บทความที่ถูกแชร์และได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์
บทความที่ถูกแชร์และได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์โดยเพจ แม่บ้านแคชเมียร์ ที่ได้เล่าเรื่องของสาวคนหนึ่งที่ดูจะเป็นคนที่เพียบพร้อมทุกอย่าง แต่เธอต้องมาเผชิญกับโรคร้ายก่อนวัยอันควร จึงตัดสินใจวางแผนเรื่องความตายของเธอให้สวยงามที่สุด ซึ่งทางเพจระบุว่า
การุณยฆาต หรือ Euthanasia หรือเรียกให้ง่ายไปอีกก็คือ Mercy killing(active) หรือ Letting die(passive)
หัวข้อ Euthanasia เป็นหัวข้อที่สามีเราใช้เขียนวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเมื่อสิบกว่าปีก่อน จำได้เลยว่าตอนที่เอาเล่มไปให้อาจารย์ชาวอเมริกันตรวจทานภาษา อาจารย์คนนั้นพูดขึ้นมาว่า คนเขียนไม่ใช่คนไทยแน่เลย เพราะในสมัยนั้นคนไทยถ้าไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ก็แทบไม่รู้จักเรื่องนี้เลย
ที่สำคัญมันไกลตัวมากในเวลานั้น จำได้แค่มี Active กับ Passive เคยช่วยสามีพิมพ์ก็เออ น่าสนใจดีนะ ซึ่ง passive ทำกันมานานแล้ว แต่ active ยังผิดกฎหมาย
ซึ่งทุกคนคงได้อ่านเรื่องของคุณก๊อป ที่ทำแบบ Active Euthanasia ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ไปแล้ว เราจะมาเล่าแบบ passive ที่เคยติดตามเรื่องราวมาค่ะ
#ความตายที่งดงาม บทเรียนของการจากไปของพี่กันย์ รสวรรณ ม่วงมิ่งสุข
ผู้หญิงในภาพนี้ชื่อ "พี่กันย์" ค่ะ เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยของเราเอง เป็นผู้กำกับคนแรกที่ทำงานด้วย (ตอนนั้นเก็บสาขาวิชาการละคร)
พี่กันต์เป็นผู้หญิงที่สวย มั่นใจ เป็นเด็ก AFS ด้วย มั่นแค่ไหนล่ะ ก็แค่เป็นประธานชั้นปี เป็นผู้หญิงตัดสกินเฮดเมื่อ 18-19 ปีก่อน ซึ่งขัดกับภาพลักษณ์สาวอักษรที่ต้องดูสวยๆหวานๆ อิอิ
ชีวิตพี่เขาสมบูรณ์แบบมากนะ ทั้งสวยและรวยมาก ในสมัยที่ทับแก้วยังเต็มไปด้วยจักรยาน พี่เขามีรถขับมาเรียนแล้วอ่ะคิดดู
เมื่อประมาณ 6-7 ปีก่อน พี่กันย์มีอาการฉี่เป็นเลือด หามาหลายหมอก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ สุดท้ายมาตรวจเจอกับหมอคนที่ 5 พบว่าเป็น "มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ระยะที่ 4"
ครั้งแรกที่พี่แกรู้ว่าตัวเองเป็นนี่เหมือนโลกถล่มทลาย เรายังจำความเกรี้ยวกราดบนโซเชี่ยลของพี่กันย์ได้ดี ตอนผ่าตัดครั้งแรกแผลใหญ่มาก นางวีนวี้ดบึ้มลงเฟสเลย 555555
จนเมื่อพี่เขาได้เข้ามาทางธรรมะ พี่กันย์ค่อยๆเปลี่ยนไป ผ่านคีโมและการผ่าตัดอีกหลายครั้ง ครั้งท้ายสุดต้องทำทวารเทียม คือต้องต่อท่อปัสสาวะออกมาที่หน้าท้อง คือมีอวัยวะที่ 33 คือถุงฉี่นั่นเอง
เราเห็นพัฒนาการตั้งแต่พี่เขาเป็นแรกๆ ได้เจอครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2557 พี่เขาก็ยังน่ารักเหมือนเดิม แต่ที่ต่างไปคือพี่เขานิ่งมาก เล่าทุกอย่างด้วยดวงตาวิบวับมีประกายแห่งความสุข (แต่ตอนนั้นเจอก่อนที่เขาจะเริ่มทราบว่ามะเร็งมันกระจายไปทั่วแล้ว)
พี่กันย์ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นตามความฝัน ไปปฏิบัติธรรม เข้าคอร์สเตรียมตัวตาย จนภายหลังเชี่ยวชาญจนได้เป็นวิทยากรเลย อิอิ
ภาพ Pre-wedding ในรูปนี้ พี่เขาถ่ายกับเพื่อนๆและน้องๆ ใช่ค่ะ พรีเว็ดแบบที่ไม่มีเจ้าบ่าว ได้ทำตามความฝันแต่งชุดสวยๆ ถ่ายรูปกับคนที่รัก คือเพื่อนและรุ่นน้องอีก 5 คน วันนั้นทุกคนแต่งหน้ากันน้อยมาก เพราะต้องการให้พี่กันย์ดูสวยที่สุด
อาการของโรคก็ดำเนินมาจนถึงขั้นยุติการรักษา เหลือเพียงการรักษาแบบประคับประคอง (Palliative care) คือถ้าปวดก็ให้ยาแก้ปวด ท้องผูกก็สวน เหนื่อยมากก็เติมเลือด ปล่อยให้เป็นไปตามเวลาและอาการของโรคแบบเจ็บปวดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
พี่กันย์ได้เขียนพินัยกรรมชีวิตไว้ตั้งแต่สองปีก่อนที่จะเสีย ฝากไว้ที่พี่ชายเขาและเพื่อน ว่าไม่ประสงค์จะยื้อความตาย ออกแบบงานศพตัวเอง จัดการทรัพย์สินและสิ่งของส่วนตัวต่างๆ เงินทำบุญงานศพว่าจะแบ่งไปทำบุญที่ไหนบ้าง
และที่เก๋กว่านั้นคือ บอกว่างานศพห้ามใส่สีดำ ใส่สีอะไรก็ได้ สีขาวก็ได้เพราะมันคืองานบุญ รูปวางหน้าศพก็รูปที่สวยที่สุด ที่พี่เขาเลือกเอง
ก่อนเสียไม่นาน เพื่อนๆจัดงานวันเกิดให้ มีเซอร์ไพรส์คือพี่หมิว ลลิตา ปัญโญภาส ดาราที่พี่กันย์ชอบมาก วิดีโอคอลมาอวยพรวันเกิดด้วย เราได้ดูวิดีโอนี่น้ำตาไหลพรากเลยแหละ emotional สุดๆ
หลังจากนั้นอาการของโรคก็ดำเนินมาเรื่อยๆ เริ่มทานไม่ลง สุดท้ายก็จากไปอย่างสงบ ได้รับการดูแลอย่างประคับประคองจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต และไม่มีการยื้อการตายเกิดขึ้น
ก่อนพี่กันย์เสียไม่นานพี่กิ๊ พี่ชายของพี่กันย์ถามว่า "พร้อมมั้ย" พี่กันย์ยิ้มแล้วก็ตอบว่า "สักที"
โมเม้นท์ที่เราคนนอกได้แต่น้ำตาเอ่อ
ปล.พี่กันย์ จากไปสามปีกว่าแล้วค่ะ แต่หนูก็ยังระลึกถึงพี่เสมอ
พี่เขามีเพจนะ ถึงตอนนี้ไม่มีใครอัพแล้ว แต่ไปอ่านกันได้ เขียนละเอียดในเรื่องของการรักษา ชื่อเพจ มะเร็งพลิกชีวิต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง