ข่าว

"ดุษฎี" ยัน ทำตามหน้าที่ รื้อคดีครูจอมทรัพย์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รองปลัดยธ.-ตร.จูบปากชื่นมื่นตั้งโต๊ะแถลงร่วมหลังพูดคุยรายละเอียดรื้อคดีครูจอมทรัพย์ ยันเจ้าหน้าที่ปฏิบัติบนพื้นฐานของพยานหลักฐาน เชื่อโดยสุจริตครูไม่ได้ทำผิด

 

           14 ธ.ค. 60 - ภายหลังการพูดคุยนานกว่า 2 ช.ม.พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยพล.ต.ต.ธนาศักดิ์  ฤทธิ์เดชไพบูลย์  รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้ร่วมกันแถลงถึงแนวทางการทำงานร่วมกันในคดีรับจ้างรับผิดแทนนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร  (อ่านต่อ...รองผบช.ภ.4 สอบปากคำ "ดุษฎี" คดีครูจอมทรัพย์) 

          พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ที่ผ่านมาสังคมอาจมองภาพกระทรวงยุติธรรมและตำรวจว่ามีความขัดแย้งกัน  วันนี้จึงได้หารือการทำงานร่วมกัน  ในส่วนของการให้ปากคำประกอบสำนวนคดีได้แจ้งให้ตำรวจภูธรภาค 4 ทำประเด็นคำถาม จากนั้นตนจะส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร  โดยคำให้การจะเน้นชี้แจงในประเด็นการปฏิบัติหน้าที่ของชุดรื้อฟื้นคดีอาญาของกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่าการทำหน้าที่ที่ผ่านมาอยู่บนพื้นฐานของหลักฐานเพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนที่เข้ามาร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งเป็นภารกิจที่แตกต่างจากตำรวจที่มีหน้าที่ในการปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิดอาญา
          พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวอีกว่า กรณีของนางจอมทรัพย์ก็ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ซึ่งนางจอมทรัพย์มาพร้อมกับสิทธิ์ในการร้องขอรื้อฟื้นคดีอาญา โดยผลสอบปากคำด้วยเครื่องจับเท็จอ่านแปลผลไม่ได้  เนื่องจากสภาพร่างกายของนางจอมทรัพย์ไม่มีเหงื่อออกที่ปลายนิ้ว สิทธิในการขอรื้อฟื้นคดีของนางจอมทรัพย์จึงยังอยู่ครบถ้วน

           ส่วนผลการสอบปากคำที่ให้การเป็นเท็จของนายสับ วาปี และนายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋องนั้น พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด เพราะไม่ได้ลงลึกไปในระดับปฏิบัติการ และไม่เคยพบพยานทั้ง 2 ปาก ซึ่งผลการสอบปากคำด้วยเครื่องจับเท็จก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับทราบมาโดยตลอด  ทั้งนี้เรื่องการรื้อฟื้นคดีอาญาในอนาคตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและปลัดกระทรวงยุติธรรมได้วางแนวทางให้มีขั้นตอนในรูปแบบของคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียน
          ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีเจ้าหน้าที่กระทรวงมีส่วนรู้เห็นในการสร้างพยานเท็จเพื่อรื้อฟื้นคดี พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า  ตนไม่ขอตอบประเด็นนี้ ขอให้เป็นหน้าที่ตำรวจในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน กระทรวงมีหน้าที่อำนวยความยุติธรรม และไม่สามารถปฏิเสธประชาชนที่เข้ามาร้องขอความเป็นธรรมได้ ยืนยันว่าการทำหน้าที่อยู่บนพื้นฐานของหลักฐานและต้องให้ความเป็นธรรมกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ที่ผ่านมาได้รับรายงานจากชุดสืบสวนว่านายสับให้การเป็นเท็จ จึงสั่งการให้นำนายสับเข้าเครื่องจับเท็จ

          สำหรับนางจอมทรัพย์เมื่อไม่สามารถประเมินผลด้วยเครื่องจับเท็จก็จำเป็นต้องให้ความยุติธรรมในส่วนที่เป็นความจริงต่อไป เมื่อหลักฐานไปถึงศาลตนยอมรับในคำตัดสินของศาลทุกอย่าง  ขั้นตอนการดำเนินงานที่ผ่านมาทำเพื่อประโยชน์ของนางจอมทรัพย์เป็นหลักและภายหลังทราบข้อมูลจากเครื่องจับเท็จก็ได้ทำหนังสือประสานขอประชุมร่วมระหว่างกระทรวงยุติธรรมและผู้บัญชาการระดับสูงของตำรวจ ทั้งนี้กระทรวงยุติธรรมพร้อมมอบข้อมูลหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการให้การเท็จให้ตำรวจดำเนินการ
            ผู้สื่อข่าวถามว่า โกรธนางจอมทรัพย์หรือไม่ พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า เวลามีผู้ได้รับความเดือนร้อนมาขอความช่วยเหลือ เราไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธไม่ว่ารูปแบบใด ถือเป็นหน้าที่ของข้าราชการกระทรวงยุติธรรม แม้ว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ถูกผูกโยงไปว่าเกี่ยวข้องกับการสร้างหลักฐานเท็จก็ไม่ได้ทำให้อึดอัดใจ เพราะถือเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องตั้งแนวทางการสืบสวน กระทรวงยุติธรรมก็มีหน้าที่อำนวยความยุติธรรม ซึ่งตนมองว่าน่าจะเป็นเรื่องดีที่มีการถ่วงดุลและตรวจสอบ สื่อมวลชนก็ได้ตรวจสอบการทำงาน

            สำหรับสาเหตุที่ต้องให้ผู้ร้องทุกรายเข้าเครื่องจับเท็จ เพราะแต่ละคดีกว่าจะมาถึงกระทรวงยุติธรรม เหตุก็เกิดขึ้นมานานแล้ว จึงต้องมีเครื่องช่วยยืนยันเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ว่าผู้ร้องไม่ได้โกหก ก่อนที่จะเข้าไปช่วยแสวงหาหลักฐานและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ไม่ใช่เพียงคดีนี้คดีเดียว แต่ทุกคดีที่มาร้องขอให้กระทรวงยุติธรรมช่วยเพราะเข้าไม่ถึงพยานหลักฐาน กระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ช่วยหาพยานหลักฐานไปใช้สนับสนุนคดี โดยการรื้อฟื้นคดียังเป็นหน้าที่ของตัวผู้ร้องและทนายความที่ต้องไปดำเนินการเอง  

           ทั้งนี้ขอให้มั่นใจการทำงานของกระทรวงยุติธรรมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ไม่ใช่เพียงชุดนี้ เพราะจุดประสงค์ก็เพื่ออำนวยความยุติธรรมของประชาชน โดยในชั้นการร้องเพื่อรื้อฟื้นคดีชุดทำงานก็เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่านางจอมทรัพย์ไม่ใช่ผู้กระทำความผิดจริง จึงช่วยกันหาหลักฐาน
           พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าวว่า ในวันนี้หารือกับรองปลัดกระทรวงยุติธรรมถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน ตลอดจนข้อขัดข้องต่าง ๆ เพื่อวางแนวทางการทำงานร่วมกันในอนาคต เพราะกระทรวงยุติธรรมถือเป็นกระทรวงหลักของประเทศ สำหรับคดีนี้ตนต้องมาสอบปากคำพยานด้วยตนเอง เพราะพ.ต.อ.ดุษฎี เป็นหัวหน้าชุดในการรื้อฟื้นคดีอาญา เรื่องนี้ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ถือเป็นผลงานร่วมกันระหว่างตำรวจและกระทรวงยุติธรรม ไม่ได้เป็นความขัดแย้ง และผลสุดท้ายผู้ต้องหาที่แจ้งความเท็จ ให้การเท็จ หรือเบิกความอันเป็นเท็จต่อศาล ต้องถูกดำเนินคดี ก่อนหน้านี้พ.ต.อ.ดุษฎีได้แจ้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับทราบแล้วว่าคำให้การของพยานมีพิรุธ ทำให้ตำรวจมีจุดในการสอบสวนจนกระทั่งพบความชัดเจน ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้งหมด
          "ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในวันนี้ไม่แตกต่างไปจากคำสัมภาษณ์ของพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร.เพราะผลสุดท้ายคือการนำตัวผู้ให้การเท็จมาดำเนินคดี ในส่วนเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม ถือว่ามีหน้าที่โดยตรงที่ต้องลงพื้นที่เข้าไปดูรายละเอียดจึงต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา แต่ไม่ได้มีเจตนาเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการ  จึงไม่อยากให้สังคมมองภาพเป็นพวกเป็นฝ่าย เพราะที่ผ่านมาตำรวจและกระทรวงยุติธรรมทำงานกันอย่างใกล้ชิด หลังสอบปากคำพยานครบถ้วนทุกปาก ประมาณ 60 ปาก จะประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาอีกครั้ง  ในส่วนของเจ้าหน้าที่หากเป็นการดำเนินการตามหน้าที่ก็ไม่ถือว่าร่วมในขบวนการนี้ เพราะขบวนการนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้วางแผนกันเป็นขบวนการมาตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว สำหรับการสอบปากคำพ.ต.อ.ดุษฎี ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูง อาจไม่จำเป็นต้องสอบปากคำในรายละเอียดมากนัก เพราะอยู่ในระดับกำกับนโยบายคงไม่ทราบรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ลูกน้องเข้าไปดำเนินการ โดยตั้งเป้าสรุปสำนวนภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ซึ่งจะครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 3 ในส่วนของเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับใคร ที่ผ่านมาสอบปากคำเจ้าหน้าที่ในฐานะพยานทั้งหมด" พล.ต.ต.ธนาศักดิ์กล่าว
            พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนขบวนการรับผิดแทนหรือว่าจ้างให้มารับผิดแทนกันก็ต้องรับโทษติดคุกกันไป แต่ขอประชาสัมพันธ์ประชาชนที่ต้องการขอรื้อฟื้นคดี ขอให้สู้กันด้วยความจริงอย่าปั้นหลักฐานเท็จ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมก็พร้อมให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว ถ้าโกหกหรือปั่นเรื่องมาก็ไม่รอด เพราะกระทรวงยุติธรรมทำงานร่วมกับตำรวจอย่างใกล้ชิดสามารถตรวจสอบพบอยู่แล้ว ดังนั้นขอให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่าง การขอรื้อฟื้นคดีต้องเป็นผู้เดือดร้อนจริง ถ้าไม่จริงอย่ามาขอรับรื้อฟื้น และอย่าหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อคนที่แอบอ้างว่าสามารถช่วยรื้อฟื้นคดีได้ เพราะหน่วยราชการจะดูข้อเท็จจริงเป็นหลัก อย่าไปยอมเสียเงินเสียทองให้ทนาย เพราะจะเป็นผลร้ายต่อตัวเองในภายหลัง
           ต่อข้อถามที่ ถึงป้ายทะเบียนรถที่ออกมาระบุว่ามีการสับเปลี่ยน พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าวว่า ประเด็นป้ายทะเบียนถือเป็นพยานหลักฐานเก่าที่จบไปตั้งแต่การพิจารณาในชั้นศาลแล้ว  ไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ที่จะหยิบยกมาสู้คดีได้อีก จึงจะไม่หยิบยกมาพิจารณาอีกว่าปลอมหรือไม่
 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ