'แซม' นักวิ่งโครงการก้าวฯ ผ่าตัดไม่สำเร็จเนื่องจากเลือดออกเยอะ
'แซม' ณัฐพล เสมสุวรรณ นักวิ่งสู้โรคมะเร็งและเป็นหนึ่งในนักวิ่งโครงการก้าวคนละก้าวภาคอีสาน ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็ก ๆ กับ ตูน บอดี้สแลม เข้ารับการผ่าตัดเมื่อวานนี้ (27 มิถุนายน 2562)
ล่าสุดจากการผ่าตัดซึ่งเพจ Sam's Story อัปเดทอาการระบุว่า ผลผ่าตัดออกมาแล้ว ผ่าตัดไม่สำเร็จเนื่องจากมีสภาพเลือดออกเยอะระหว่างผ่าตัดจนผ่าตัดต่อไม่ได้ ต้องส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราชต่อไป ทั้งนี้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจเจ้าตัวอย่างล้นหลาม
ทั้งนี้ทางเพจ Sam's Story ยังได้เล่านาทีก่อนที่จะเข้าห้องผ่าตัดไว้ด้วย โดยเล่าว่า " ผมเพิ่งทราบว่า ' ความทรงจำ' เป็นสิ่งที่สามารถลบได้
ภาพจำสุดท้ายของผมก่อนทำการผ่าตัด คือภาพการเล่าให้พี่ๆ คุณหมอและพยาบาลในห้องผ่าตัดฟังถึงความประทับใจที่ได้เห็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ทางโรงพยาบาลศูนย์ยะลาได้รับบริจาคจากคนไทยผ่านทางโครงการก้าว โดยไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องเป็นผู้มีโอกาสใช้เครื่องมือเหล่านี้ในวันนี้
น้องสาวของผมบอกว่า หลังจากที่ผมถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด แอ้มจำเป็นต้องรีบกลับไปทำงาน เหลือลูกน้ำ (น้องสาวของผม) กับคุณแม่ ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณหน้าห้อง เหตุการณ์ทุกอย่างดูเป็นปกติ
จนกระทั่งพยายาลเปิดหน้าต่างออกมาตะโกนเรียกหาคุณแม่ น้องบอกว่าเป็นเสียงที่คุณแม่และน้องกลัวที่สุด ทั้งสองคนรีบวิ่งไปหาพยาบาลพร้อมกับน้ำตา เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
คุณหมอผู้ทำการผ่าตัดออกมาแจ้งว่าไม่สามารถทำการผ่าตัดตามแผนการที่วางไว้ได้ เนื่องจากตัวผมมีอาการเลือดออกเยอะเกินไป ขั้นตอนของการวางยาสลบเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะผมมีอาการขากรรไกรล็อคจากการติดเตียง อ้าปากไม่ได้มาก หากสอดท่อลงไปอาจเสี่ยงต่อการขาดออกซิเจน และมีความเป็นไปได้ที่เลือดจะหลุดไหล หล่นเข้าไปในปอด จึงต้องเปลี่ยนรูปแบบของการวางยา โดยทำการใส่สายเข้าไปทางจมูก และสอดให้ลงไปถึงข้างในปอด
หากแต่วิธีที่สองนั้น ต้องกระทำตอนที่ผมรู้ตัว คุณหมอแจ้งว่าวิธีการอย่างหลังนี้จะปลอดภัยจากการขาดออกซิเจนมากกว่า แต่จะทรมาณมากกว่า พร้อมกับมอบสิทธิ์ขาดให้ผมเป็นผู้เลือก ผมเลือกแบบที่สอง หลังจากรัดแขน ผูกขาผมเข้ากับเตียงผ่าตัด คุณหมอก็เริ่มทำการสอดสายเข้าไปในจมูก ด้วยร่างกายที่ผ่านการทำเคมีบำบัดมาอย่างโชกโชน ทำให้เยื่อบุของผมบอบบางมากกว่าคนปกติ แล้วเลือดก็ไหลท่วมออกมา
คุณหมอบอกคุณแม่ว่าผมเป็นคนอดทนได้อย่างยอดเยี่ยมใยสภาพร่างกายที่เป็นอยู่ แต่ถึงอย่างไรกระบวนการรักษาก็เจ็บปวดและทรมาน ทรมานจนคิดว่าความทรงจำในส่วนนี้ จะทำร้ายความรู้สึกของผม จึงจำเป็นต้องฉีดยาลบเลือนความทรงจำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง