บันเทิง

'เกมรักทรยศ' แรง เมียหลวง เมียน้อย 'แอน - อนันดา - แพทริเซีย' สุดเชือดเฉือน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดใจ 3 นักแสดง "เกมรักทรยศ" ช่อง 3 "แอน ทองประสม" ประกบ "อนันดา" เชือดเฉือน "แพทริเซีย" ละครดราม่าครอบครัว ครอบครัวพังทลาย เพราะสามีนอกใจ คืนนี้ตอนแรก เวลา 20.30 น.

สมการรอคอย สำหรับละคร "เกมรักทรยศ" ช่อง 3 ผลงานการแสดงของ "อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม" ที่มารับบท "อธิน" สามีของ "หมอเจน" ที่รับบทโดย "แอน ทองประสม" และ "แพทริเซีย ธัญชนก" ที่มารับบท "เคท" ซึ่งจะออกอากาศคืนนี้ 23 ส.ค. 2566 เป็นตอนแรก โดย "คมชัดลึก" ได้มีโอกาสเจอนักแสดงทั้ง 3 คน เลยไม่พลาดที่จะสัมภาษณ์ ถึงการถ่ายทำละครเรื่องนี้ 

 

เกมรักทรยศคนจะได้ดูแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง? 

แอน : ตื่นเต้นแหละ ลุ้นเนอะ เพราะถ่ายทำมาปีกว่า รู้เลยว่าออกอากกาศไปก็จะมีการเปรียบเทียบแน่นอน แต่เราก็ตั้งใจทำให้มันดีที่สุด ต้องโดนเปรียบเทียบอยู่แล้ว เตรียมใจไว้แต่เริ่มเลย แอนได้ดูตอนแรกแล้ว ตัวแอนมองว่าดี รู้สึกว่าดี ดูแป๊ปเดียวจบ 1 ชั่วโมง ตอนหนึ่งจะถือว่าอืดที่สุดแล้ว เพราะมันต้องปูอะไรนิดนึง พอหลังจากนั้นก็ค่อนข้างวิ่ง 

อนันดา : มันก็แปลกดีเพระาไม่ได้เล่นละครมานาน เนื้อหามันหนัก พอปิดกล้องก็วางไว้หมดเลย และพอกลับมาวันนี้ก็มารู้สึกรื้อฟื้นถึงตอนที่ถ่ายทำ ตอนนี้พอมองกลับไปที่ตัวละครมันก็เศร้านะในสิ่งที่ตัวละครทำ มันจะมีมุมเห็นใจหมอเจน 

 

อนันดารับรู้ว่าบทของแอนหนักมาก? 

อนันดา : หนักมากครับ ตอนปิดกล้องจำได้ที่คุยกับเขา เขาบอกว่ารู้สึกโล่งอก เหมือนเราสร้างความสัมพันธ์อะไรบางอย่าง ตอนท้ายๆ ก็ยอมรับว่าเขามีส่วนหนึ่งเหมือนเป็นภรรยาผมจริงๆ ผมรู้สึกแคร์คนนี้จริงๆ พไปทำอะไรที่ไปทำร้ายความรู้สึกเขา ก็มีความรู้สึกว่าทำไมว่ะ 

แอน : วันนั้นเขาจะต้องเล่นกับตัวเอง แต่ว่าเขาก็ต้องมาซัพพอร์ตความรู้สึกแอน เหมือนเขาพยายามมากอด พยายามถามว่าเป็นยังไง โอเคมั้ย คือในเรื่องเขาแทบจะบีบคอแอน แต่วันนั้นแอนพังจริงๆ ไม่รู้ว่าตัดออกมาแล้วแอนจะรอดมั้ยฉากนั้น

นักแสดง "เกมรักทรยศ"

เหมือนวิญญาณของตัวละครเข้ามาสิงมั้ย? 

แพทริเซีย : หนูรู้สึกเวลาหนูมองเขา (ยิ้ม) 

แอน : มันก็อยู่กับเรา ด้วยความที่เปิดเรื่องมา แอนก็ต้องตีกับเขาเลย แล้วแอนเล่นไม่ได้ เพราะแอนรู้สึกว่ายังไม่ผูกพันธ์กับเขา ยังไม่มีเส้นรัก มาถึงก็หย่าร้าง ความเจ็บปวดมันยังไม่เกิด เราก็เอ๊ะ จะทำยังไง ก็เลยไปบอกผู้กำกับกับว่าต้องเวิร์คชอป พอเวิร์คชอปก็ได้ทลายกำแพงนั้นไปจริงๆ หลังจากนั้นทุกเช้ามาอนันดาก็เริ่มมาคิสแอน หอมหัว โอบเรา ทำเหมือนเป็นสามีภรรยาปกติ ซึ่งแอนก็ตกใจเพราะไม่เคยเจอวิธีแบบนี้ แต่มันก็ช่วยทำแอนได้ พอแอนจะต้องหย่าร้างกับเขามันก็มีความเจ็บปวดขึ้นมาก็เลยทำให้เราอินๆ ในระหว่างที่เล่นไปด้วย 

 

อะไรทำให้อนันดาทำแบบนั้นกับแอนก่อนเข้าฉาก?

อนันดา : การเข้าหาตัวละครมันก็แล้วแต่คนแตกต่างกันไปตามเทคนิคของตัวเอง บางทีเราไปวิเคราะห์เกินไป คิดเยอะเกินไป ผมอยากสร้างการสัมพันธ์ให้อยู่ในความทรงจำ เพราะในเรื่องอยู่ด้วยกันมาเป็น 10 กว่าปี มีลูก 2 คน ก็เลยต้องหาวิธีเข้าหาตัวละคร ผมก็จะไปจับมือ ไปกอด ไปหอม แรกๆ ก็เกร็งอยู่ ผมพยายามจะค่อยๆ จับเขา (หัวเราะ) บางทีการวิเคราะห์มันอาจจะไม่เพียงพอ มันอาจจะต้องมีอะไรมากกว่านั้น ภาษาสัมผัส อย่างตอนที่เราเวิร์คชอปความรู้สึกก็ต่างกับแพท กับแพทจะรู้สึกเป็นห่วง อยากดูแล กับหมอเจนก็จะเป็นอีกความรู้สึกหนึ่งบางทีก็อยากจะกระชากเขาเข้ามา บางทีก็อยากจะผลักเขาออกไป 

นักแสดง "เกมรักทรยศ"

แพทริเซียไปเวิร์คชอปกับเขาบ้างมั้ย? 

แพทริเซีย : กระหน่ำค่ะ ตอนแรกไปเรียนเองและไปเวิร์คชอปกับพี่เขาด้วย ไม่งั้นก็เครียดกว่าเดิม และการถ่ายทำก็รู้สึกว่าราบรื่น ถึงแม้จะถ่ายกันนาน และไม่ได้เจอกันทุกอาทิตย์ แต่รู้สึกว่าการที่เราได้ทำความรู้จักกันมาก่อนมันช่วยให้เราไม่เกร็ง เพราะในแต่ละฉากมันค่อนข้างยาก

 

ความกดดันที่ได้ร่วมงานกับพี่แอนและพี่อนันดา? 

แพทริเซีย : โชคดีที่ได้เจอพี่อนันดามาก่อนก็เลยเกร็งน้อยหน่อย เขาโปร เขาทำให้หนูสบายๆ ในการเล่นมาก แต่พี่แอนจะเกร็งมากกว่า แต่ก็พยายามทำเต็มที่ค่ะ รู้สึกโชคดีที่ได้มีโอกาสร่วมงานและปะทะคารมกับคุณแอน เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่แฮปปี้มาก หวังว่าออกมาแล้วทุกคนจะรู้สึกไปกับเรา ทั้งความตังใจและความสนุกที่เราส่งไป 

 

ตอนที่เขาฉากแล้วต้องเห็นแอนและอนันดาฟาดฟันกันรู้สึกอย่างไร?

แพทริเซีย : ถ้าฉากรวมกัน 3 คน เราจะรู้สึกได้ถึงความอึดอัดมากกว่า เพราะเราไม่ได้เป็นเมียน้อย หรือคนที่แฉ เราจะมีการจัดการเขาในแบบของเรา แต่ฉากปะทะกับพี่แอน พอถึงเวลามันก็สู้อยูนะ ไมคิดว่าตัวละครนี้จะกล้าสู้หมอเจน ตอนที่เล่นก็ซ้อมกันก่อน แต่ฉากปะทะแรงๆ ถึงเนื้อถึงตัวไม่ได้มีขนาดนั้น แต่เป็นการพูดคุยแบบมีชั้นเชิง คำกันด้วยคำพูด


ยากมั้ยกับบทเมียน้อย เชือดเฉือนไม่ตบตี? 

แพทริเซีย : มันยากด้วยความสัมพันธ์ที่มันผิดที่ผิดทาง และจะทำยังไงให้เล่นออกมาให้คนดูสัมผัสได้ถึงเหตุผลของเขา จริงๆ ความน่าสงสารของเขาที่มีอยู่ค่อนข้างมาก

นักแสดง "เกมรักทรยศ"

ตัวละครของเรื่องนี้มันเข้ากับยุคสมัยปัจจุบันมั้ย? 
แอน :
อันนี้มันไม่มียุคสมัยเลย มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นทุกวัน มีทุกยุค ทุกเจน เกิดกับทุกคน มันไม่มีความเชย ถ้าไม่พูดถึงเรื่องสถานที่นะ เราพูดถึงความเป็นผัวเมีย นอกใจ ทรยศ มันเป็นความรู้สึกที่คลาสสิกมาก และมันก็เหนือกาลเวลาจริงๆ มันไปได้ตลอด มันอยู่กับเราทุกยุค ทุกคน ทุกที่ ทุกจุด เป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย แอนค่อนข้างเชื่อว่าเรืองนี้ถูกรีเมคไปหลายประเทศ แสดงว่ามันต้องมีอะไรที่น่าสนใจในเนื้อหาของเขา ซึ่งแอนรู้สึกว่า วิธีการจัดการปัญหาของตัวละครทุกตัว มันมีเวของมันที่อยู่ในยุคสมับได้ตลอด เพียงแต่ว่ามันไปอยู่มนบริบถของเหตุการณ์ตรงไหนที่จะเข้ากับเหตุการณ์และเรื่องตรงนั้น แอนเชื่อว่าถ้าจะโดนด่าว่าละครผัวเมียเชย ถ้าดูทุกคนจะลืมตรงนั้นไปเลยจริงๆ 

 

อนันดา : มันไม่ใช่ประเด็นหลักที่จะไปดูเมียน้อย เมียหลวงตบตี เส้นเรื่องไม่ได้มีแค่เมียน้อยเมียหลวง มันไม่ใช่ธีมหลัก ธีมหลักเป็นเรื่องของครอบครัว จริงๆ ความสนุกมันอยู่ที่การแก้ปัญหากว่าการปะทะกัน ไม่ใช่ 2 คนนี้มาเจอกันแล้วขยำกัน มันไม่ใช่แนวนั้น 

 

เปลี่ยนไปเยอะมั้ยจากเวอร์ชั่นอังกฤษมาเป็นเวรอ์ชั่นไทย เปลี่ยนไปเยอะมั้ย? 

แอน : มันค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกันค่ะ ในรายละเอียดอาจจะต่างกันบ้าง แต่หลักๆ ก็ยังคงเดิม เรื่องก็คล้ายๆ กัน เพียงแต่แอคติ้ง มันก็เป็นในแบบของเรา อยู่ในสวนยาง ป่า ตัวละครก็จะเป็นอีกอารมณ์ เกาหลีเขาก็จะมีมุมของเขา มันก็คนละบรรยากาศ มันก็เป็นรสชาติของเรา อย่างแพทริเซียก็ใส่ชุดพื้นเมืองทางใต้เปิดตัว มันจะมีความเป็นไทยล้อมรอบ เป็นกลิ่นแบบบ้านเรา 

 

โลเคชั่นไปถ่ายหลายที่? 

แอน : มีพัทยา ภูเก็ต กรุงเทพ 

อนันดา : ส่วนใหญ่ถ่ายที่กรุงเทพ

นักแสดง "เกมรักทรยศ"

อุปสรรคในตอนที่ถ่ายทำมีอะไรมั้ย? 

แอน : อุปสรรคเพียบเลยค่ะ

อนันดา : ก็มีปรับทุกข์กันไปเรื่อยๆ ผมคุยกับผู้กำกับและทีมงาน คุยกันหลายรอบ ผมเป็นพวกที่ต้องเข้าใจว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ หน้าที่ของผมคืออะไร ปรับทุกข์กับผู้กำกับเรื่อยๆ ช่วงแรกๆ ผมยอมรับว่ามีหลายอย่างที่ต้องคุยกับทางทีม ผมต้องจูน เพราะผมห่างจากละครนานมากว่า หาตรงกลางของการแสดง เพราะที่เขาอยากให้ผมมาเล่นเรื่องนี้เพราะอยากจะได้มุมมองอีกแบบหนึ่ง อยากเจอกันครึ่งทาง วิธีการถ่ายทำ การสื่อสาร ก็ว่ากันไป ก็เป็นจุดกึ่งกลางแบบใหม่ที่ต้องไปหากับทีมงาน บางทีภาษาของบทละครกับหนังจะต่างกัน ผมต้องมานั่งย่อยไดอะล็อกให้มันเป็นธรรมชาติ แรกๆ ไม่ค่อยเก็ต 

 

แอน : เขาจะเดินมาถามแอนตลอดว่าเป็นแอน แอนจะพูดมั้ย ซึ่งเราก็ตอบว่าพูด เขาก็จะถามว่าเพราะอะไร ก็เพราะว่าแอนเป็นคนละคร วิธีมันคนละแบบ 

 

อนันดา : มันทำให้ผมเข้าใจอีกมิติหนึ่ง เพราะตอนที่เขาทำผมได้ดูแล้วผมก็ อ๋อ แต่ในหัวผมติดภาพจากหนังมาเยอะ ก็ต้องปรับไป เพราะวิธีารพูดมันเป็นสิ่งที่ผมไม่คุ้นเคย ก็ปรับไปเรื่อยๆ แรกๆ ก็มีปัญหากัน ต้องคุยกับผู้กำกับ (หัวเราะ) 

 

แอน : มันยากตรงที่ว่ามันไม่ต่อเนื่อง บทเสร็จแล้ว แต่ให้เราเล่นตอน 1 แล้วกระโดดไปตอน 18 บางทีเรายังวอร์มไม่พอ แต่ในความยากของเรื่องนี้ ช่วงชีวิตของกราฟตัวละครมันขึ้นลง นั่นหมายความว่าเรื่องอารมณ์ของแอนต้องแข็งมาก เราเคยเล่นไว้เท่านี้ แอนต้องคิดไปข้างหน้าว่าเคลื่อนไหวไปในแต่ละตอนยังไง จะได้กระโจนถูก ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าแอนเล่นใหญ่ไป ผู้กำกับต้องชวยแอนเยอะมาก และไม่รู้ว่าพาร์ทเนอร์จะแสดงอารมณ์อะไรออกมาในระหว่างฉาก ก็กลัวว่าตัวเองจะเล่นใหญ่ไป มันคือความยากของบ้านเราด้วย เพราะไม่มีอะไรมาซัพพอร์ตเรื่องงบการถ่ายทำที่เยอะมาก

 

เราก็ทำกันสุดใจตามที่งบเรามี มันเลยเป็นความยากสำหรับแอนเรื่องความต่อเนื่อง หรือบางทีเป็นฉากที่ลูกต้องตัดสินใจที่ทำร้ายแอนมากๆ ถ่ายได้ยังไง เพิ่งเล่นไปได้ครึ่งเรื่องเอง ผู้กำกับก็พยายามอธิบายให้เห็นภาพและพาเราไปให้ได้ ละครเรื่องนี้แอนมีแทบทุกฉากเลย เห็นแอนทุกฉากจริงๆ แอนเลยจำได้หมด ใน 1 ปีแอนใช้ชีวิตเป็นหมอเจนจริงๆ ทีมงานใช้งานแอนทุกวัน ตั้งแต่เช้าถึง 4 ทุ่ม อย่างอนันดากับแพท เขาจะมีการแตะมือกันมาเล่นงานเรา แต่เรายืนสแตนบายอย่างดี แอนเลยจำได้ตลอดว่าตัวเองอยู่ตรงไหน แต่บางครั้งเราก็เหนื่อยจนไม่สามารถงัดมันขึ้นมาได้ มันยากตรงนั้น และตอนนี้แอนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาเล่นแล้วได้รางวัลกัน หรือได้รับความชื่นชม ถ้าเล่นแล้วทะลุมิติไปได้ มันยากจริง   

นักแสดง "เกมรักทรยศ"   

สำหรับแอนต้องเผชิญกับบทแล้วมีอุปสรรครอบข้างอะไรอีกที่เรารู้สึก?
แอน :
คือมันยากตรงที่ว่ามันไม่ต่อเนื่อง ด้วยความที่บทเขาเสร็จแล้ว สมมติให้เล่นตอน 1 อยู่แล้วก็กระโดดไปตอน 18 แบบนี้บางทีเรายังวอร์มไม่พอ (ถ้ามองในแง่ของละครก็เป็นเรื่องปกติ?) ใช่ แต่ในความยากของเรื่องนี้ไงคะ ช่วงชีวิตกราฟตัวละครมันขึ้นลง นั้นหมายความว่าการวางแผนทางอารมณ์ของแอนต้องแข็งแรงมาก ว่าเราเล่นตรงนี้ไว้แค่นี่ก่อนหน้านี้ฉันต้องผ่านอันนี้มาก่อน แอนต้องคิดไปตั้งแต่ข้างหน้าเลยว่าแอนเคลื่อนไหวในแต่ละตอนยังไง แล้วพอถึงตรงนั้นแอนได้กระโจนถูกว่าต้องไปสุดแค่ไหน

 

ไม่งั้นแอนก็จะกลายเป็นเล่นใหญ่หรือเล่นน้อยไป เพราะฉะนั้นผู้กำกับต้องช่วยแอนเยอะมาก แล้วแอนก็ไม่รู้ว่าพาร์ทเนอร์แอนจะแสดงอะไรออกมาในระหว่างฉากที่เหลือก่อนถึงตรงนั้น กลายเป็นอีนี้อาจจะเล่นใหญ่ไปเลยก็ได้ มันคือความยากของบ้านเราตรฝที่อุตสาหกรรมบ้านเราเรื่องงบมันไม่ได้เยอะมากเราก็ทำเท่าที่งบเราทำกันแบบสุดใจมันก็อาจจะมีบ้างที่ความต่อเนื่องตรงนี้มันยากสำหรับแอนที่ไม่สามารถเรียง 1 2 3 4 สำหรับเรื่องยากแบบนี้หรือบางทีฉากลูกชายแอนมีการตัดสินใจอะไรที่ทำร้ายแอนมากๆ โห จะถ่ายยังไงเพิ่งเล่นไปได้ครึ่งเรื่องเอง แต่ท้ายสุดผู้กำกับเขาก็พยายามอธิบายให้เราเห็นภาพแล้วก็พาเราไปให้ได้

 

คุมอารมณ์ยังไงให้มันต่อเนื่องกันไม่ให้มันโดดไปเลย?
แอน :
จะเห็นเลยว่ามีแอนแทบทุกฉากเลย เพราะฉะนั้นแอนจะจำได้หมด พูดง่ายๆ ในหนึ่งปีตรงนั้นแอนใช้ชีวิต เป็นหมอเจนจริงๆ ทีมงานใช้งานแอนทุกวัน ตั้งแต่เช้าจนถึงสี่ทุ่ม (ยิ้ม) คือยืนสแตนด์บาย แอนเลยค่อนข้างจะโชคดีตรงที่ว่าจำได้ตลอดเวลาว่าตัวเองอยู่ตรงไหนแต่แค่ว่า บางครั้งเราเหนื่อยจนไม่สามารถงัดความรู้สึกขึ้นมาได้เท่านั้นเอง มันยากตรงนั้น เลยเป็นเรื่องความยากของบทมากกว่า แอนเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาเล่นได้รางวัลกัน ได้รับคำชื่นชมถ้าเล่นแล้วทะลุมิติไปได้นะมันยากจริง

 

เรียกว่าเราถึงขีดมาตรฐานของเราแล้วไหมกับการแสดงละครเรื่องนี้?
แอน :
เกินค่ะ แอนยอมรับเลยว่า ไม่ได้ชื่นชมนะคะ กับจ่อยเขาเป็นเรื่องราวใหม่ในชีวิตการแสดงของเราที่เขาเข้ามาแล้ว ทำให้เห็นตัวเองว่าแอนยังกระจอกมากใน หลายๆ เรื่องอันนี้เรื่องจริงนะ หมายถึงว่า เฮ้ยเราคิดว่าเราเก่งแล้ว เราคิดว่า 30 ปีของเราก็อาจจะใช้ได้ประมาณนึงกับประสบการณ์แต่พอจ่อยมารู้สึก โห ฉันนี้ลูกทุ่งมาก หมายถึงระบบเรา (ยิ้ม) คือเขามีทฤษฎีมา เขาเข้าคลาสกับหนังนอกมาผ่านการเวิร์คช็อปอะไรมา มันจะมีทฤษฎีซึ่งเจ๋งมาก แต่แอนจะเป็นเด็กที่ถูกสอนมาใช้ประสบการณ์แล้วพอถึงเวลาบอกแอนละเลงขนาดนั้นได้ยังไง จริงๆ ท้ายสุดมันแค่นี้ก็พอไม่เห็นต้องใช้พลังงานขนาดนั้น เขาสอนแอนหลายๆ อย่างมากเลย เลยรู้สึกว่าพอมาเจอเรื่องนี้ แอนรู้เลยว่าตัวเองไม่ได้เก่งสักเท่าไหร่หรอก แอนเหลือพื้นที่ที่ต้องให้ถมเยอะ อันนี้ไม่ได้ถ่อมตัวนะ พูดตรงๆ 

นักแสดง "เกมรักทรยศ"

เขาหมายถึงว่าอนันดาเป็นบทเรียนใหม่สำหรับเขา?
อนันดา :
คือถ้าถามว่าเจอสิ่งใหม่แล้วเราได้สิ่งใหม่หรือเปล่า มันแน่นอนอยู่แล้ว แบล็กกาวน์มันไม่เหมือนกันไง คือพอได้คุยกับพี่แอนเราก็อ๋อ เขาอยู่กับช่องสามมาตั้งแต่อายุ 13 ซึ่งผมไปหลากหลายบทเลย แต่ละครก็เป็นสิ่งที่ผมรู้จักน้อยมาก บางทีผมก็นั่งอยู่ในฉาก เขาแสดงด้วยกันผมก็ยังลืมตัวหลุดจากบทแล้วมานั่งดูเขาอ่ะ ทำแบบนี้กันได้ด้วย โห มาถึงเจอ ใส่กัน คือโคตรเอ็นเตอร์เทนนิ่ง บางทีเราก็แบบเดี๋ยวกลับมาก่อนๆ (หัวเราะ) ต้องอยู่ในตัวละคร

 

ละครกับหนังมันต่างกันยังไง พอเราได้มาเป็นผู้ชมดูแอนกับแพทริเซียเล่นด้วยกัน?
อนันดา :
มันเป็นเทคนิคที่ล้ำมากจริงๆ ในบางโมเมนต์ผมว่ามันเป็นอาร์ตฟอร์มของมันเอง อาจจะเป็นเหมือนคนที่ร้องเพลงอีกแบบนึง เป็นอาร์แอนด์บี ไปร็อค หรืออะไรสักอย่างแบบนี้ ซึ่งผมก็หยิบมาใช้ในเรื่องนี้นะ คือถ้าพูดในแงคลีเชมันก็จะไปตกพวกเล่นภายนอก แต่จริงๆ ตรงนั้นมันไม่ผิดถ้ามาจากข้างในอยู่ดี แล้วบางทีเราอาจะไม่คุ้นกับการมีปากมีเสียงขนาดนี้ แต่มันก็สนุกพอผมเริ่มคุ้นกับมัน เราเล่นให้มันเข้มข้นได้นี่หว่า คือผมชินกับการดึงเก็บไว้ ดึงกลับมา เพราะเดี๋ยวสุดท้ายบทมันจะพาเราไปตรงนั้นเอง

 

แอน : คือสองคนนี้เล่นใหญ่กันเอง (หัวเราะ)

 

อนันดา : คือมันเอ็นเตอร์เทน คุณสามารถทำฉากเรียบๆ ให้โคตรสนุกได้ทันทีเลย คือเหลือเชื่อผมดูแล้ว โคตรน่าสนใจทันที เจอปุ๊บใส่เลย เอ็นเตอร์เทนนิ่งเลย

นักแสดง "เกมรักทรยศ"

อย่างตัวแพทริเซียเราได้อะไรจากพี่ๆ บ้าง?

แพทริเซีย : ล้นหลาม (หัวเราะ) คือเอาจริงๆ แค่ดูมันก็คุ้มเราแล้ว เรารู้สึกอย่างที่พี่อนันดาบอกค่ะ บางทีเราก็ยังหลุดไปกับมันซึ่งมันไม่ได้เราต้องแสดง ไม่ใช่ชื่นชมพี่ๆ เขาเล่น ถามว่าได้อะไรบ้าง มันได้ทุกอย่างเลยค่ะ คือแค่การเข้าร่วมทำงานด้วยกัน เข้ากองด้วยกัน เราเห็นความเป็นมืออาชีพของพี่ๆ ทั้งคู่แล้วมันดีใจค่ะที่ได้ทำงานร่วมกัน แต่หนูจะจำอะไรไม่ค่อยได้เพราะเป็นช่วงถ่ายบ้างไม่ถ่ายบ้างท้องด้วยมันมึนๆ แต่จำได้ว่าสนุก ท้าทาย

 

อุปสรรคตอนนั้นของแพทก็คือกำลังมีท้องด้วย?

แพทริเซีย : คือจริงๆ เราแพลนแล้วว่าเราจะมีแต่ไม่คิดว่าจะติดเร็วและคิดว่ายังไงก็ถ่ายทันจบก่อนอยู่แล้ว แต่กลายเป็นพอปล่อยแล้วน้องมา ถ่ายก็ยังไม่ถึงไหน มันเลยมีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะตรงนี้ (หัวเราะ)

 

อนันดา : แต่อันนี้คือสมจริงมากเลยนะกับแพทคือในบทเขาท้อง แล้วก็ท้องอยู่ เราก็ต้องไปลูบน้อง ลูกจ๋า (หัวเราะ) เราก็คิดเด็กมันจะสับสนไหม ลูกเห็นเราในทีวีอาจจะแบบเฮ้ยทำไมเสียงนี้คุ้นจัง (หัวเราะ)

 

แพทริเซีย : ในบทมีอยู่แล้ว ในเรื่องมีตั้งแต่ยังไม่ท้อง ท้อง คลอดลูก ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวคือมัน ก็จะไล่สเต็ปชีวิตตัวละครไปด้วย แล้วตอนนั้นก็ท้องพอดีด้วย มันก็เหมือนพัฒนาเป็นไปตามตัวละครจริงๆ (ยิ้ม)

 

มันง่ายไหมพอท้องจริงแล้วก็ต้องมาท้องในละคร?

แพทริเซีย : ไม่ง่ายค่ะ เพราะว่าเราจะมีฮอร์โมนของความเป็นผู้หญิงอยู่แล้วซึ่งจริงๆ มันสวิงเยอะมากเวลาท้องแล้วมา เจอบทแบบนี้อีกเราก็ต้องเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เอาจริงๆมันก็ส่งผลอยู่นะ ไม่รู้ว่าลูกในท้องจะเป็นยังไงแต่ว่ามันก็ผ่านไปได้

 

เอาจริงๆ กลัวไหมว่ามันจะกระทบกับลูกในท้อง?
แพทริเซีย :
เอาจริงๆหนูไม่ได้กลัวเพราะว่าหนูสนุกกับ การทำงานถึงแม้ว่าหนูจะร้องไห้หรือทรมานแค่ไหนในฉาก หนูมีความสุข เวลาคัทหนูแฮปปี้มากก็เลยโอเค สรุปนางออกมาไบโพล่า (หัวเราะ)

 

ตอนเล่นเราต้องคุมอารมณ์ไหม มีการต้องเบรกตัวละครไว้ไหม?
แพทริเซีย :
ไม่ได้เบรค เราก็เต็มที่คือผู้กำกับสั่งมายังไงเราก็พยายามทำตามบรีฟมากเท่านั้น เราก็แคร์น้องแต่ใช้ความสุขนำทาง คือเรามีความสุขในการทำงาน (พอคัทคือจบได้?) ใช่ๆจบได้

 

ต้องมีบอกลูกไหมว่าแม่ทำงานถ่ายละครนะ?
แพทริเซีย :
บอกๆ ตลอดเลย คือบางฉากจำได้เลยว่าหลังๆพอเขาเริ่มตัวโตแล้วเรายังเป็นฉากปะทะอารมณ์หรือบทเครียดด่าพี่อนันดา น้องจะถีบด้วยก็เลยเหมือนใส่อารมณ์ด้วย มันแปลกมาก นักแสดงร่วม (หัวเราะ)

นักแสดง "เกมรักทรยศ"

ทีเซอร์ออกมาสองตัวหลายคนก็บอกว่าน่าดูมาก มันคลายความกังวลไหม เพราะคนจะได้ดูในสิ่งที่คาดหวังแล้วเราตั้งใจ?
อนันดา :
ขอย้ำสิ่งที่แพทพูดเมื่อกี้พอทำไปเรื่อยๆแล้วผมแฮปปี้กับการไปกองถ่ายมากผมก็อยากจะชื่อว่าเป็นนักแสดงมืออาชีพ มันจะแฮปปี้มากตอนที่เราไปเซ็ทแล้วได้ทำงานที่เราได้รับมอบหมายมา พอผมเริ่มแฮปปี้กับการไปกองแล้วได้เจอคนนั้นคนนี้เราอยู่ด้วยกันแล้วมันเติมเต็มมาก นั้นอาจจะเกิดมาจากเคมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้น ผมก็แคร์มันจริงๆ ผมแคร์ความรู้สึกตอนผมอยู่กองถ่ายแล้วผมเลื่อว่าตอนนั้นมันก็ต้องมีคุณค่าอะไรบางอย่างออกมาที่เนื้องานอยู่แล้ว คือผมไม่ได้ เป็นคนที่จะต้องมานั่งคาดหวัง ไม่รู้เรทติ้งด้วยซ้ำว่าวัดกันยังไงคืออะไรยังไง  ผมเชื่อว่ามันมีคุณค่าอะไรในเนื้องานตรงนั้น แล้วตรงนั้นผมว่ามันจะเป็นคุณค่าให้กับคนดูด้วย

 

แอน : จริงๆ ในทีเซอร์ที่ออกไปเป็นแค่ส่วนน้อยนิดมาก หมายถึงว่าเรารู้สึกว่าเขาไม่ได้ขายของเกินจริง ปกติทีเซอร์มันต้องปั่นนิดนึงให้มันดูน่าสนใจ คือจริงๆ เขาเลือกเหมือนเขาถ่อมตัวมาก ข้างในมันมีอะไรน่าสนใจอีกเยอะ แอนเลยมีความคาดคิดว่ามันน่าจะดีและอย่างที่อนันดาบอกมันมีพลังงานดีๆที่เราทำงานกันมาแล้วเรารู้สึกได้ว่าคนดูก็น่าจะรู้ได้สิว่าข้างในมันมีอะไรมากกว่านั้น

 

แพทริเซีย : มันมีเวอร์ชั่นอันคัทค่ะ ดูในแอพพลิเคชัน 3 พลัสได้ แพทเห็นบางฉากที่เขาตัดต่อมาที่ผู้กำกับแอบให้ดูพี่แอนกับพี่อนันดา โอโห คือคุ้มอ่ะ นักแสดงทั้งสองท่านโคจรมาเจอกันในบทที่เข้มข้นแล้วก็มีมิติมากๆไม่ใช่แต่ตัวละครเรา 3 คน คือแคสติ้งอะไรเอย ชีวิตของเกมรักทรยศมันน่าสนใจจริงๆ สำหรับคนที่ดูเวอร์ชั่นอื่นๆก็อยากให้ลองเปิดใจดูเวอร์ชั่นไทยของเราว่าเราจะถ่ายทอดตัวละครต่างๆออกมายังไง

 

ละครเรื่องนี้มันตรงกับสถานการณ์ปัจจุบันเหมือนกันคู่รักหลายคู่ก็ปัญหาเรื่องมือที่สาม มีมุมมองเรื่องนี้กันยังไง?

อนันดา : สำหรับผมไม่ได้ถูกปลูกฝังเรื่องวัฒนธรรมของบ้านเรามากเท่าไหร่ การแต่งงานของผมมันก็ยูนิคต่อผมกับภรรยาผม แต่ผมยอมรับว่าในสังคมไทยมันก็มีความเซ็กเสจอยู่ที่มันให้พื้นที่กับผู้ชายในทางผิดๆค่อนข้างมากแล้วมันก็พาไปสู่สิ่งพวกนี้ ก็ไม่เห็นด้วยผมรู้สึกว่ามันไม่โอเค ไม่ควรเป็นสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องปกติ เอามาเป็นเรื่องปกติในสังคมไทยว่าผู้ชายสามารถมีอะไรนอกพื้นที่ของการแต่งงานได้อีก มันมีหลายอย่างที่มันเป็นพาร์ทต่อสังคมไทยที่มันให้พื้นที่กับผู้ชายในทางที่ผิดแล้วเราไม่ควรโอเคกับมัน

 

แอน : คืออย่างเรื่องนี้นางเอกแอนเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบมากๆเขาใช้ชีวิตเป๊ะมากตั้งใจเรียนหนังสือเป็นหมอมีสามีที่ดีเลี้ยงลูกดีมากทุกอย่างคือดีเพอร์เฟคมากแต่สามีดันมีบ้านเล็กซึ่งบางอย่างมันก็ตอบไม่ได้ว่าความสมบูรณ์แบบมันเป็นตัวซื้อทุกอย่างมันมีปัจจัยอื่นๆด้วย แอนเลยมองว่าเรื่องอะไรแบบนี้ก็น่าจะสะท้อนหรือทำให้คนหลายๆคนเวลาดูแล้วน่าจะเอากลับไปคิดได้ว่ามันอาจจะมีมุมอย่างอื่นที่เราจะต้องจัดการหรือแก้ไขมันในทางตัวละครเรื่องนี้ค่ะ

 

อนันดา : มันมีที่คุณบอกว่ามันไม่ได้เอฟเฟคแค่ตัวเอง มันเอฟเฟคถึงคนอื่น

 

แอน : ใช่ เหมือนการกระทำที่เกิดขึ้นกับเราท้ายที่สุดการแก้ปัญหาหรืออะไรต่างๆที่เราพยายามจะทวงถามเอาคืนหรือแค้นเขาแก้ปัญหาอะไรไปมันก็กลายเป็นว่าบาปทั้งหมดหรือผลทุกอย่างมันไปตกที่ลูก ท้ายที่สุดลูกคือผู้รับสิ่งเหล่านั้นหมดเลย โอโหมันต้องดูเองอ่ะ แอนรู้สึกว่าต้องใจเย็นกันนิดนึงถ้าเราเจอปัญหาอะไรแบบนี้ ต้องค่อยๆคิดเหมือนกัน แต่ถ้าถามแอนเป็นหมอเจนแอนบ๊ายบายแล้วเหมือนกัน แอนไม่ได้พูดโน้มนำสังคมนะ คือหมายความว่าถ้าอยู่แล้วมันแบบนี้เราก็รู้สึกว่าเราใช้สองมือเราเลี้ยงลูกเราต่อได้โดยที่ไม่ต้องอยู่กับผู้ชายที่มีความคิดที่ทรยศเรา เราจะไม่รับคนแบบนี้ สำหรับแอนนะ

 

แพทริเซีย : รู้สึกเรื่องของอารมณ์หรือความสัมพันธ์เป็นอะไรที่พูดยากมากแต่การที่เราได้เห็นมันถ่ายทอดออกมามในทีวีหรือซีรีส์บางทีมันอาจจะทำให้คิดได้ จริงๆคุณแค่ยับยั้งห้ามใจตัวเองมันก็ไม่เปิดปัญหานี้แล้วมันมีทางออกหรือเวย์ที่เราเห็นตัวละครทำซึ่งมันอาจจะทำให้คนดูได้คิดตาม

นักแสดง "เกมรักทรยศ"

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ