Program Online

(คลิปข่าว) จำเลยคดียิงเสือดำทุ่งใหญ่ ดูจุดเกิดเหตุห้วยปะชิ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จำเลยและทีมทนายความคดี เปรมชัย กรรณสูต กับพวกล่าเสือดำ ขอเข้าไปตรวจดูสถานที่เกิดเหตุ บริเวณห้วยปะชิ ขสป.ทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เก็บข้อมูลสู้คดี.....

แม้จะผ่านเหตุการณ์มานาน 10 เดือน แต่สังคมยังเกาะติดคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน เข้าไปล่าเสือดำ และสัตว์ป่าสงวนอื่นในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า (ขสป.) ทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ที่อัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งห้อง และเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเป็น 3,012,000 บาท เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 3-4 ก.พ.2561 ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 และ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา จำเลยและทีมทนายความ จำนวน 9 คน ซึ่งได้ขออนุญาตจากศาลจังหวัดทองผาภูมิ เข้าไปตรวจจุดเกิดเหตุบริเวณห้วยปะชิ หาหลักฐานในคดีลักลอบล่าเสือดำและสัตว์ป่า ใน ขสป.ทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก โดยนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าขสป.ทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ให้ดำเนินการตามขั้นตอนปกติคือตรวจสภาพรถ

(คลิปข่าว) จำเลยคดียิงเสือดำทุ่งใหญ่ ดูจุดเกิดเหตุห้วยปะชิ

ลงชื่อขออนุญาต เริ่มจากวันที่ 3 พ.ย. เวลา 09.45 น  คณะดังกล่าวมาจำนวน 8 คน โดยใช้รถยนต์ 2 คัน มี นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 มาด้วย  นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 ไม่ได้มา สำหรับนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 มิได้ขออนุญาตเข้าพื้นที่และไม่ได้มาด้วยแต่อย่างใดต่อมานายวิเชียร ชิณวงษ์  พร้อมเจ้าหน้าที่เป็นผู้ควบคุมและนำจำเลย และคณะเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ  โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร 1 คน  ร่วมเป็นพยาน แต่เมื่อเดินทางไปได้ประมาณ 10 กิโลเมตร (ห่างหน่วยพิทักษ์ป่าทิคอง ประมาณ 2 กิโลเมตร)  รถยนต์ของจำเลยขับตามรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ไม่ทัน  เนื่องจากติดหล่มดินโคลน เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าทิคอง จึงได้เข้าไปช่วยเหลือ และจำเลยพร้อมคณะได้เดินทางย้อนกลับออกไปเนื่องจากเส้นทางยากลำบาก ทุรกันดาร และรถยนต์สมรรถนะไม่ถึง จึงล้มเลิกภารกิจเสียก่อนนอกจากนี้ คืนวันที่ 3 พ.ย.มีผู้พบเห็นจำเลยและคณะ  ทานอาหารที่อำเภอทองผาภูมิ แต่ในวันที่ 4 พ.ย. คณะดังกล่าวมิได้กลับเข้าไปตรวจจุดเกิดเหตุแต่อย่างใด และไม่แจ้งรายละเอียดใดๆ ให้เจ้าหน้าที่ทราบสำหรับคดีนี้ อัยการสูงสุดได้ส่งความเห็นชี้ขาดกลับมาให้ทางอัยการภาค 7 สั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารอิตาเลียนไทยฯ กับพวกรวม 4 คน โดยอัยการสูงสุดมีความเห็นพ้องกับอัยการภาค 7 ทุกข้อหา คือให้ฟ้องนายเปรมชัย 6 ข้อหา ส่วนที่ทางตำรวจภูธรภาค 7 ขอให้เพิ่มอีก 3 ข้อหา นั้นก็ตกไปสำหรับ 6 ข้อหาที่สั่งฟ้อง ได้แก่1. ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต2. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต3. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต4. ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่า5. ร่วมกันซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำผิดกฎหมายและ 6. ร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตส่วนอีก 3 ข้อหาที่อัยการเห็นควรไม่สั่งฟ้อง คือ 1. ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต2. ร่วมกันมีเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ป่า3. ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตส่วนนายยงค์ โดดเครือ มีความเห็นสั่งฟ้องเหมือนกับนายเปรมชัย แต่เพิ่มข้อหาร่วมกันมีปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตขณะที่นางนที เรียมแสน มีความเห็นสั่งฟ้อง 5 ข้อหา และนายธานี ทุมมาศ มีความเห็นสั่งฟ้องเหมือนนายเปรมชัย แต่เพิ่ม 2 ข้อหา คือ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตสำนักงานอัยการภาค 7 ได้นำสำนวนทั้งหมดไปยื่นฟ้องยังศาลจังหวัดทองผาภูมิ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ