คอลัมนิสต์

แค่อย่าให้แย่ลงกว่านี้ก็พอ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แค่อย่าให้แย่ลงกว่านี้ก็พอ : บทบรรณาธิการประจำวันที่1ก.ย.2559 

            การจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ถือเป็นปัญหาที่สืบเนื่องกันมานานหลายปี และนับวันมีแต่สถานการณ์เลวร้ายลงตลอด จนกระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาพูดถึงปัญหาดังกล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยบอกว่าได้สั่งการให้หน่วยงานบูรณาการหามาตรการหรือยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาแบบเป็นระบบให้ครบวงจร แต่ก็ยอมรับว่ากรุงเทพฯ แออัดมากไปแล้ว มีประชากรรวมทั้งประชากรแฝงหรือกลุ่มที่เคลื่อนย้ายเข้ามาอยู่จำนวนมาก หากประมาณโดยคร่าวๆ ปัจจุบันก็มีคนเข้ามาอาศัย 10-12 ล้านคน ซึ่งสิ่งที่นายกรัฐมนตรีระบุนั้นก็ยังไม่นับรวมแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทั้งถูกและผิดกฎหมายจนทำให้แย่งชิงทรัพยากรในกรุงเทพฯ จนเกินกำลังไปแล้ว

            นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงการแก้ไขว่าต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนเพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ที่ผ่านมามีการพูดถึงมาตรการหลายอย่างแต่กลับไม่ได้รับความเห็นชอบ อาทิ บ้านเดียวกันไปทางเดียวกันไปด้วยกันได้หรือไม่ ถนนบางเส้นทางในวันเสาร์ให้เฉพาะรถทะเบียนเลขคู่ใช้หรือบางวันให้ทะเบียนเลขคี่ใช้ เป็นต้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ระบุว่าต้องหาวิธีที่จะกำหนดมาตรการใหม่ๆ ออกมา แต่ก็ต้องดูว่าประชาชนจะยอมรับได้แค่ไหน และคิดแบบเดิมคงไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่สะท้อนให้เข้าใจว่าปัญหาจราจรในเมืองหลวงล้วนเกิดขึ้นจากเราทุกคนที่ใช้ยานพาหนะและเพิ่มจำนวนขึ้นตลอด ดังนั้นเมื่อมีส่วนสร้างปัญหาก็ต้องร่วมรับผิดชอบในการแก้ไขเช่นกัน ไม่ใช่โยนปัญหาไปให้รัฐบาลจัดการโดยเราไม่ปรับเปลี่ยนอะไร

            ผลการสำรวจความเร็วรถยนต์ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยสำนักงานนโยบายและแผนการจราจรและขนส่ง ประจำปี 2558 พบว่าสภาพการเคลื่อนตัวของรถในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าขาเข้าเมือง ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 15.00 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลดลงกว่าปี 2557 เฉลี่ย 0.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเวลาเร่งด่วนช่วงเย็นขาออกเมือง ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 22.00 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลดลงกว่าปี 2557 เฉลี่ย 0.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรถจดทะเบียนใหม่ ขณะที่โครงข่ายถนนมีเท่าเดิมหรือขยายตัวก็ไม่ทันกับปริมาณรถยนต์ อีกทั้งโครงข่ายคมนาคมขนส่งมวลชนขนาดใหญ่หลายโครงการยังอยู่ระหว่างก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ รวมถึงพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนและรถยนต์กลายเป็นปัจจัยหลักที่ผู้คนแสวงหาต้องการ

            ปัญหาจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ถือเป็นปัญหาระดับชาติ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางในทุกด้าน พอแยกประเด็นสําคัญ คือความสูญเสียทางเศรษฐกิจทางเชิงธุรกิจและเชื้อเพลิงนำเข้าจากต่างประเทศ และผลเสียทางสุขภาพ ชีวิต รวมทั้งความสูญเสียทางงบประมาณในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้แนวทางขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขมีหลายปัจจัยทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่ต้องพิจารณา ในระยะยาวต้องกระจายความเจริญสร้างอาชีพในหัวเมืองไม่ให้กระจุกในกรุงเทพฯ เรื่องผังเมืองของเมืองหลวงและการขยายตัว การใช้ที่ดินที่ไม่เป็นระบบ รวมถึงขนส่งมวลชนที่ต้องบริหารจัดการให้ครบวงจร มีความสะดวก ประหยัด แม้ว่าการแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ควรมีทิศทางหรือมาตรการมารองรับไม่ให้เลวร้ายลงไปกว่าที่เป็นอยู่
 

 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ