คอลัมนิสต์

จริงหรือ ?...ลูกตำรวจต้อง ‘กร่าง’!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เป็นข่าวใหญ่อยู่บ่อยๆกับกรณี'ลูกตำรวจ' ก่อคดีฆ่าคนตาย ทำร้ายคนอื่น จนสังคมเอือมระอา

 

         เป็นข่าวใหญ่โตอยู่บ่อยๆให้เห็นตามหน้าสื่อ กับกรณี ‘ลูกตำรวจ’ก่อคดีอาชญากรรม ฆ่าคนตาย ทำร้ายคนอื่นจนเสียชีวิต 

        จนมีคำถามจากผู้คนว่า ทำไม? เป็นลูกตำรวจต้องกร่าง  หรือเพราะว่า พ่อเป็นคนมีสี  มีปืน  เป็นผู้กุมอำนาจกฎหมายอยู่ในมือ หรือว่า มาจากการอบรมสั่งสอนลูกที่ผิดๆของ‘ตำรวจ’ ผู้เป็นพ่อ  

        ดังนั้น ลองมาดูกันว่ามีคดีอะไรบ้างที่ ‘ลูกตำรวจ’  ก่อเหตุอาชญากรรมขึ้น  

        คดีแรก มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Sunantha Saehongw ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์หลานชายถูกตีจนเสียชีวิต  โดยเหตุเพิ่งเกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา เวลา 00.29 น. ภายในศูนย์ฝึกสนุกเกอร์แห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี โดยผู้เสียชีวิต คือนายกนก วิเชียรศิลป์  อายุ 25 ปี  โดนไม้คิวฟาดที่ใบหน้าจนเสียชีวิต ซึ่งในเวลาต่อมา แม่และญาติของผู้เสียชีวิต ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรม ต่อผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี  พร้อมกับนำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์มามอบให้ด้วย

        สำหรับผู้ต้องหา คือ นายชยุทช์ ภูพวก  อายุ 36 ปี  ซึ่งเป็นผู้คว้าไม้คิวสนุ๊กเกอร์มาฟาดใส่หน้าผู้ตายแบบไม่ยั้งจนผู้ตายล้มลง ก่อนจะย้อนกลับมาฟาดใส่อีกนับครั้งไม่ถ้วนที่ศีรษะจนแน่นิ่งไปและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยนายชยุทธ์  เป็นลูกชายของ ร.ต.ท.ปรีชา ภูพวก หน.ตู้ยามแสลง สภ.เมืองจันทบุรี เหตุมาจากนาย ชยุทธ์ ผู้ต้องหา หึงหวงแฟนสาวที่เป็นแค๊ชเชียร์ที่ศูนย์ฝึกสนุกเกอร์ ซึ่งเข้าใจว่า เพื่อนของนายกนก ผู้ตาย เป็นกิ๊กกับแฟนของตน จึงเข้าทำร้ายร่างกาย แต่นายกนก เข้ามาห้ามปราม จึงถูกนาย ชยุทธ์ ผู้ต้องหา กระหน่ำตี ส่วนเพื่อนของนายกนก ได้วิ่งหลบหนีไป หลังจากเกิดเหตุ ร.ต.ท.ปรีชา ได้พาตัว นาย ชยุทธ์ บุตรชาย มามอบตัวกับ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองจันทบุรี  นายชยุทธ์ ให้การรับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุไปเพราะความหึงหวงแฟนสาว พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และนำตัวฝากขังที่เรือนจำจังหวัดจันทบุรี

         คดีต่อมา เป็นคดีที่โด่งดังมากๆ คือ คดีฆ่านายธีระพงษ์ ฐิตะฐาน หรือน้องปอนด์  นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยศิลปากร  วิทยาเขตสารสนเทศ เพชรบุรี ถูกกลุ่มวัยรุ่น ร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรมโหด ใช้ไขควง แทงเข้าที่ศีรษะทะลุกะโหลกเสียชีวิต ภายในหอพักแห่งหนึ่งในเขต อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เหตุเกิดเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา  และมีการโอนคดีมาให้กองปราบปรามทำ 

                  จริงหรือ ?...ลูกตำรวจต้อง ‘กร่าง’!

                                             ญาติส่งศพน้องปอนด์ให้นิติเวชชันสูตร

          และจากการสอบปากคำผู้ต้องหารายหนึ่งคือ นายเดชาธร หรือไบร์ท มูลมณี อายุ 20 ปี บุตรชายของนายตำรวจระดับรอง ผกก. นายหนึ่งที่รับราชการอยู่ที่ จ.กาฬสินธุ์  เจ้าตัวเปิดปากรับสารภาพเป็นคนใช้ไขควงแทงนายธีระพงษ์ จนเสียชีวิต ส่วนชนวนเหตุยังเป็นประเด็นเดิม คือ ความขัดแย้งเรื่องชู้สาวระหว่างกลุ่มผู้ต้องหากับเพื่อนผู้ตาย

         จริงหรือ ?...ลูกตำรวจต้อง ‘กร่าง’!

                                               หนึ่งในผู้ต้องหาคดีฆ่าน้องปอนด์

        คดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 16 คนถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา รวม 4 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ,ร่วมกันบุกรุกในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นและอั้งยี่ซ่องโจร พนักงานสอบสวนได้นำผู้ต้องหา จำนวน 15 คน ไปฝากขังศาลอาญา โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวไป 14 คน ส่วนนายเดชาธร  ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวและถูกนำไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และอีก 1 คนเป็นเยาวชน  ได้รับการประกันตัวไปตั้งแต่ชั้นสอบสวนที่ สภ.ชะอำ

        คดีที่สาม คือ คดีแก๊งลูกตำรวจฟันคนพิการดับ โดยคดีนี้ผู้ต้องหามีจำนวน  7  คน แต่เป็นลูกตำรวจถึง 4 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ปี 2559 บริเวณหน้าร้านขายขนมปังหอม ซอยโชคชัย 4  แยก 69 ลาดพร้าว  โดยผู้ต้องหาร่วมกันใช้อาวุธมีด รุมทำร้ายนายสมเกียรติ  ศรีจันทร์ อายุ 36 ปี  คนงานส่งขนมปังซึ่งขาซ้ายพิการเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม จากสาเหตุที่กลุ่มวัยรุ่นไม่พอใจที่ถูกนายสมเกียรติ ด่ากลับหลังจากกลุ่มวัยรุ่นไปแซวเรื่องขาเป๋   คดีนี้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลแล้วและอยู่ระหว่างรอสืบพยานโจทก์

                จริงหรือ ?...ลูกตำรวจต้อง ‘กร่าง’!

                                       หนึ่งในผู้ต้องหาซึ่งเป็นหญิง ร่วมฆ่าชายพิการ 

                 จริงหรือ ?...ลูกตำรวจต้อง ‘กร่าง’!

        อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ในฐานะ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ชี้แจงว่า การจะควบคุมไม่ให้ลูกตำรวจกระทำความผิด หรือมีพฤติกรรมรุนแรง เป็นเรื่องยาก เพราะเป็นเรื่องปัจเจกบุคคล ก็น่าเห็นใจผู้ปกครอง เพราะถือหมวกสองใบ ใบแรกทำหน้าที่เป็นทั้งผู้พิทักษ์กฎหมาย และใบที่สองเป็นทั้งบิดามารดา ซึ่งพ่อแม่แต่ละคนต้องการเลี้ยงลูกมาให้เป็นคนดีอยู่แล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นก็ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่าตำรวจให้ท้ายลูกตัวเองหรือไม่นั้น ไม่อยากวิจารณ์ หรือก้าวล่วง เพราะเป็นเรื่องปัจเจกบุคคล" 

          แม้ว่าตำรวจและลูกตำรวจ ที่เป็นคนดียังมีอีกมาก แต่เชื่อเถอะว่าในอนาคตก็คงมีข่าวให้เห็นอีกเรื่อยๆ กับคดีของลูกผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ซึ่งเป็นผู้ดูแลกฎหมายของบ้านเมือง ก่อคดีเสียเอง 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ