(คลิปข่าว)เปิดหลักการจับกุมตัว "จับกดหัว-มือไพล่หลัง" ทำได้?

การที่ตำรวจกองปราบใช้ยุทธวิธีเข้าจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งถูกตั้งคำถามเรื่องการใช้กำลังรุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ ไม่ใช่เฉพาะกรณีจับกุมคุณสุกิจ กลางโรงพักครั้งนี้เท่านั้น ก่อนหน้านี้ตำรวจกองปราบพร้อมอาวุธครบมือจำนวนมาก ก็ใช้ยุทธวิธีในการบุกทุบประตูกุฎิเข้าจับอดีตพระพุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม ผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ซ่องโจรและปลอมแปลงตราพระปรมาภิไธย คาที่นอน ก็ถูกตั้งคำถามเรื่องใช้กำลังเกินกว่าเหตุเช่น จนภายหลังผู้ใหญ่ในรัฐบาลต้องออกมาชี้แจงและขอโทษ

วันนี้ล่าความจริง ได้ไปตรวจสอบวิธีการหลักเกณฑ์การจับกุมผู้ต้องหา ตามประมวลกฎหมายวิอาญา มาตรา 83 ระบุว่า ในการจับกุมนั้น เจ้าพนักงานต้องแจ้งผู้ถูกจับว่า ตอนนี้คุณถูกจับแล้ว ถูกจับข้อหาอะไรก็อธิบายให้ผู้ถูกจับรู้ ถ้ามีหมายจับก็แสดงให้ดู ตามคลิป ก็จะเห็นว่าตำรวจแจ้งข้อหาและอธิบายแล้วจากนั้นก็ต้องแจ้งสิทธิให้ผู้ถูกจับทราบ ว่าเค้ามีสิทธิอะไรบ้าง จะให้การสารภาพ ปฎิเสธ หรือภาคเสธ หรือไม่ให้การก็ได้ ผู้ถูกจับมีสิทธิติดต่อญาติหรือทนาย ในกรณีที่ไม่ขัดขวางการจับกุม ก็จะถูกคุมตัวไปที่โรงพักแต่ถ้าผู้ถูกจับกุมขัดขวางการจับกุม หรือพยายามจะหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีสิทธิที่จะใช้วิธีหรือการป้องกัน-ใช้กำลังเท่าที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์ กฎหมายไม่ได้ระบุว่าผู้จับกุมจะต้องจับด้วยวิธีไหน จับกดหัวหน้าแนบพื้น มือไพล่หลังหรือล็อคกุญแจมือ กฎหมายไม่ได้บอกไว้เป็นวิจารณในการจับกุมของเจ้าหน้าที่แต่ละคนให้คุณผู้ชมดูภาพ มีอยู่ช่วงหนึ่ง คุณสุกิจ สะบัดมือจากตำรวจที่กำลังจะคุมตัวไปห้องสอบสวน ลักษณะเป็นการขัดขืนการจับกุมหรือเปล่า จากนั้นก็เป็นทางตำรวจกองปราบใช้ยุทธวิธีในการจับกุม จะเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ให้คุณผู้ชมดูภาพแล้วตัดสินด้วยตัวเอง