ข่าว

แจ้งข้อหาเพิ่มผู้สมัคร สส.หญิง 'แก๊งรีดทรัพย์' พ่วงหมายจับ อีก 2

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กเต่า" จ่อออกหมายจับเพิ่ม 2 "แก๊งรีดทรัพย์" พร้อมแจ้งข้อหา อดีตผู้สมัคร สส.หญิง เพิ่ม เปรียบแก๊งรีดทรัพย์ เป็นเหลือบไร วอน "พีระพันธุ์" เร่งส่งหนังสือยกเลิกตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐ

31 ม.ค. 2567 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้าคดีขบวนการ รีดทรัพย์ อธิบดีกรมการข้าว  ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของพนักงานสอบสวนในการเชิญบุคคลหนึ่งมาให้ปากคำในฐานะพยาน ทั้งการทำหนังสือเชิญ และการพูดคุยกันนอกรอบ ซึ่งเชื่อว่าเจ้าตัวจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแน่นอน แต่ยังไม่สามารถระบุวันเวลาได้ อยู่ระหว่างการดำเนินการ

 

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะเชิญอักษรย่อทุกคนมาสอบปากคำทั้งหมด แต่ในวันนี้ได้เชิญพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีมาสอบปากคำหลายปาก หนึ่งในนั้นเป็นผู้เสียหายที่ถูกขบวนการของนาย ศ.  รีดทรัพย์ในลักษณะคล้ายๆ กัน ซึ่งผู้เสียหายจะแจ้งความดำเนินคดีกับแก๊งดังกล่าวหรือไม่ ยังไม่แน่ชัด ส่วนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่มีข่าวว่าตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้  พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการประสานเข้าให้ข้อมูลเช่นกัน

 

 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. จ่อหมายจับแก๊งรีดทรัพย์ กรมการข้าว เพิ่มอีก 2

 

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังเตรียมออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการ ขบวนการรีดทรัพย์ เพิ่มเติมอีกไม่น้อยกว่า 2 คน ภายในวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นตัวการที่ตำรวจต้องการตัวมาก และเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในคดี แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นบุคคลใด

 

ส่วน น.ส.พิมณัฏฐา อดีตผู้สมัคร สส.จังหวัดอุตรดิตถ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติม เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ หลังพบว่ามีการแต่งตั้ง เป็นคณะทำงานเขตตรวจราชการที่ 11 ของรองนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะถูกยกเลิกในวันที่มีการจับกุม ดังนั้นจะทำให้ น.ส.พิมณัฏฐา อดีตผู้สมัคร สส.ตกเป็นผู้ต้องหาสายเดียวกับนายยศวริศ หรือ เจ๋ง ดอกจิก

 

ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอข่าวไปว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2566 มีบุคคลหนึ่งพาอธิบดีกรมการข้าว และภรรยาไปเจรจากับ นาย ศ. ที่บ้าน และมีการจ่ายเงิน 6 หลัก ให้กับนาย ศ.นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน และวันดังกล่าวเป็นเพียงการเจรจาขอให้ยุติการร้องเรียน ไม่มีการพูดคุยเรื่องผลประโยชน์หรือจ่ายเงินแต่อย่างใด

 

โดยการจ่ายเงิน 6 หลักนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่นาย ศ.สึกจากการบวชเป็นพระ แต่ในระหว่างบวชก็มีการเจรจามาโดยตลอด 

 

 

แต่ยืนยันว่าพนักงานสอบสวน บก.ปปป.จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่างแน่นอน จะยึดตามพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นจริง ไม่ได้กลั่นแกล้งรังแกใคร ไม่มีใต้ดินใดๆ ตอนนี้ข้อเท็จจริงกำลังเปิดเผยข้อมูลของบุคคลชั่วร้ายออกมา ว่าทำไมขบวนการนี้ถึงได้รู้ข้อมูลวงในของหน่วยงานรัฐ เป็นมืออาชีพที่ชั่วร้าย

 

แก๊งดังกล่าวไม่ใช่การร้องเรียนเพื่อให้ประเทศชาติดีขึ้น แต่เป็นเหลือบไร ดังนั้นต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ ยืนยันคดีนี้หากหลักฐานไม่พอ จนมั่นใจขนาดนี้ ตำรวจ บก.ปปป. ก็คงไม่กล้ารบกับยักษ์ขนาดนี้ ซึ่งมีทั้งพ่อยักษ์ และลูกยักษ์ ถ้าใครคิดว่าอยู่เหนือกฎหมายก็ลองดู

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ