกิดกระแสนิยม การใส่ชุดไทย ชุดประจำชาติไทยซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย และทางที่ดีควรมีการจัดกิจกรรมสวมใส่ชุดไทยเป็นเทศกาลเหมือนประเพณีในต่างประเทศ เพื่อแสดงให้ชาวต่างชาติและให้คนไทยได้ระลึก และร่วมอนุรักษ์ให้ดำรงไว้ซึ่งความเป็นไทย” สองพี่น้อง แพร ฝ้าย กล่าว

 

 

          เช่นเดียวกับ สมกมล วงษ์เนตร ชาวพระนครศรีอยุธยา ที่สวมใส่ชุดไทยมาร่วมตามรอยบุพเพฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีมากที่ทางกรมศิลปากรได้จัดกิจกรรมตามรอยบุพเพฯ เพราะต้องยอมรับว่าแม้เป็นชาวอยุธยา แต่ด้วยความคุ้นชินก็ไม่ได้มีโอกาสมาเที่ยวชมโบราณสถาน อุทยานแห่งชาติทางประวัติศาสตร์มากนัก ซึ่งเมื่อมีกิจกรรมดังกล่าวขึ้น ทำให้ได้มาเที่ยวชมโบราณสถาน ร่วมอนุรักษ์ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทย และยังได้สวมใส่ชุดไทยที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใส่บ่อยๆ อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่มายังโบราณสถานต่างๆ ถือเป็นการกระจายรายได้เข้าสู่ท้องถิ่นและถึงมือชาวบ้านมากขึ้น นอกจากนั้น อยากให้มีการจัดเป็นเทศกาลสวมใส่ชุดไทยประจำชาติเหมือนในต่างประเทศเพื่อจะได้เป็นการอนุรักษ์และเผยแพร่ความเป็นไทยผ่านวัฒนธรรมการแต่งกาย โบราณสถาน และประวัติศาสตร์ของไทย

 

 

          การท่องเที่ยวตามโบราณสถานต่างๆ สิ่งที่ต้องระลึกไว้เสมอคือการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และแนวทางของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ โดยเฉพาะโบราณสถานต่างๆ ห้ามปีนป่าย และจุดไหนที่ห้ามถ่ายรูป ก็พึงระวังและปฏิบัติตาม

 

 

          อนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลป์พร้อมที่จะต่อยอดกระแสบุพเพฯ ผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อรณรงค์และเชิญชวนให้คนไทยหันกลับมาศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์โบราณคดีไทย รวมไปถึงเรื่องเครื่องแต่งกาย อาหารไทย ซึ่งได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาว่าเกิดปรากฏการณ์คนเยี่ยมชมโบราณสถานมากมายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยมีตัวเลขเปรียบเทียบที่ชัดเจนว่าก่อนละครออกอากาศวันธรรมดาจันทร์ถึงศุกร์ มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยว 800-900 คน หลังละครออกอากาศมีนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็นเฉลี่ยวันละ 4,000 คน ส่วนเสาร์อาทิตย์จากเดิมมีคนมาเที่ยวประมาณ 3,300 คน เมื่อละครออกอากาศมียอดพุ่งขึ้นเป็น 18,300 คน จึงเป็นเรื่องน่ายินดีมากที่คนไทยให้ความสนใจประวัติศาสตร์ไทย

 

 

          สำหรับสิ่งที่กรมศิลปากรจะต่อยอดจากละคร คือการให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องหลังจากนี้กรมศิลปากรจะพาไปเรียนรู้โบราณสถานที่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในละครชื่อดังด้วย รวมทั้งจะประชาสัมพันธ์ให้คนไทยเรียนรู้โบราณสถานอื่นๆ ทั่วประเทศด้วย

          “กรมศิลปากรได้ย้ำให้เจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาต้องเตรียมพร้อมเรื่องการให้คำแนะนำ ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการถ่ายภาพให้เหมาะสม ไม่ปีนป่ายแหล่งโบราณสถาน ทั้งดูแลรักษาความสะอาดแหล่งโบราณทุกแห่ง” อธิบดีกรมศิลปากร กล่าว

 

 

          ละครบุพเพสันนิวาสทำให้คนไทยตื่นตัวหันกลับมาสนใจประวัติศาสตร์ไทยและเที่ยวโบราณสถานซึ่งทำให้เกิดการสร้างรายได้ให้แก่เศรษฐกิจระดับรากหญ้า อาทิ ชาวบ้านเปิดบ้านเป็นที่จอดรถ ร้านค้าเล็กๆ มีรายได้เพิ่มจากการขายเครื่องดื่ม ร้านอาหารต่างๆ คึกคักมาก โดยเฉพาะเมนูอาหารตามบทละคร เช่น กุ้งเผามะม่วงน้ำปลาหวาน ฯลฯ

          หากใครไม่อยากตกกระแส อย่าลืมแต่งชุดไทยจัดเต็มแวะเวียนเที่ยวชม ลิ้มรสเมนูตามบทละคร ร่วมตามรอยบุพเพสันนิวาส ศึกษาประวัติศาสตร์และวรรณกรรมสมัยอยุธยา ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ลพบุรี ได้ทุกวัน