"อุตตม" แจงร่วมทุน "หอชมเมือง" ถูกกฎหมายทุกขั้นตอนริเริ่มจากเอกชนรวมตัวตั้งมูลนิธิขอใช้ประโยชน์ที่ดินตาบอดย่านคลองสาน สร้างแลนด์มาร์คท่องเที่ยว โอ่เป็นการกล้าตัดสินใจของรัฐบาล
รัฐสภา - 25 ก.พ.2563-นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงโครงการหอชมเมือง ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของกรมธนารักษ์ พบว่าโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว จากการรวมตัวของภาคเอกชนและสถาบันการเงินกว่า 50 องค์กร จดทะเบียนตั้งเป็นมูลนิธิที่ไม่แสวงหาผลกำไรจากนั้นเสนอขอใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุบริเวณคลองสาน ไม่เคยมีการใช้ประโยชน์หรือพัฒนาที่ดิน
เพราะเป็นที่ตาบอดเข้าออกไม่สะดวก กระทรวงการคลังจึงแจ้งมูลนิธิฯไปขอให้หารือเรื่องจราจรและสิ่งแวดล้อมกับกรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนกระทั่งมีการจดภาระจำยอมให้ใช้พื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร ให้เป็นทางเข้าออกหอชมเมือง จาการศึกษาของกรมธนารักษ์พบว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ตาบอดหากมีการพัฒนาพื้นที่จะส่งผลให้ที่ดินตาบอดมีมูลค่าสูงขึ้น ไม่นับรวมรายได้จากการท่องเที่ยว ขณะที่กรมธนารักษ์จะได้ค่าธรรมเนียมตลอดอายุสัญญา จากเดิมที่ไม่เคยได้รับประโยชน์เลย หากการบริหารของมูลนิธิฯมีกำไร จะนำกำไรมาพัฒนาชุมชนโดยรอบ ซึ่งเป็นการตอบแทนสังคมที่ดี กรมธนารักษ์จึงให้ความเห็นชอบ แต่โครงการดังกล่าวมีการลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท จึงต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุน พ.ศ. 2556
"ประเด็นที่ไม่มีการประมูลให้เอกชนแข่งขันนั้น กรมธนารักษ์ชี้แจงว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ตาบอดไม่เหมาะสมกับการพัฒนาจึงไม่เคยมีใครขอเช่า ประกอบกับเห็นประโยชน์ในการพัฒนาเป็นแลนด์มาร์คในการท่องเที่ยว นอกจากนั้น พ.ร.บ.ร่วมทุนฯยังระบุว่า หากกิจการที่รัฐต้องการให้เอกชนร่วมทุนต้องสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล แต่การประมูลอาจล่าช้า ไม่ทันเวลา ให้ดำเนินการได้โดยความเห็นของคณะกรรมการร่วมทุนในทางการเมืองและการบริหารเป็นเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลกล้าตัดสินใจในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศ พิจารณารอบคอบผ่านขั้นตอนตามกฎหมายทุกประการ" นายอุตตมกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง