คอลัมนิสต์

“อนาคตใหม่” กับ คนรุ่นใหม่ เปิดตัว พร้อมขับเคลื่อนสังคม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“อนาคตใหม่” กับ คนรุ่นใหม่ เปิดตัว พร้อมขับเคลื่อนสังคม : คอลัมน์ เจาะประเด็นร้อน โดย... ขนิษฐา เทพจร

 

          เปิดตัวอย่างเป็นทางการ สำหรับพรรคของ “ธนาธร–ปิยบุตร” ภายใต้ชื่อ “พรรคอนาคตใหม่” ไปเมื่อเช้าวันที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมาถือว่าภายใต้แบรนด์ของ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง หัวก้าวหน้า สไตล์ “เอก" ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการบริหารกลุ่มไทยซัมมิท ที่ประกบคู่กับ “อ.ป๊อก" ปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับการตอบรับจากกระแสสังคมตั้งแต่วันประกาศว่าจะประกบคู่ลงเล่นการเมือง ซึ่งยืนยันภาพที่ว่า ผ่านความคับคั่งของกองทัพสื่อมวลชน ช่างภาพ และนักเล่นโซเชียลมีเดียที่เข้าร่วมจิบกาแฟ ล้อมวงพูดคุยกับ “ดูโอ้เลือดใหม่ทางการเมือง” พร้อมถ่ายทอดสดตลอดการแถลงข่าว กว่า 40 นาที

          สำหรับไฮไลท์ของงานจิบกาแฟ ที่ “พรรคอนาคตใหม่” ตั้งใจนำเสนอ คือ เปิดแนวคิดที่มาของพรรค จากพระเอกของงาน คือ “ธนาธร” และ “ปิยบุตร”

 

“อนาคตใหม่” กับ คนรุ่นใหม่ เปิดตัว พร้อมขับเคลื่อนสังคม

 

          เขาทั้งสอง เลือกขึ้นเวที ด้วยเชิ้ตสีขาว และคงเอกลักษณ์ของตัวตนไว้ อย่าง “ธนาธร” สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็ก แม้จะพยายามสลัดความเนี้ยบ จากการพับแขนเสื้อ ไม่ผูกเนกไท แต่ภาพลักษณ์ในตัวตนของเขายังไม่เปลี่ยนจากมาดของนักธุรกิจ

          ขณะที่ “ปิยบุตร” ยังคงมีมาดความเป็นนักวิชาการ ผ่านการสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ผูกเนกไทสีดำ แบบหลวมๆ แม้เขาจะบอกกับผู้ที่ร่วมงานว่า สลัดภาพนักวิชาการ มาสวมบทบาทนักการเมืองแล้ว แต่ด้วยภาพของเขายังแฝงความเป็นนักวิชาการเต็มตัว

          ภายในงานนอกจาก 2 พระเอกหลักแล้ว ยังเปิดตัว 24 ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ประกอบด้วยคนรุ่นใหม่-นักวิชาการ-นักขับเคลื่อนประเด็นทางสังคม โดยความเป็นทางการ ได้นำตัวแทนผู้ก่อตั้ง 4 คนขึ้นเวที ซึ่งเรียกว่าคัดบุคคลที่เปรียบเหมือนตัวแทนของคนในสังคมมาเลยทีเดียว

 

“อนาคตใหม่” กับ คนรุ่นใหม่ เปิดตัว พร้อมขับเคลื่อนสังคม


          อย่าง “น้องหนู" นลัทธร ไกรฤกษ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ข่าวคนพิการ ThisAble.me และเป็นนักข่าว, นักเขียนประจำเว็บไซต์ ซึ่งได้รับขนานนามจากสังคมนักเคลื่อนไหวว่า “นักข่าววีลแชร์” เพราะ น้องหนู ถือเป็นผู้พิการที่ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา ขณะเดียวกัน เธอคือนักต่อสู้ นักเคลื่อนไหวเรียกร้องเพื่อสิทธิอันเท่าเทียมของผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส

          บนเวทีเปิดตัว “น้องหนู” ประกาศอุดมการณ์ต่อการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมและศักดิ์ศรีของประชาชนที่ได้รับความเคารพและยอมรับฐานะมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน

          ต่อด้วย “ครูจุ๊ย" กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ นักวิชาการอิสระด้านการศึกษาในประเทศฟินแลนด์ ผู้ขับเคลื่อนและสร้างโอกาสบนความเชื่อว่าการสร้างเด็กมีความฝันและการศึกษาต้องเป็นแนวทางที่ทำให้เด็กตามหาฝันนั้นให้เจอ, “น้าสุรินทร์ คำสุข” ประธานสหภาพแรงงาน

          อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์บรรจุภัณฑ์ ตัวแทนคนทำงานที่อยากเห็นสังคมไทยเคารพสิทธิของบุคคลอื่น, “อ.ชำนาญ จันทร์เรือง” นักวิชาการด้านการเมืองและกฎหมาย ผู้มีแนวคิดด้านการกระจายอำนาจและการจัดการตนเอง

 

“อนาคตใหม่” กับ คนรุ่นใหม่ เปิดตัว พร้อมขับเคลื่อนสังคม

 

          ขณะเดียวกันยังมี ผู้ร่วมอุดมการณ์ ที่เฝ้าให้กำลังใจ อย่าง “กันต์พงศ์ ทวีสุข” ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาต่อต่างประเทศก้อปันกัน, โชติรส นาคสุทธิ์ นักเขียนเรื่องความสัมพันธ์เชิงอำนาจของมนุษย์, ฑิตฐิตา ซิ้มเจริญ นักเคลื่อนไหวจากกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย

          หรืออย่าง “พี่เท่าเด็กแนว" เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร นักกฎหมายที่ยึดอาชีพปรุงเบียร์อิสระ ที่เคยมีวิวาทะกับเครือน้ำเมาเจ้าใหญ่เพราะการผูกขาดตลาดเบียร์ภายในประเทศ ที่มาพร้อมลุคแนวๆ กวนๆ และยิ่งดูยียวนมากไปอีกเมื่อเขาสวมเสื้อยืดสีขาว มีข้อความด้านหน้าว่า i love Gen.Prayuth ขณะที่ด้านหลังเสื้อ มีรูปสกรีนเป็นมือที่นิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้กัน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการพูดไม่จริง, "บิลลี่" วรกร ฤทัยวาณิชกุล ผู้กำกับเลือดใหม่ เป็นต้น

          สำหรับผู้ที่ร่วมเปิดตัว แม้จะเป็นคนที่ไม่มีชื่อเสียงมากนักต่อสังคมวงกว้าง แต่หากเปิดประวัติและค้นข้อมูลจะพบว่า กลุ่มเลือดใหม่ทางการเมือง มีบทบาทและเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนพลังทางสังคม และต่อสู้เพื่อเรียกร้อง รวมถึงปกป้องสิทธิ ความเสมอภาค ความเท่าเทียมกันในสังคม

 

“อนาคตใหม่” กับ คนรุ่นใหม่ เปิดตัว พร้อมขับเคลื่อนสังคม

 

          ในทางการเมืองแม้จะยังไม่เห็นผลสำเร็จในเชิงประจักษ์ แต่คนกลุ่มนี้ต้องจับตา และอาจเป็นพลังใหม่ทางการเมืองที่มีบทบาทขับเคลื่อนประเด็นทางสังคมผ่านรัฐสภา

          หลังแถลงข่าวเสร็จสิ้น กลุ่มธนาธร–ปิยบุตร พร้อมผู้ร่วมก่อตั้งพรรคจำนวนหนึ่ง เดินทางไปยัง กกต. เพื่อยื่นเอกสารจดแจ้งขอก่อตั้งพรรค เป็นลำดับที่ 58 ของกลุ่มการเมืองใหม่ ที่ยื่นจดแจ้งทั้งหมด ท่ามกลางกองเชียร์ ในนามของกลุ่มเพื่อนธนาธร และ กองทัพสื่อมวลชนที่ประจำ กกต. ซึ่งดูหนาตามากกว่ากลุ่มการเมืองใหม่ที่ขอยื่นจองชื่อพรรคไปก่อนหน้านี้

          กับเป้าหมายในสมรภูมิเลือกตั้ง “ธนาธร” ประกาศตัวพร้อมแข่งขัน ชิงคะแนนเสียงกับพรรคใหญ่ อย่าง พรรคเพื่อไทย, พรรคประชาธิปัตย์ ทุกเขตเลือกตั้ง โดยมุ่งหาเสียงกับทุกชนชั้นอาชีพ ขณะที่การร่วมมือทางการเมือง กับตัวละครที่ถูกจับตา ทั้ง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)” หรือ “กลุ่มของทักษิณ ชินวัตร” เขายืนยันว่าจะไม่ยอมประนีประนอมกับใครที่ไร้จุดยืนทางการเมืองแนวเดียวกัน

          ขณะที่นายกฯ คนนอก เขายืนยันว่า “พรรคอนาคตใหม่” ไม่ต้องการ !!

          ซึ่งหลังจากนี้ นับไปอีก 30 วัน พรรคอนาคตใหม่ จะได้รับการแจ้งข่าวว่า จะรับการจดจองหรือจดแจ้งเป็นพรรคการเมือง ตามกฎหมายหรือไม่ และกระบวนการต่อจากนั้น คือการทำขั้นตอนให้เป็นพรรคที่สมบูรณ์ ผ่านการหาผู้ก่อตั้งพรรค อย่างน้อย 500 คน และจัดประชุมเพื่อทำขั้นตอนทางธุรการของพรรคให้เสร็จ ภายในเวลาที่กำหนด

 

“อนาคตใหม่” กับ คนรุ่นใหม่ เปิดตัว พร้อมขับเคลื่อนสังคม

 

          เมื่อขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสิ้น และม่านหมอกการเมืองจาง ถึงเวลาฟ้าเปิด พรรคอนาคตใหม่ ถึงเวลาประกาศตัวตนที่แท้จริงให้สังคมพิจารณาและตัดสินใจว่าจะเลือกเป็นตัวแทนเข้าสภาหรือไม่
 
          พรรค (เคย) ใหม่ : ใครเคยรุ่ง ใครเคยร่วง
          การเมืองกับพรรคทางเลือก และพรรคของ "คนหน้าใหม่" ไม่ใช่ "เรื่องใหม่ของสังคมไทย หากแต่มีมาอยู่เรื่อยๆ และถูกมองว่าเป็นความหวังใหม่และพรรคทางเลือก พรรคเคยใหม่ที่ว่าใครบ้างที่สำเร็จ ใครบ้างที่ล้มเหลว

          ปฏิเสธไม่ได้ว่า การก้าวมาของคนหน้าใหม่สู่การเมือง ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดไม่พ้น “นักธุรกิจสื่อสารหนุ่ม” ที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่ง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตหัวหน้าพรรคพลังธรรมดึงมาเล่นการเมือง การก้าวสู่สนามการเมืองครั้งแรกในการเลือกตั้งปี 2538 ฐานะหัวหน้าพรรคพลังธรรม เขานำทีมกวาด ส.ส. ได้ 23 คน แต่การเลือกตั้งครั้งถัดมาในปี 2539 กลับเหลือเพียง 1 ที่นั่ง แต่นั่นก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะต่อมา ในปี 2541 เขากลับมาอีกครั้งหลังการปฏิรูปการเมือง โดยเปิดพรรคใหม่ชื่อพรรคไทยรักไทย และจากนั้นตำนานก็เกิดขึ้น โดยการเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2544 ก็กวาด ส.ส. ไป 248 ที่นั่งจาก 500 ที่นั่ง และอยู่ครบวาระเป็นครั้งแรก ส่วนการเลือกตั้ง 2548 ซึ่งได้ควบรวมพรรคอื่นมาอย่างหลากหลาย ทำให้กวาด ส.ส.ไป 375 ที่นั่งจาก 500 ที่นั่ง แต่แล้วก็เริ่มประสบปัญหาทางการเมือง และข้อกล่าวหาต่างๆ จนที่สุดก็ถูกรัฐประหารในปี 2549 ส่วนพรรคไทยรักไทย ก็ถูกยุบลง

 

 

“อนาคตใหม่” กับ คนรุ่นใหม่ เปิดตัว พร้อมขับเคลื่อนสังคม

 

          ตามด้วยหน้าใหม่อย่าง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาว “ทักษิณ ชินวัตร” ที่มาในนามพรรค “เพื่อไทย” ซึ่งเป็นอวตารของพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน ที่ถูกยุบ ในการเลือกตั้งปี 2554 หลังจากเธอเปิดตัวแค่ 40 กว่าวัน ก็ได้รับคะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยจำนวน ส.ส. 265 ที่นั่งจาก 500 ที่นั่ง และประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยพี่ชายเมื่อเธอถูกรัฐประหารในปี 2557

          หน้าใหม่อีกคนที่ประสบความสำเร็จคือ อดีตเจ้าพ่ออาบอบนวด “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” เขาเปิดตัวทั้งในฐานะผู้กระทำจากคดีรื้อบาร์เบียร์ และผู้ถูกกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ และเข้าสู่การเมืองโดยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการ กทม. ปี 2547 แม้ไม่ชนะ แต่คะแนนที่ได้มาก็มีถึง 334,168 คะแนน และเขาก็ตั้งพรรคต้นตระกูลไทย ยังไม่ทันเลือกตั้งเข้ามารวมกับพรรคชาติไทย สุดท้ายก็มีปัญหาจนแยกตัวออกจากพรรคชาติไทย และมาตั้งพรรค “รักประเทศไทย” โดยการเลือกตั้งปี 2544 ก็ได้ ส.ส.จำนวน 4 คน จากระบบบัญชีรายชื่อ โดยอยู่ในฐานะพรรคฝ่ายค้านของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ จากนั้นเมื่อเกิดการรัฐประหาร บทบาททางการเมืองก็จบลงและเขาต้องจำคุกจากคดีรื้อบาร์เบียร์ ที่ ถ.สุขุมวิท

          อีกหนึ่งผู้ที่เคยเป็นหน้าใหม่ทางเลือกใหม่คือ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เจ้าของฉายา “ไม้บรรทัด” เคยได้รับการจับตามองและความนิยมอย่างสูงในช่วงรัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร” จากงานในหน้าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนโยบายจัดระเบียบสังคม การเลือกตั้งปี 2554 เขากลับมาอีกครั้งในนามพรรค “รักษ์สันติ” และเขาก็เป็น ส.ส.เพียงหนึ่งเดียวของพรรคในสภา

 

“อนาคตใหม่” กับ คนรุ่นใหม่ เปิดตัว พร้อมขับเคลื่อนสังคม

 

          สำหรับ “ดำรงค์ พิเดช” อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ก็ถือเป็นหน้าใหม่ในวงการเมือง และตั้งพรรคทางเลือกขึ้นมา โดยเป้าหมายของพรรคก็เป็นไปตามชื่อคือพรรค “ทวงคืนผืนป่า” โดยตั้งในปี 2556 และมีโอกาสชิมลางจากการเลือกตั้งซ่อม แต่ก็ไม่สำเร็จ และยังไม่เคยลงสนามใหญ่แม้แต่ครั้งเดียว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ