ปส. สกัด 2 เครือข่ายลอบขน 'ยาเสพติด' ข้ามชาติ ยึด ยาบ้า 12 ล้านเม็ด

11 ต.ค. 2566 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) แถลงผลการสกัดกั้นเครือข่ายลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติ ของ 2 เครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.

 

โดยเครือข่ายแรก เจ้าหน้าที่ขยายผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดจาก จ.นครราชสีมา ทำให้ทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากอีกครั้ง  จึงเฝ้าติดตามพฤติการณ์ กระทั่งวันที่ 8 ต.ค.2566 เจ้าหน้าที่รถยนต์ ต้องสงสัย 2 คัน เดินทางมุ่งหน้าชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านจังหวัดนครพนม จึงวางกำลังติดตามกลุ่มเป้าหมายไว้ตามจุดเป้าหมาย ต่อมาเจ้าหน้าที่พบรถยนต์เป้าหมายทั้ง 2 คัน จึงติดตามไป
 

 

 

 

 

จนพบว่ารถทั้ง  2 คัน ไปหยุดจอดในปั๊มน้ำมันใน อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและขอตรวจค้นรถ พบยาเสพติด ประเภท ยาบ้า ซุกซ่อนมาในรถจำนวน 4,884,000 เม็ด จึงควบคุมตัวคนขับรถทั้ง 2 คัน  เบื้องต้นผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า รับยาเสพติดจากพื้นที่ จ.นครพนม มาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดี และขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคลในเครือข่าย และยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป  

 

 

 

เครือข่ายที่ 2 เจ้าหน้าที่ขยายผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด จ.นครสวรรค์ ทราบว่าจะมีการขนยาเสพติดล็อตใหญ่เพื่อส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ปริมณฑลและพื้นที่ใกล้เคียง จึงวางแผนจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ต.ค.2566 เวลาประมาณ 23.50 น. เจ้าหน้าที่ร่วมกันติดตามรถต้องสงสัยในพื้นที่ จ.พิจิตร  แต่คนขับรถไหวตัวทันจึงได้จอดรถแล้ววิ่งหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในบึงบัวอยู่นานหลายชั่วโมง

 

 

 

 

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้  และจากการตรวจค้นรถผู้ต้องหาขับรถมา พบยาบ้า 6,750,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณท้ายกระบะซึ่งมีลักษณะเป็นตู้ทึบ จึงยึดเป็นของกลางและแจ้งข้อกล่าวหาก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดี ต่อไป 

 

 

 

 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ  เปิดเผยว่า การจับกุมที่เกิดขึ้นเป็นการปฏิบัติงานร่วมกัน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเก็บข้อมูล รวมถึงจับกุมอย่างเต็มที่ โดยหลังจากนี้ จะเป็นขั้นตอนในการขยายผล ทั้งเส้นทางการเงิน และเส้นทางการติดต่อ เพื่อที่จะนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบยึดทรัพย์อย่างเด็ดขาดต่อไป

 

 

 

 

สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 2 เครือข่าย มีความผิดฐาน ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมตแอมเฟตามีนหรือยาบ้า โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งจะมีการขยายผลจับกุม รวมไปถึงยึดทรัพย์เครือข่ายที่เหลือต่อไป